สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เติบโตอย่างมีคุณภาพ โอกาสของไทยใน 3 ทศวรรษหน้า

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ ช่วยกันคิด โดย สมเกียรติ ตั้งกิจวานิชย์, นณริฏ พิศลยบุตร สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย

ความขัดแย้งทางการเมืองที่ยืดเยื้อ ทำให้รัฐบาล ธุรกิจ และประชาชนไทยสนใจเฉพาะปัญหาระยะสั้นมากกว่าปัญหาเชิงโครงสร้าง เช่น การพัฒนาเศรษฐกิจไทยให้พ้น "กับดักรายได้ปานกลาง" การปฏิรูปการศึกษาและการรักษาสิ่งแวดล้อม ไทยจะเข้าสู่สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์ในปี 2025 และในอีก 30 ปี ไทยจะมีคนสูงอายุถึง 36%

หากไม่สามารถหลุดพ้นกับดักรายได้ปานกลางได้ทัน ไทยจะกลายเป็นประเทศแรก ๆ ในเอเชียที่ "แก่ก่อนรวย" และ "แก่โดยไม่มีสวัสดิการเพียงพอ" เพราะกองทุนประกันสังคมจะมีปัญหาจนถึงขั้นล้มละลายในประมาณปี 2045 หากไม่มีการปฏิรูปอย่างทันการณ์

ที่ผ่านมา ไทยเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมโดยไม่พัฒนาเทคโนโลยี เน้นส่งออกไปยังตลาดโลก โดยกดค่าแรงให้ต่ำเพื่อให้แข่งขันได้ และไม่คุ้มครองสิ่งแวดล้อมอย่างเพียงพอ การพัฒนาจึงทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำและปัญหาสิ่งแวดล้อมมาก

ในอนาคต ไทยหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องปรับไปสู่ยุทธศาสตร์พัฒนาใหม่ ที่เน้นสร้างมูลค่าเพิ่มบนฐานนวัตกรรม ลดความเหลื่อมล้ำ และรักษาสิ่งแวดล้อมให้มากขึ้น เพื่อให้เห็นถึงภาพอนาคตเศรษฐกิจไทยใน 3 ทศวรรษหน้า และความท้าทายต่าง ๆ บทความนี้จะยกตัวอย่างภาพสถานการณ์ที่เป็นไปได้ (Possible Scenario) 3 ภาพ คือ



ภาพสถานการณ์ 1 "ประเทศไทยไปเรื่อย ๆ"

การพัฒนาในภาพสถานการณ์นี้คล้ายกับแนวทางในปัจจุบัน แต่อัตราการเติบโตเฉลี่ยจะลดลงเหลือ 3.55% ต่อปี ซึ่งทำให้คนไทยมีรายได้ต่อหัว 17,000 ดอลลาร์ในปี 2045 และหลุดพ้นจากระดับรายได้ปานกลางในปี 2036 หรือหลังจากเข้าสู่สังคมสูงอายุสมบูรณ์กว่าทศวรรษ

ไทยจะมีแรงงานในระบบเพิ่มขึ้นเป็น 60% ในปี 2045 และในปีนั้น ดัชนีความเหลื่อมล้ำ (Gini Coefficient) จะอยู่ที่ระดับ 0.37 ซึ่งต่ำกว่าปัจจุบันเล็กน้อยจากแรงกดดันให้มีการกระจายรายได้

อย่างไรก็ตาม การพัฒนาประเทศในแนวทางเดิม จะทำให้ไทยมีปัญหาสิ่งแวดล้อมต่อไป นอกจากนี้ การคาดการณ์ว่าไทยจะพ้นระดับรายได้ปานกลางในปี 2036 นั้นยังมองโลกแง่ดีเกินไป เพราะไม่ได้พิจารณาปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เช่น หากมีการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกอย่างรุนแรง การเปลี่ยนผ่านจะล่าช้าออกไป 2 ปี หากรัฐบาลดำเนินนโยบายประชานิยม โดยใช้เงินปีละ 1 แสนล้านบาท จะทำให้เปลี่ยนผ่านล่าช้าออกไป 4 ปี หากเกิดวิกฤตอัตราแลกเปลี่ยน หรือวิกฤตธนาคาร การเปลี่ยนผ่านจะล่าช้าออกไป 2 ปี และ 4 ปีตามลำดับ และหากเกิดวิกฤตการณ์ทางการเมือง การเปลี่ยนผ่านก็จะล่าช้าออกไปอีก

ดังนั้น ในกรณีที่การบริหารความเสี่ยงผิดพลาด ไทยจะไม่พ้นจากกับดักประเทศรายได้ปานกลางแม้ใน 3 ทศวรรษหน้า

ภาพสถานการณ์ 2 สู่ "ประเทศอุตสาหกรรมก้าวหน้า"

เศรษฐกิจไทยจะถูกขับเคลื่อนจากการยกระดับผลิตภาพในภาคอุตสาหกรรมจากการนำเอาระบบการผลิตแบบลีนมาใช้อย่างกว้างขวาง การทำ R&D การออกแบบและพัฒนาแบรนด์สินค้า ตลอดจนการย้ายการผลิตมูลค่าเพิ่มต่ำไปยังประเทศเพื่อนบ้าน คนไทยจะมีรายได้ต่อหัว 23,700 ดอลลาร์ในปี 2045 จากอัตราการเติบโตเฉลี่ย 4.6% ต่อปี ซึ่งทำให้พ้นระดับรายได้ปานกลางในปี 2028 หรือหลังจากเข้าสู่สังคมสูงอายุสมบูรณ์เล็กน้อย

อุตสาหกรรมจะมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้นเป็น 64% ของ GDP และมีแรงงานในระบบเพิ่มเป็น 67% อย่างไรก็ตาม การเน้นพัฒนาอุตสาหกรรมจะทำให้มีปัญหาสิ่งแวดล้อมและความเหลื่อมล้ำเพิ่มขึ้น เพราะประโยชน์ตกอยู่กับเจ้าของทุน ในภาพนี้ รัฐบาลต้องมีนโยบายที่เหมาะสมเช่น เร่งพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานให้มีคุณภาพสูง พัฒนาวิศวกรและช่างเทคนิค รณรงค์ให้ภาคเอกชนเพิ่มผลิตภาพและสร้างนวัตกรรม ในทางตรงกันข้าม รัฐบาลไม่ควรดึงดูด แรงงานต่างด้าวทักษะต่ำ เข้ามาในไทย เพราะจะทำให้อุตสาหกรรมพึ่งพาแรงงานราคาถูกต่อไป

ภาพสถานการณ์ 3 สู่ "ประเทศเกษตรทันสมัยและบริการฐานความรู้"

การพัฒนาเศรษฐกิจไทยจะเน้นการพัฒนาภาคเกษตรดั้งเดิม ให้เป็นภาคเกษตรทันสมัย โดยใช้เครื่องจักร เทคโนโลยี ทำวิจัยและพัฒนา บริหารการผลิตรองรับการผลิตอาหารปลอดภัย และการพัฒนาภาคบริการให้เป็นบริการฐานความรู้ โดยเปิดเสรีภาคบริการ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและพัฒนาแรงงานให้มีทักษะทั่วไปที่มีคุณภาพสูง

รายได้ต่อหัวของคนไทยในปี 2045 จะสูงขึ้นถึง 28,400 ดอลลาร์ โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 5.2% ต่อปี ทำให้ไทยพ้นระดับรายได้ปานกลางในปี 2028 ภาคบริการมีมูลค่าเพิ่มเป็น 59.3% ของ GDP โดยเป็นบริการฐานความรู้ 30.8% ในขณะที่ภาคเกษตรเล็กลงเหลือ 3.8% ของ GDP

ในภาพนี้ ดัชนีความเหลื่อมล้ำจะลดลงเหลือ 0.33 เนื่องจากรายได้ของแรงงานเพิ่มขึ้น และจะมีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมลดลง เนื่องจากใช้พลังงานต่ำกว่าอุตสาหกรรม

ในภาพนี้ รัฐบาลจะต้องไม่มีนโยบายอุดหนุนราคาสินค้าเกษตรมากจนเกษตรกรมุ่งผลิตสินค้าในเชิงปริมาณ โดยไม่สนใจคุณภาพ และต้องไม่คุ้มครองบริการที่ผูกขาด ซึ่งก่อให้เกิดต้นทุนสูงต่อเศรษฐกิจ

เมื่อเปรียบเทียบประเทศไทยในปี 2045 ใน 3 ภาพสถานการณ์ (ดูตารางประกอบ) จะเห็นได้ว่า การเปลี่ยนผ่านไปสู่ประเทศเกษตรทันสมัยและบริการฐานความรู้ น่าจะ เป็นภาพที่พึงปรารถนาที่สุด เพราะจะมีอัตราการเติบโตเฉลี่ยสูงสุด ซึ่งทำให้ไทยหลุดพ้นจากกับดักรายได้ปานกลางในปี 2028 หลังจากเข้าสู่สังคมสูงอายุโดยสมบูรณ์ไม่กี่ปี ขณะที่มีความเหลื่อมล้ำและสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด

อย่างไรก็ตาม โครงสร้างเศรษฐกิจในปัจจุบัน ซึ่งมีสัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมใน GDP ในระดับสูง จะทำให้การเปลี่ยนสู่ ภาพสถานการณ์ที่ 2 ง่ายกว่าในระยะสั้น ดังนั้น ภาพที่น่าจะเกิดขึ้นคือส่วนผสมของภาพสถานการณ์ที่ 2 และ 3 โดยมีจุดเชื่อมที่สำคัญคือ การพัฒนาบริการธุรกิจที่รองรับอุตสาหกรรม และอุตสาหกรรมเกษตรแปรรูป ซึ่งจะเชื่อมต่อระหว่างภาคเศรษฐกิจทั้งสาม

การเปลี่ยนผ่านไปสู่อนาคตที่พึงปรารถนาดังกล่าว จะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อปัจจัย 4 ด้านเกิดขึ้นคือ มีทุนมนุษย์คุณภาพสูง การจัดสรรเงินทุนก่อให้เกิดผลิตภาพ รัฐมีประสิทธิภาพ และระบบเศรษฐกิจเปิดกว้าง

โครงสร้างเศรษฐกิจที่เปลี่ยนไปจะทำให้สังคมไทยในอนาคตมีความหลากหลาย และซับซ้อนกว่าปัจจุบันมาก อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านจะก่อให้เกิดความขัดแย้ง เพราะผลประโยชน์ ความเชื่อ และคุณค่าของคนแต่ละกลุ่มจะแตกต่างกันมากขึ้น การป้องกันและระงับความขัดแย้ง จากการเปลี่ยนผ่านจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากรัฐที่ควรเป็นผู้ป้องกันและระงับความขัดแย้ง มีลักษณะรวมศูนย์อำนาจ บริหารอย่างแยกส่วน ไม่เปิดกว้าง และไร้วินัย

การเปลี่ยนผ่านจะเกิดขึ้นได้อย่างราบรื่น จึงจำเป็นต้องมีภาครัฐที่เปิดกว้าง มีวินัยและกระจายอำนาจ ขณะที่ยังสามารถประสานนโยบายภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้น ความท้าทายที่สำคัญที่สุดในการเปลี่ยนผ่านของไทยในอีก 3 ทศวรรษ คือ การปฏิรูปภาครัฐ


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เติบโต อย่างมีคุณภาพ โอกาสของไทย ทศวรรษหน้า

view