สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ส่งรมว.ศธ.-คสช.สอบปมสรรหาผอ.องค์การค้าฯส่อทุจริต

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

มติผู้ตรวจฯส่งเรื่องรมว.ศธ.-คสช. ตรวจสอบปมสรรหาผอ.องค์การค้าฯมิชอบ-ส่อทุจริตสั่งจ่ายเงิน-จ้างบ.จัดซื้อจัดจ้าง

นายรักษเกชา แฉ่ฉาย รองเลขาธิการและโฆษก รักษาการแทนเลขาธิการสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน กล่าวถึงกรณีการร้องเรียนเกี่ยวกับการดำเนินการสรรหาและเลือกตั้งคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และการสรรหาผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. อาจเป็นไปโดยมิชอบ รวมถึงการว่าจ้างบริษัทก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ ที่อาจดำเนินการโดยไม่โปร่งใส ว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาคำร้องดังกล่าวแล้ว เห็นควรแจ้งไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และรองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (ฝ่ายสังคมและจิตวิทยา) เพื่อดำเนินการเมื่อวันที่ 15 ม.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากภายหลังการตรวจสอบกรณีดังกล่าว พบว่า ประเด็นที่ 1.กรณีที่มีการร้องเรียนว่าเมื่อปี 2555 ได้มีการสั่งจ่ายเช็คเงินสดขององค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. จำนวน 55 ล้านบาท ให้กับบริษัท 2020 เวิลด์มีเดีย จำกัด โดยรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค.(ตำแหน่งในขณะนั้น) เป็นผู้สั่งจ่าย ซึ่งไม่มีอำนาจการสั่งจ่ายอาจส่อเจตนาทุจริต ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าผู้ที่รักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. (ในขณะนั้น) ได้จัดทำสัญญาประนีประนอมยอมความให้กับบริษัทเอกชนคู่กรณี โดยยอมรับว่าสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. อยู่ในฐานะ “ลูกหนี้” ทั้งที่ยังมิได้มีคำพิพากษาในคดีดังกล่าวถึงที่สุด ตลอดจนได้ดำเนินการยกเลิก หรือถอนการยื่นอุทธรณ์ในคดีตามสัญญาประนีประนอมยอมความฉบับดังกล่าว ส่งผลให้สำนักงานคณะกรรมการ สกสค. และทางราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง ประกอบกับในคดีดังกล่าวพนักงานอัยการได้พิจารณาแล้วเห็นควรอุทธรณ์เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของรัฐ จึงยื่นอุทธรณ์เพื่อให้ศาลเพิกถอนคำสั่งอนุญาโตตุลาการ เมื่อวันที่ 28 เม.ย. 2555 อีกทั้งรักษาการในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. ไม่มีอำนาจในการถอนฟ้องยอมความในชั้นศาลโดยลำพัง เพราะเป็นอำนาจของเลขาธิการคณะกรรมการ สกสค.เท่านั้น นอกจากนี้ หนังสือมอบอำนาจทั่วไปที่เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค.ได้มอบอำนาจไว้นั้น ไม่ได้มอบอำนาจให้มีอำนาจถอนฟ้อง หรือไกล่เกลี่ยประนีประนอมยอมความในคดีแพ่ง การกระทำดังกล่าวจึงทำให้ทางราชการได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง เข้าข่ายว่ามีเหตุอันควรสงสัยว่ามีการทุจริตหรือประพฤติมิชอบในหน่วยงานของรัฐ และมีมูลความผิดทางวินัย ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงทำความเห็นพร้อมข้อเสนอแนะไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการดำเนินการตั้งคณะกรรมการสอบสวนต่อไป

นายรักษเกชา กล่าวต่อว่า ประเด็นที่ 2.กรณีร้องเรียนกล่าวอ้างว่าการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. เมื่อปี 2555 ของประธานคณะกรรมการสรรหาบุคคลเพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. และประธานคณะกรรมการ สกสค. เป็นการกระทำที่มิชอบด้วยกฎหมายโดยเปิดโอกาสให้นายสมมาตร์ มีศิลป์ ซึ่งเป็นผู้ที่มีคุณสมบัติต้องห้ามเข้ารับการสรรหา ได้รับสิทธิและได้แสดงวิสัยทัศน์ อันมีผลประโยชน์ทับซ้อนต่อตนเองและพวกพ้อง ซึ่งมีผู้ยื่นเรื่องคัดค้านแล้วแต่ไม่ได้รับการพิจารณานั้น จากการตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า บุคคลดังกล่าวเป็นผู้ที่ถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทุจริต เบียดบัง ยักยอกทรัพย์สินของคุรุสภา รวมทั้งได้ถูกคำสั่งเลิกจ้างจากประธานกรรมการอำนวยการคุรุสภา ซึ่งจากข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องสรุปได้ว่าอาจเป็นผู้ที่มีลักษณะต้องห้ามมิให้เป็นผู้มีสิทธิเข้ารับการสรรหา เพื่อแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา เนื่องจากถูกฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลแขวงพระนครเหนือ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทุจริต เบียดบังยักยอกทรัพย์สินขององค์การค้าของคุรุสภา (ชื่อเดิมขององค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค.) ซึ่งปัจจุบันคดียังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของศาลฎีกา ดังนั้น ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่ หากผลการสืบสวนพบว่าบุคคลดังกล่าวเป็นผู้มีคุณสมบัติต้องห้ามตามประกาศคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการ สกสค. ลงวันที่ 4 กรกฎาคม 2555 ขอให้พิจารณามอบหมายให้ผู้ที่มีอำนาจดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

นายรักษเกชา กล่าวด้วยว่า สำหรับประเด็นที่ 3. กรณีร้องเรียนว่าการก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาจังหวัดเชียงใหม่ มูลค่าโครงการ 360 ล้านบาท อาจมีการทุจริตหรือการดำเนินการที่ไม่โปร่งใสในประเด็นการแก้ไขสัญญาว่าจ้างเพิ่มเติม การแก้ไขแบบแปลน ที่ไม่ผ่านมติของคณะกรรมการบริหาร สกสค. ตลอดจนมีการเอื้อประโยชน์ให้กับเอกชนที่เป็นคู่สัญญาหลายประการ เช่น การผลัดผ่อนระยะเวลาให้กับคู่สัญญา จนทำให้เกิดการทิ้งงานในที่สุด ทำให้ทางราชการได้รับความเสียหาย ซึ่งจากการลงพื้นที่เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงตามพยานเอกสาร ตลอดจนสอบปากคำพยานบุคคลที่เกี่ยวข้อง สรุปได้ว่าเอกชนที่เป็นคู่สัญญาซึ่งเป็นผู้ได้รับการตัดสินให้ชนะการคัดเลือก และได้รับการว่าจ้างเป็นผู้ทำการออกแบบอาคารศูนย์พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ นั้น ปัจจุบันศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ไว้เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ตามคดีหมายเลขแดง ที่ ล.8019/2555 เมื่อวันที่ 27 พฤศจิกายน 2555 ต่อมาได้มีคำพิพากษาให้ล้มละลาย เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม 2556 และจากการตรวจสอบระบบคลังข้อมูลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่าเอกชนที่เป็นคู่สัญญามีทุนจดทะเบียน 3,300,000 บาท ประกอบธุรกิจในหมวด 43210 การติดตั้งไฟฟ้า วัตถุประสงค์ เพื่อรับเหมาติดตั้งอุปกรณ์ไฟฟ้า เมื่อเปรียบเทียบกับบริษัทอื่นซึ่งมีทุนจดทะเบียน 5,000,000 บาท ประกอบธุรกิจในหมวด 71101 กิจกรรมงานสถาปัตยกรรมและการให้คำปรึกษาที่เกี่ยวข้อง วัตถุประสงค์เพื่องานบริการออกแบบก่อสร้างและควบคุมการก่อสร้าง รวมทั้งพบว่าเอกสารหลักฐานของเอกชนที่เป็นคู่สัญญาที่นำมาแสดงตามข้อกำหนด (TOR) ว่าเป็นผู้ออกแบบรับจ้างก่อสร้างอาคารโดยมีวงเงินไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท นั้น คือหนังสือรับรองจากบริษัทอื่น ซึ่งหนังสือรับรองดังกล่าวมิได้ระบุวันที่รับรองไว้แต่อย่างใด อีกทั้งมิได้ระบุเลขที่สัญญาหรือวันที่ทำสัญญาดำเนินการออกแบบก่อสร้างไว้อีกด้วย ทั้งนี้จากการตรวจสอบข้อมูลของบริษัทที่นำมากล่าวอ้าง พบว่า ปัจจุบันศาลล้มละลายกลางได้มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ไว้เด็ดขาด ตามพระราชบัญญัติล้มละลาย พ.ศ. 2483 ตามคดีหมายเลขแดงที่ ล.2106/2557 เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2557 ประกอบกับตามประกาศเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ เรื่อง คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด ลงวันที่ 2 กันยายน 2557 ไม่ปรากฏอาชีพที่แน่นอนของบริษัทที่นำมากล่าวอ้างแต่อย่างใด อีกทั้งจากการตรวจสอบระบบคลังข้อมูลธุรกิจ กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ พบว่านิติบุคคลดังกล่าวไม่มีสำนักงานแห่งใหญ่ ณ ที่ตั้งตามที่จดทะเบียนไว้ จากข้อเท็จจริงข้างต้นกรณีการจ้างออกแบบก่อสร้างอาคารศูนย์พัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือจังหวัดเชียงใหม่ อาจมีการดำเนินการที่มิชอบด้วยกฎหมาย ตามข้อสังเกตของคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงได้มีข้อสังเกตไว้

"ดังนั้น เพื่อให้ความเป็นธรรมและความโปร่งใสในประเด็นดังกล่าว ผู้ตรวจการแผ่นดินจึงขอให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงในประเด็นดังกล่าวตามอำนาจหน้าที่ หากพบว่ามีผู้ใดกระทำความผิดขอให้ดำเนินการทางวินัยและอาญาโดยเด็ดขาด และแจ้งผลการดำเนินการให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ทราบต่อไป" นายรักษเกชา กล่าว


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : รมว.ศธ.-คสช. สอบปมสรรหา ผอ.องค์การค้าฯ ส่อทุจริต

view