SLC ทุนฉงน-ซ่อนกลฮุบ NMG : เหตุไฉน3คนดี-เด่น-ดังคสช."ยืนเด่น"
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
การแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยของบริษัท โซลูชั่นคอนเนอร์1988 จำกัด(มหาชน)หรือ SLC
เมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ว่าได้เข้าถือหุ้นบริษัท เนชั่น มัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ NMG เป็นที่เรียบร้อยแล้วในสัดส่วน 12.27% และซื้อวอร์แรนต์เก็บไว้อีกประมาณ 6% รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,042 ล้านบาท
ทำให้ผมลงมือค้นคว้าหาความรู้เพิ่มเติมว่า เหตุใดบริษัทที่มีผลประกอบการขาดทุนต่อเนื่องมาไม่น้อยกว่า 3-4 ปี กลับได้เงินเพิ่มทุนมหาศาลเมื่อปลายพ.ย.กว่า 2,200 ล้านบาท แล้วกล้าหาญชาญชัยมาซื้อหุ้น NMG ที่มีขนาดสินทรัพย์ใหญ่กว่าหลายเท่า และผลประกอบการเป็นบวกมาโดยตลอดในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา
ขนาดสินทรัพย์ของ SLC เมื่อสิ้นเดือนก.ย.2557 ยอดรวม 2,379 ล้านบาท บริษัท NMG มียอดสินทรัพย์รวม 8,650 ล้านบาท
บริษัท SLC ขาดทุนต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2553 145 ล้านบาท, ปี 2554 203 ล้านบาท, ปี 2555 146 ล้านบาท, ปี 2556 197 ล้านบาท และปี 2557 รอบ 9 เดือนขาดทุน 397 ล้านบาท รวมขาดขาดทุนสะสม 1,118 ล้านบาท
ฐานะการเงินย่ำแย่ถึงขั้นหลังประมูลทีวีดิจิทัลเสร็จเมื่อปลายปี 2556 พอดีว่า วันนี้ (28 ธ.ค.) เป็นวันครบรอบ 1 ปี ประมูลทีวีดิจิทัล จึงจะลองลำดับเรื่องคร่าวๆ ให้ผู้อ่านได้รับทราบว่าบริษัท SLC ไม่มีเงินสดเพียงพอจ่ายเงินประมูลทีวีดิจิทัลก้อนแรกประมาณ 200 ล้านบาท ในต้นเดือน ก.พ. 2557 จนต้องไปทำสัญญากึ่งๆ เงินกู้ 250 ล้านบาทจากบริษัทตงฮั้วของ "วิชัย ทองแตง" เจ้าของกิจการโรงพยาบาลหลายแห่ง และเคเบิ้ลทีวี CTH ที่มีเงื่อนไขเรียกคืนได้หรือเข้าซื้อหุ้น SLC ได้ประมาณ 60%
แต่ดีลนี้ต่อมาจบลงด้วยการทวงเงิน 250 คืน เพราะผลประกอบการของช่อง Springnews ขาดทุนซ้ำซากไม่มีแนวโน้มว่าจะฟื้นเห็นกำไรได้ในเร็ววัน ซึ่งยังสามารถอ้างได้ว่ามาจากปัจจัยแวดล้อมของการเกิดทีวีดิจิทัล ที่ไม่เอื้ออำนวยจากการทำงานที่ล้มเหลว ของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ (กสท.)
ผู้บริหาร SLC ดิ้นรนเรียกชำระเพิ่มทุนตลอดปีนี้มาประมาณ 10 ครั้ง ด้วยทุนจดทะเบียนกว่า 100,000 ล้านบาท (แสนล้านบาท) กับสูตรการเพิ่มทุนพิศดารพันลึก จนเกิดการเรื่องเกิดราวกันเอาทหารมาปิดห้องในระหว่างการประชุมผู้ถือหุ้นของ SLC ในวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา เมื่อกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยของ SLC ไม่พอใจจะเข้าไปร่วมประชุมแต่ไม่ได้เอาบัตรประชาชนตัวจริงมา จนนำไปสู่การฟ้องศาลให้เพิกถอนมติที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่ศาลแพ่งนัดไต่สวน 19 ม.ค. 2558
เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไปของนักเล่นหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ว่าหุ้น SLC มีการขึ้นลงของราคาหวือหวามากๆ แต่ก็ยังมีนักลงทุนรายย่อยไปติดกับมากมายขาดทุนป่นปี้ จนถึงขั้นมีแฟนเพจ FB ต่อต้านการเพิ่มทุนของ SLC และนักลงทุนกลุ่มนี้เคยร้องเรียนไปถึงคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.)มาแล้ว
นอกจากนี้เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2557 คณะกรรมการกำกับและดูแลตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ก.ล.ต.) ได้ทำหนังสือพร้อมเอกสารกว่า 300 หน้าส่งไปถึงกรมสอบสวนคดีพิเศษ เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2557 เพื่อให้สอบสวนนายฉาย บุนนาค กับพวกอีกเกือบ 10 คนร่วมกันปั่นราคาหุ้น SLC มาตั้งแต่ ปี 2553 ต่อเนื่องกันมา
ในขณะที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SLC "อารักษ์ ราษฎร์บริหาร" ให้สัมภาษณ์ครั้งแล้วครั้งเล่าว่า จะนำเงินเพิ่มทุนมาลงทุนระยะยาว และไม่ได้มีความคิดจะแทรกแซงการบริหารงานของกลุ่มผู้บริหารเดิม แต่กลับย้ำหลายครั้งว่าต้องการจะให้เกิดความร่วมมือหรือ Synergy ในการทำธุรกิจระหว่างสื่อที่อยู่ภายใต้ 2 กลุ่มบริษัทและมีแผนจะเปลี่ยนบริษัท SLC เป็น Holding Company ด้านสื่อเพื่อเข้าถือหุ้นช่องทีวีดิจิทัลและสื่ออื่นๆเพิ่มขึ้นอีก
SLC : เจ้าของช่องข่าวทีวีดิจิทัล Springnews ถือหุ้น 99%
NMG : ช่องข่าวทีวีดิจิทัล Nation TV (อยู่ในบริษัทลูก NBC ), ช่องวาไรตี้ทีวีดิจิทัล NOW/26 , หนังสือพิมพ์รายวัน 3 ฉบับคือ The Nation, กรุงเทพธุรกิจ และ คมชัดลึก, เว็บไซต์ OKNation.net
นอกจากนี้ SLC ยังแจ้งว่าได้ลงทุนซื้อหุ้น GMM อีกประมาณ 1% เป็นเงินกว่า 100 ล้านบาทและยังเจรจาจะซื้อกิจการของสถานีข่าวทีวีดาวเทียม TNews ของ"สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม"ที่เป็นช่องทีวีดาวเทียมที่เป็นหัวหอกสำคัญอีกช่องนอกเหนือจากช่อง BlueSky ที่ใช้ถ่ายทอดการชุมนุมของกปปส. และขุดเรื่องราวเชิงลบ ของอดีตนายกรัฐมนตรี "ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"
ก่อนหน้านี้ยังทราบว่ากลุ่ม SLC ได้เข้าไปซื้อกิจการของกลุ่มผู้บริหารสถานีวิทยุกระจายเสียง ของกองบัญชาการทหารสูงสุด FM 101 ที่มีเนื้อหาเข้มข้นมากในช่วงการชุมนุมของกลุ่มกปปส.เช่นเดียวกัน รวมทั้งยังได้ข่าวมาอีกว่า SLC เล็งจะซื้อกิจการของนิตยสารดอกเบี้ยของ"รัฐกร อัศดรธีรยุทธ์"ที่เคยมีหุ้นอยู่ในหนังสือพิมพ์ตงฮั้ว นิตยสารด้านการเงินและหุ้นเล่มนี้มีอายุยืนยาวนานกว่า 20 ปีแล้ว
เงินทุนมากมายมหาศาลมาจากไหนยังไม่ทราบ แต่ได้เห็นรายชื่อ "คนสำคัญ" ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้าไปไปเกี่ยวข้องโดยตรงเป็นทางการ 3 คนแล้ว อยากจะตั้งคำถามไปถึงทั้งสามท่านหรือถามท่านนายกรัฐมนตรีประยุทธ์ ว่าทำไมปล่อยให้บุคคลเหล่านี้ไปใช้เวลาทำงานเชิงธุรกิจของบริษัทที่ชวนสงสัยในการเพิ่มทุน นอกจากงานสำคัญในการปฏิรูปประเทศที่ต้องอุทิศเวลาได้อย่างไร
ด้วยความเคารพทั้งสามท่านจริงๆ แต่จำเป็นจะต้องอธิบายความเกี่ยวข้องของทั้งสามท่านกับบริษัท SLC และบริษัท วัธน แคปปิตัล จำกัดหรือ WAT ที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกันกับความพยายามเข้ามาซื้อหุ้นในบริษัท NMG ในหลายๆ "ร่างทรง" หรือ Nominee ที่มีกฎตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ถือว่าเป็นการกระทำความผิดในการครองงำกิจการที่เรียกว่า Acting In Concert (ขออธิบายในคราวต่อไป)
อาจารย์มีชัย ฤชุพันธ์ มีตำแหน่งสำคัญมากๆ กับอนาคตการปฏิรูปประเทศ
ปัจจุบันเป็นที่ปรึกษาคณะรักษาความสงบแห่งชาติ, สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติและเป็นที่ทราบกันดีว่ามีบทบาทสำคัญในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ แม้ว่าไม่ได้มีชื่ออยู่ในคณะกรรมาธิการร่างรัฐธรรมนูญ แต่เมื่อวันที่ 18 ธ.ค. SLC แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่าอาจารย์มีชัยได้รับเลือกให้เป็นกรรมการอิสระ และคาดว่าจะได้รับการแต่งตั้งเป็นประธานคณะกรรมการบริษัท SLC
ดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน มีลูกสาวชื่อ "อรอร อัครเศรณี" ไปจองซื้อหุ้น SLC
แบบ Private Pacement มูลค่า 350 ล้านบาทจะชำระภายในวันที่ 31 มีนาคม 2558 ทราบว่า "ฉาย บุนนาค" คือหลานฝั่งภรรยาของดร.ณรงค์ชัยและเป็นลูกพี่ลูกน้องของ "อรอร"
จึงถึงบางอ้อด้วยประการฉะนี้ว่า ทำไมจึงมีเสียงร่ำลือกันดังทั่วตลาดหุ้นว่าหลังจาก ดร.ณรงค์ชัย ได้เป็นรัฐมนตรีพลังงานแล้ว หลานชายภรรยาที่มีข้อหาปั่นหุ้น SLC จึงเสมือนปลากะดี่ได้น้ำฟื้นคืนชีพมีชีวิตชีวาอีกครั้ง
พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ มีชื่อเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในการเพิ่มทุนและเป็นประธานของบริษัท วัธน แคปิตัล จำกัด ( WAT) ที่มีหุ้นใน NMG ประมาณ 7.57 % และยังมีบุคคลที่เกี่ยวโยงกันคือ "ศิร์วสิษฐ์ สายน้ำผึ้ง" ซื้อหุ้น NMG จากบริษัทมาบุญครอง ( MBK) ประมาณ 6.1%
ผมเคารพสิทธิ์ส่วนบุคคลของทุกท่าน ในการลงทุน หรือเข้าไปเกี่ยวข้องประกอบกิจการทางธุรกิจ เพื่อหารายได้พิเศษเพิ่มเติมจากตำแหน่งในราชการที่น้อยนิด และบริษัทเหล่านี้ไม่ได้มีผลประโยชน์ขัดแย้งซ้ำซ้อนกัน ภาระหน้าที่ราชการโดยตรง แต่มีคำถามว่าเหตุไฉนจึงเข้าไปซื้อหุ้นหรือนั่งเป็นประธานในบริษัทที่ "ขาดทุน" มหาศาลและทราบหรือไม่ว่ายังมีเรื่องราวพิศดารพันลึก ของบุคคลที่เกี่ยวข้องมากมายขนาดนี้ถึงขั้น ก.ล.ต. แจ้งไปดีเอสไอให้สอบสวนการปั่นหุ้น
SLC ทุนฉงน-ซ่อนกลฮุบ NMG(2) : ธนชาติให้ WAT-SLC กู้แม้บักโกรก?
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ความซับซ้อนซ่อนปมของเส้นทาง การเพิ่มทุนและราคาหุ้น ที่เพิ่มขึ้นดั่งจรวดของบริษัท โซลูชั่น
คอนเนอร์ ( 1988 ) จำกัดหรือ SLC เกิดขึ้นมาตั้งแต่"เจ้าของSLCตัวจริง" พ่อมดการเงินยุคดิจิทัล"ฉาย บุนนาค"ได้ทยอยเข้าซื้อหุ้นของ SLC ตั้งแต่ปี 2553 แล้วสร้างปรากฏการณ์ทำราคาหุ้น SLC เพิ่มขึ้นไปกว่า 500% แล้วกลับไปซื้อหุ้นเพิ่มสัดส่วนถือหุ้น SLC กลายเป็นหุ้นใหญ่แต่กลับไม่ปรากฏชื่อ
แต่คณะกรรมการกำกับและดูแลตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เพิ่งยื่นเรื่องกล่าวโทษให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ( DSI ) เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมา สอบสวนเพิ่มเติม"ฉาย บุนนาค" กับพวก 10 คนมีพฤติกรรมการปั่นหุ้น-สร้างราคา SLC เกินจริงมาตั้งแต่ปี 2553 ต่างกรรมต่างวาระกัน
ก่อนหน้านี้ในยุค"ธาริต เพ็งดิษฐ์"เป็นอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ ช่วงประมาณปลายเดือนเม.ย. 2557 ก่อนคณะรักษาความสงบแห่งชาติ( คสช.)เข้ายึดอำนาจการปกครองประเทศจากรัฐบาลรักษาการ"ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร"ประมาณ 3 สัปดาห์
ดีเอสไอและอัยการได้ปิดคดีสั่งไม่ฟ้อง"ฉาย บุนนาค"และพวกอีก20 คนในคดีซื้อหุ้นแบบทุนอำพราง บริษัท ไมด้า ลิสซิ่ง จำกัด(มหาชน)หรือ MIDA และบริษัท แมกซ์เมทัล จำกัด(มหาชน)หรือ MAX
ชื่อผู้ถูกกล่าวหาในคดี MIDA และ MAX ที่เกี่ยวพันกันในฐานะญาติคือ ฉาย บุนนาคกับภรรยา"เดียร์-วรันทยา วงศ์โอภาสี"ที่ปัจจุบันนั่งเป็นรองประธานบริหารธุรกิจของช่องข่าวทีวีดิจิทัล Springnews ที่บริษัท SLC ถือหุ้น 99% และโต้ง-สุพิชยะ ฉายเหมือนวงศ์ ลูกชายของ"ชวนพิศ ฉายเหมือนวงศ์"อดีตผู้ว่าการเคหะแห่งประเทศไทยที่เคยมีชื่อเข้าไปถือหุ้นและนั่งเป็นกรรมการของหลายบริษัทที่"ฉาย บุนนาค"ไปเกี่ยวข้องแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผย
"ชวนพิศ"คือเพื่อนรักมากที่สุดของคุณแม่"ฉาย บุนนาค"นามว่า"โฉมพิศ บุนนาค"ที่มีศักดิ์เป็นญาติภรรยาของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงานดร.ณรงค์ชัย อัครเศรณีที่มีลูกสาวชื่อ"อ๊อบ"อรอร อัครเศรณีและบริษัท อัครเศรณี โฮลดิ้ง จำกัดที่มักเข้าไปมีชื่อเป็นนักลงทุนประเภท Private Placement ให้กับบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ที่"ฉาย บุนนาค"เข้าไปซื้อหุ้นไล่ราคาแล้วมักจะทำ PP เพื่อเพิ่มทุนบริษัทของตัวเองให้ดูเป็นหลักเป็นฐานแหล่งเงินทุน
ค่อนข้างแน่ชัดว่าปฏิบัติการล่าสุดที่มี "ฉาย บุนนาค" เป็นผู้วางแผนและเดินเกมอย่างแยบยลมานานพอสมควร โดยคิดการใหญ่จะเข้าควบคุมกิจการ หรือเทคโอเวอร์บริษัท เนชั่นมัลติมีเดีย กรุ๊ป จำกัด(มหาชน)หรือ NMG ที่มีการปล่อยข่าวลือหยั่งกระแสในตลาดหุ้นมาไม่น้อยกว่า 3-4 เดือนแล้ว
หลังจากตั้งแต่เดือนเม.ย.2557 บริษัทมาบุญครองหรือ MBK ทยอยเก็บหุ้น NMG จากตลาดหุ้น แล้วแจ้งตลาดหลักทรัพย์เมื่อถือครองเกินกว่า 5% จนไปถึงประมาณ 13 % ได้มีข่าวจาก"บันเทิง ตันติวิท" ประธาน MBK หวังจะถือหุ้นอันดับหนึ่ง 20% เพื่อจะได้นำส่วนกำไรมารวมกับ MBK ได้ตามสัดส่วน
"บันเทิง"แสดงความสนใจธุรกิจการศึกษาเพราะ NMG เป็นเจ้าของมหาวิทยาลัยเนชั่นที่จังหวัดลำปางและกรุงเทพ รวมทั้งยังต้องการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจ กับสื่อหลากหลายของเครือเนชั่น ที่มีหนังสือพิมพ์รายวัน 3 ฉบับคือ The Nation, กรุงเทพธุรกิจและคมชัดลึก สถานีโทรทัศน์ดิจิทัล 2 ช่องคือ Nation TV กับ NOW
แต่เมื่อ"บันเทิง ตันติวิท"ได้ฟังจาก "สุทธิชัย หยุ่น" ที่ไม่ต้องการให้ MBK ถือหุ้น NMG เกินกว่า 15%ที่อาจจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ NMG กลุ่มMBK เปลี่ยนแผนอย่างไม่รั้งรอ ขายหุ้น NMG ทั้งหมดให้กับบริษัท วัธน แคปิตัลหรือ WAT ที่ทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แบบไม่เอาจริง ขาดทุนสะสมร่วมพันล้านบาท แต่กลับได้เงินกู้จากธนาคารธนชาติที่ถือหุ้นใหญ่ MBK มาซื้อหุ้น 7.57 % และนักลงทุนที่ชื่อ"ศิร์วสิษฐ์ สายน้ำผึ้ง 6.1% รวมเป็นเงินรวมกัน ร่วม 1,000 ล้านบาท
โดยกลุ่มธนาคารธนชาติ จำกัดที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ MBK ปล่อยเงินกู้ก้อนใหญ่ให้ WAT และศิร์วสิษฐ์ เข้าซื้อหุ้น NMG ที่มีผลตอบแทนต่ำมาก แต่ MBK ได้กำไรจากการเทหุ้น NMG หมดพอร์ตไปร่วม 50 ล้านบาท
สมประโยชน์แบบ WIN-WIN กันระหว่าง MBK ที่ได้กำไรไป 50 ล้านบาทแบบคุ้มลงทุนสั้นๆ WAT กับศิร์วสิษฐ์ ได้หุ้น NMG ไปในราคาแสนถูก 1.6 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับ SLC แจ้งตลาดหุ้นเมื่อวันที่ 18 ธ.ค.ว่าได้ใช้เงิน 1,042 ล้านบาทซื้อหุ้นสามัญ NMG ประมาณ 400 ล้านหุ้นในราคา 2.02 บาทต่อหุ้นคิดเป็น 12.27 %และซื้อ NMG-W3 อีก 225 ล้านหน่วยคิดเป็นประมาณ 6%
น่าสนใจว่าแหล่งเงินทุนในการเข้าซื้อหุ้น SLC ที่"อารักษ์ ราษฎร์บริหาร" ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของ SLC ให้สัมภาษณ์ก็คือธนชาติ เจ้าเก่าที่เคยปล่อยกู้ให้ WAT ซื้อหุ้น NMG จาก MBK มาตั้งแต่ส.ค.2557
ผู้บริหาร SLC บอกประสบความสำเร็จในการเพิ่มทุนครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2557 ได้เงินมาประมาณ 2,200 ล้านบาท แล้วเหตุไฉน ธนาคารธนชาติยังต้องสนับสนุนทางการเงินให้ SLC ที่มีกิจการขาดทุนสะสมมากกว่า 1,200 ล้านบาทและแผนธุรกิจยังคลุมเคลือมากว่าเพิ่มทุนมาเพื่ออะไรกันแน่
ความเคลื่อนไหวของ SLC ที่เพิ่มทุนสำเร็จเมื่อปลายพ.ย.คู่ขนานกับ WAT อย่างน่าฉงนอย่างยิ่ง ในวันที่ 29 พ.ย.ที่ผ่านมา บริษัท วัธน แคปปิตัล จำกัดหรือ WAT ที่ออกมติจดทะเบียนเพิ่มทุนมโหฬาร แล้วขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนได้มาอีก 3.16 พันล้านบาท
พร้อมกับการ"ลอกคราบ"ครั้งที่เท่าไหร่ไม่อาจจดจำได้แล้ว เปลี่ยนชื่อบริษัทใหม่เป็น บริษัท โพลาริส แคปปิตัล จำกัดชื่อย่อว่า POLAR การเปลี่ยนชื่อ WAT เป็น POLAR ดูเหมือนจะทำให้ไม่มีใครจดจำอดีตอันสับสนวกวนของการเพิ่มทุน WAT แบบเดียวกับ SLC มาเป็นชื่อใหม่ POLAR ที่ใครได้ยินแล้ว แวบแรกคงนึกถึงน้ำดื่มโพราลิสที่มีแบรนด์บริสุทธิ์ใสสะอาด
สัดส่วนของ SLC+ WAT ที่ถือใน NMG เท่ากับ 19.75% เมื่อรวมกับ "ศิร์วศิษฐ์ สายน้ำผึ้ง"อีก 9.14% (ตัวเลขล่าสุดจากปิดทะเบียนปลายธ.ค.)ถือหุ้นใน NMG รวมกัน 28.89 %เกินกว่า 25% ที่หากพิสูจน์ได้ว่าเป็นกลุ่มผู้ถือหุ้นรายเดียวกัน ถือว่าสัดส่วนถึงเกณฑ์จะต้องตั้งโต๊ะรับซื้อหุ้น NMG ที่เหลือทั้งหมดจากผู้ถือหุ้นเดิมแล้ว ยังไม่รวมรายชื่อ"นอมินี"ของกลุ่มฉาย บุนนาคที่ดอดเข้ามาเก็บหุ้น NMG ไปเป็นจำนวนมากในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา
หาก"ฉาย บุนนาค"และกลุ่มนอมินียังทำเป็นนิ่งเฉยเหมือนกับว่าเป็นคนละพวกกัน จะเข้าข่ายกระทำความผิดกฏของก.ล.ต.ที่เรียกว่า Acting in Concert ทำให้เกิดความเข้าใจผิดต่อบุคคลอื่นในการหลีกเลี่ยงการทำเทนเดอร์ออฟเฟอร์
และขอตั้งคำถามไปถึง"บันเทิง ตันติวิท" ประธาน MBKที่เคยซื้อหุ้น NMG ไล่ไปถึง 13 %และในฐานะประธานธนาคารธนชาติ ทำไมปล่อยเงินกู้ก้อนใหญ่ให้กับ WAT, SLC ที่มีผลประกอบการขาดทุนสะสมเกินกว่า 1,000 ล้านบาทและไม่มีแผนธุรกิจที่เป็น Real Sector ในการลงทุนเพื่อสร้างผลผลิต แต่กลับนำเงินเพิ่มทุนและเงินกู้มาไล่ซื้อหุ้น NMG ที่เป็นคู่แข่งทางธุรกิจ ขอถามบรรทัดฐานการปล่อยกู้บริษัทขาดทุนมาไล่ซื้อหุ้นคู่แข่ง ระดับจริยธรรมทางธุรกิจของธนาคารธนชาติยังหลงเหลืออยู่แค่ไหน?
'ธนชาต'แจงไม่เคยปล่อยเงินกู้ให้SLCเข้าซื้อหุ้นNMG
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
"แบงค์ธนชาต" แจงไม่เคยปล่อยเงินกู้ให้ SLC เข้าซื้อหุ้น NMG ชี้ผู้บริหารของธนาคารไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
จากกรณีที่หนังสือพิมพ์กรุงเทพธุรกิจได้ตีพิมพ์บทความเรื่อง "SLC ทุนฉงน-ซ่อนกลฮุบ NMG (2) ในคอลัมน์ ”คิดใหม่วันอาทิตย์” ฉบับวันที่ 4 มกราคม 2558 เขียนโดยนายอดิศักดิ์ ลิมปรุงพัฒนกิจ ตั้งคำถามถึงผู้บริหารธนาคารธนชาต สรุปใจความว่า "ทำไมธนาคารธนชาต ปล่อยเงินกู้ให้กับ WAT, SLC ที่มีผลประกอบการขาดทุนและไม่มีแผนธุรกิจที่แน่นอน แต่กลับนำเงินเพิ่มทุนและเงินกู้มาไล่ซื้อหุ้น NMG ที่เป็นคู่แข่งทางธุรกิจ " นั้น
ธนาคารธนชาต ขอชี้แจงว่า กรณีนี้ผู้บริหารของธนาคารไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใด ส่วนการให้สินเชื่อนั้น ธนาคารฯ ก็ไม่ได้ให้สินเชื่อแก่ SLC เพื่อใช้ในการเข้าซื้อหุ้น NMG ในส่วนของ WAT นั้นบริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต ได้ให้เงินกู้เพื่อการซื้อขายหุ้นเพียงครั้งเดียวในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา โดยมีหุ้น NMG เป็นหลักประกัน ให้กู้ในอัตรา 50% ของราคาซื้อขาย ซึ่งหากเกิดกรณีหุ้นมีราคาลดลงถึงจุดหนึ่งที่ตกลงกันหากลูกค้าไม่เพิ่มหลักประกันให้เพียงพอตามสัญญาหรือไม่ขายทิ้งเองเพื่อลดหนี้ บริษัทหลักทรัพย์ สามารถบังคับขายในตลาดได้เพื่อบริหารความเสี่ยงตามหลักเกณท์ เป็นเงื่อนไขปกติที่ให้กับลูกค้าทั่วไปในการลงทุนซื้อหุ้นในตลาดทรัพย์และเป็นไปตามหลักเกณท์ของ กลต. ซึ่งถือว่าเป็นการให้กู้ที่มีความเสี่ยงต่ำมาก และ WAT ได้เคยเปิดเผยให้ตลาดหลักทรัพย์และสาธารณชนทราบว่าวงเงินดังกล่าวมีจำนวนประมาณ 200 ล้านบาทเท่านั้น มิได้มีจำนวนสูงอย่างที่ตั้งข้อสงสัย
ธนาคารธนชาต ใคร่ขอเรียนให้มั่นใจได้ว่า ธนาคารฯ เป็นสถาบันการเงินที่ประกอบกิจการด้วยการยึดมั่นในการมีหลักธรรมาภิบาล สุจริต เสมอมา ขณะเดียวกันก็อยากเรียกร้องให้ผู้เขียนในฐานะทั้งที่เป็นสื่อมวลชนและผู้บริหารสื่อได้โปรดตรวจสอบข้อมูลข้อเท็จจริงให้ถูกต้อง รอบด้าน และชัดเจนเสียก่อนที่จะเผยแพร่ข้อคิดเห็นตามหน้าที่และความรับผิดชอบของสื่อมวลชนด้วยเช่นกัน
ในกรณีนี้ ธนาคารฯ จะพิจารณาฟ้องร้องตามกฎหมาย เพื่อปกป้องและกอบกู้ชื่อเสียงของธนาคารธนชาตต่อไป
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน