จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน ครูพักลักจำ
โดย ธนา เธียรอัจฉริยะ ผอ.สถาบันพัฒนาความคิดสร้างสรรค์ทางธุรกิจ มหาวิทยาลัยศรีปทุม

ผมได้มีโอกาสสนทนากับ ดร.แสงสุข พิทยานุกุล เจ้าของ smooth e ที่ผมเคยได้ยินแต่เรื่องราวความสำเร็จแต่เพิ่งมีโอกาสเจอตัวเป็น ๆ เมื่อไม่นานมานี้ นอกจากจะทึ่งในความมหัศจรรย์ของคนไทยตัวเล็ก ๆ คนหนึ่งที่ยืนหยัดต่อสู้กับผลิตภัณฑ์ระดับโลกได้จนประสบความสำเร็จอย่างมากแล้ว ยังได้มีโอกาสรับรู้ถึงผลิตภัณฑ์อีกหนึ่งตัวซึ่งก็คือยาสีฟัน Dentiste ที่กำลังเติบโตอย่างมากในต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ญี่ปุ่นและเกาหลี ยิ่งนั่งฟังก็ยิ่งทึ่งในวิธีคิดและความฝันของ ดร.แสงสุข

มีจังหวะหนึ่ง ดร.แสงสุข พูดถึงความฝันที่อยากเห็นแบรนด์ไทยกลายเป็นแบรนด์ระดับโลกอย่างจริง ๆ จัง ๆ และตั้งคำถามว่าทำไมถึงไม่มีแบรนด์ไทยแบรนด์ไหนไปถึงฝันได้เลย แม้กระทั่ง Red Bull ที่เรียกว่าเป็นแบรนด์ระดับโลกสัญชาติไทย แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความสำเร็จของการสร้างแบรนด์ Red Bull และการรับรู้จากคนทั้งโลกก็คือ Red Bull มาจากออสเตรีย ด้วยฝีมือของ ดีทริช เมเทสซิทซ์ ที่เป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับตระกูลอยู่วิทยา ไม่ใช่แบรนด์ไทยพันธุ์แท้แต่อย่างใด

ดร.แสงสุข เปรย ๆ กึ่งวิเคราะห์ว่า ความสำเร็จส่วนหนึ่งของ Red Bull ก็อาจจะเกิดเพราะมี address ที่ถูกต้องตั้งแต่แรก ก็คือการสร้างความรับรู้ว่าเป็นผลิตภัณฑ์สัญชาติออสเตรีย ซึ่งดูจะเหมาะสมและน่าเชื่อถือกับ energy drink ได้เป็นอย่างดี

...............

ผมเคยสัมภาษณ์ วรวิทย์ ศิริพากย์ เจ้าของปัญญ์ปุริ เจ้าของแบรนด์สกินแคร์ระดับบนที่กำลังเติบใหญ่และสยายปีกไปทั่วโลกด้วยยอดขายหลายร้อยล้านบาท เล่าถึงจุดเริ่มต้นของแบรนด์ ตอนที่วรวิทย์เริ่มธุรกิจใหม่ ๆ มีเงินลงทุนไม่กี่แสน เวลาไปออกงานแสดงสินค้ายังไม่มีเงินผลิตสินค้าจริง ๆ ได้เลยด้วยซ้ำ จะมีแต่กล่องโชว์ให้ดูกับผลิตภัณฑ์ตัวอย่างเท่านั้นเอง คำถามที่ทุกคนอยากรู้ โดยเฉพาะคนที่กำลังเริ่มธุรกิจใหม่ ๆ ก็คือว่า แล้ววรวิทย์เริ่มต้นก้าวแรกได้อย่างไร อะไรสำคัญที่สุด

         ดร.แสงสุข พิทยานุกุล                                  วรวิทย์ ศิริพากย์

วรวิทย์เล่าถึงส่วนประกอบหลาย ๆ อย่างถึงความสำเร็จในก้าวแรกที่ออกเดิน มีทั้งเรื่องแบรนด์ที่จะต้องเป๊ะ ต้องไม่ให้ผู้สนใจรู้ว่าเป็นแบรนด์ใหม่เพิ่งตั้ง มีทั้งเรื่องความพยายาม ลองผิดลองถูก การลงมือทำด้วยตัวเอง การสังเกตลูกค้า ฯลฯ แต่มีประเด็นสำคัญประเด็นหนึ่งที่วรวิทย์เน้นมาก ๆ ก็คือการมี "address" ที่ถูกต้อง

วรวิทย์มีความฝันที่ชัดเจนมากในการที่จะสร้างผลิตภัณฑ์ที่เป็น Luxury Product เพื่อขายในตลาดโลก แต่ด้วยเงินลงทุนที่จำกัด การไปถึงความฝันนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก้าวที่วรวิทย์บอกว่าสำคัญมาก ๆ และเมื่อมองย้อนกลับไป เป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง ก็คือการเริ่มเปิดเคาน์เตอร์เล็ก ๆ ที่เกษรพลาซ่า เพราะทำให้แบรนด์เล็ก ๆ อย่างปัญญ์ปุริในตอนนั้นได้เข้าไปอยู่ในหมู่ Luxury Product ทั้งไทยและระดับโลก อิทธิพลของการอยู่ในที่ที่ถูกต้องไม่ใช่มีเฉพาะเพื่อนบ้านที่ทำให้แบรนด์ของเขาถูกจัดกลุ่มไปอยู่ในสาย Luxury โดยปริยาย แต่ลูกค้ารวมถึงดีไซเนอร์และ บ.ก.นิตยสาร ซึ่งจะเดินเข้าเดินออกเกษรพลาซ่าเป็นประจำก็มีโอกาสได้เห็นและทำให้วรวิทย์ได้มีโอกาสชวนให้ทดลองใช้ และเข้าไปสู่กลุ่มคนที่มีอิทธิพลทางความคิดที่ตรงกับจุดยืนที่ปัญญ์ปุริตั้งใจจะเป็น address ที่ถูกต้องจึงเป็นจุดเริ่มต้นของความสำเร็จของปัญญ์ปุริในปัจจุบัน

วิธีคิดนี้ก็ทำให้เมื่อปัญญ์ปุริเริ่มขยายออกต่างประเทศ ก็ใช้วิธีไปตั้งออฟฟิศเล็ก ๆ ที่ปารีส ที่นอกจากจะช่วยเรื่องกฎเกณฑ์การนำเข้าสินค้าในประเทศ EU แล้ว "ที่อยู่" ของสำนักงานที่ปารีส ซึ่งเป็นแหล่งรวมของเครื่องสำอางระดับบนก็ช่วยทำให้ภาพลักษณ์และความน่าเชื่อถือได้มาก รวมถึงการมีโอกาสได้เจอ ได้รู้จักและได้เข้าใจผู้คนที่ทำธุรกิจและผู้มีอิทธิพลที่เกี่ยวข้องกับสกินแคร์ระดับบนที่อยู่รอบ ๆ ศูนย์กลางอย่างปารีสที่ทำให้ปัญญ์ปุริได้รับการยอมรับอย่างรวดเร็ว เป็นวิธีคิดที่ต่อยอดจากร้านแรกที่เกษรพลาซ่าโดยแท้

บางเรื่องที่ดูเผิน ๆ เหมือนไม่สลักสำคัญอะไรอย่างทำเลที่ตั้งหรือ "ภาพจำ" จุดกำเนิดของผลิตภัณฑ์ก็อาจจะเหมือนการกลัดกระดุม ถ้ากลัดผิดตั้งแต่แรก โอกาสจะแก้ไขหรือกลัดใหม่ก็คงลำบากกว่ากลัดให้ถูกตั้งแต่ต้นอยู่เหมือนกัน

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน