ความหวังท่ามกลางวิกฤติ
โดย : แจ็ค มินทร์ อิงค์ธเนศ
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
เทศกาลปีใหม่ถือเป็นโอกาสดีที่นอกจากได้อวยพรญาติสนิท มิตรสหายหรือพันธมิตรทางธุรกิจแล้วยังเป็นโอกาส
ที่เราได้มุมมองของคนรอบข้างเพื่อใช้ประเมินสถานการณ์ที่จะเกิดขึ้นในปีนี้โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจที่แต่ไหนแต่ไรเราก็จะได้เห็นมุมมองที่แตกต่างกันตามแต่ละอุตสาหกรรมที่มีขึ้นบ้างลงบ้างสลับกันไป
ที่จะเห็นโดดเด่นเป็นพิเศษก็คือปีนี้ ที่ดูแล้วทุกคนจะมีความคิดเห็นไปในแนวทางเดียวกันคือกังวลต่อภาวะทางเศรษฐกิจที่กำลังจะเกิดขึ้น โดยเฉพาะเพื่อนฝูงในแวดวงการเงินการธนาคารที่อ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงทางเศรษฐกิจเป็นพิเศษก็บ่งบอกชัดเจนว่าเศรษฐกิจของบ้านเราในปีนี้คงไม่ราบรื่นนัก
ตัวแปรหลักที่ทำให้ทุกคนกังวลว่าจะเกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจในปีนี้ก็คือเสถียรภาพของหลายประเทศเทศทั่วโลกที่สั่นคลอนด้วยหลายปัจจัยเหตุ เริ่มจากตัวแปรใหญ่ที่สุดคือภาวะตกต่ำของราคาน้ำมันที่ดูเผินๆ ก็น่าจะส่งผลดีต่อต้นทุนการผลิต แต่เนื้อแท้แล้วกลับกลายเป็นปัญหาความขัดแย้งระหว่างประเทศที่ส่งผลถึงเศรษฐกิจในระดับโลก
เป็นที่รู้กันดีกว่าความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองระหว่างประเทศนั้นส่งผลต่อความผันผวนของราคาน้ำมันเป็นปกติ แต่คู่กรณีในสงครามราคาน้ำมันครั้งนี้มีความซับซ้อนกว่าเดิมมาก ทั้งสถานการณ์ความขัดแย้งในไครเมียของยูเครนและรัสเซีย รวมไปถึงสหรัฐอเมริกา โอเปค อียู ฯลฯ
ตัวแปรรองลงมาก็ยังมีภาวะเศรษฐกิจในยุโรป โดยเฉพาะกรีซที่กำลังจะมีการเลือกตั้งทั่วไปวันที่ 25 มกราคมนี้ซึ่งปมปัญหาสำคัญอยู่ที่นโยบายของฝ่ายค้านที่เอาใจประชาชนโดยการขอผ่อนปรนทางการเงินกับไอเอ็มเอฟและอียูที่มุ่งรัดเข็มขัดด้วยการตัดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลจนทำให้ประชาชนเดือดร้อน
พรรคการเมืองฝ่ายซ้ายของกรีซ นำโดยนายอเล็กซิส ซีปราสซึ่งได้คะแนนนิยมค่อนข้างสูงจนมีโอกาสเป็นผู้ชนะการเลือกตั้งจึงมีแนวโน้มที่จะนำให้กรีซเข้าสู่วังวนเดิมของวิกฤติเศรษฐกิจคือใช้จ่ายเกินตัว งดชำระหนี้และเป็นต้นเหตุของวิกฤติเศรษฐกิจในอียูได้อีก เพราะอิตาลีและสเปนก็อยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกันนัก
หันมาดูดาวรุ่งอย่างจีนที่เป็นหัวรถจักรนำการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของโลกมาหลายปีด้วยอัตราเติบโตทางเศรษฐกิจ 8-10% มาหลายปีก็ส่งสัญญาณว่าเริ่มอิ่มตัวมา 2-3 ปีแล้วด้วยภาวะเงินเฟ้อและการส่งออกที่เริ่มชะลอตัวจนโอกาสที่จะเติบโตในระดับ 8%-10% ได้อีกคงจะเป็นไปได้ยาก
อีกหนึ่งตัวแปรที่สำคัญไม่น้อยก็คือภัยจากการก่อการร้ายที่เริ่มคุกคามประเทศสงบสุขอย่างออสเตรเลียและลามมาถึงฝรั่งเศสจนกลายเป็นข่าวคึกโครมไปทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่าเรื่องเหล่านี้กระทบต่อความเชื่อมั่นของคนทั้งโลก หากความรุนแรงยังเกิดขึ้นอีก ความเชื่อมั่นที่หายไปของนักลงทุนและนักท่องเที่ยวย่อมกระทบกับเศรษฐกิจของหลายประเทศ
ซึ่งประเทศไทยของเราย่อมได้รับผลกระทบต่างๆ ที่กล่าวมาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เนื่องจากต้องพึ่งพาการส่งออกถึง 65% ของมูลค่าเศรษฐกิจรวม (GDP) รวมถึงภาวะเศรษฐกิจภายในบ้านเราก็ยังไม่เห็นทางสว่างสดใสนัก เพราะเท่าที่คุยกับเพื่อนฝูงในแวดวงธุรกิจก็ค่อนข้างกังวลกับเงินระบบเศรษฐกิจที่หยุดชะงักไปไม่น้อยกว่า 200,000-300,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา ซึ่งยังไม่ได้คิดถึงการหมุนเวียนของเงินที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจไปข้างหน้าได้อีกหลายรอบ
ทั้งหมดเป็นสถานการณ์จริงที่เราต้องเผชิญหน้าและหาทางรับมือกับมันให้ได้ แต่ขณะเดียวกันผมเชื่อว่าทุกอย่างก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทั้งหมดโดยเฉพาะงบใช้จ่ายภาครัฐที่ชะลอไปในช่วงปลายปีที่แล้วซึ่งต้องหาทางนำออกมาใช้ให้ได้ในครึ่งปีแรกของปีนี้ซึ่งน่าจะอัดฉีดเงินเข้าระบบได้ไม่น้อย
หรือจะเป็นโครงการพัฒนาสาธารณูปโภคสมัยใหม่ของรัฐบาลที่แล้วที่ดูเหมือนจะถูกล้มไปแต่เอาเข้าจริงๆ แล้วก็ยังคงอยู่เกือบทั้งหมดซึ่งนั่นหมายถึงงบประมาณมหาศาลที่จะนำออกมาใช้จ่ายในด้านต่างๆ ส่งผลให้เงินหมุนเวียนในระบบเพิ่มขึ้นอีก
หลายๆ คนอาจรู้สึกเป็นเรื่องไกลตัวแต่เงินจากรัฐบาลเมื่อจ่ายให้ผู้รับเหมาเอกชนแล้ว เงินเดียวกันก็ย่อมไหลเวียนไปยังซัพพลายเออร์ โรงงานผู้ผลิต โรงงานเครื่องจักร พนักงานโรงงาน พนักงานของบริษัทต่างๆ ซึ่งเขาก็ต้องจับจ่ายใช้สอยไปยังร้านค้า เพื่อซื้อสินค้าและบริการต่างๆ อีกมากมายหลายทอด
ความหวังจึงยังคงมีอยู่เสมอและความหวังนี้เองจะเป็นตัวหล่อเลี้ยงให้เรามีกำลังใจเดินหน้าต่อไปแม้ในยามเศรษฐกิจผันผวนเช่นนี้
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
