Social Media-go-round

โดย : วรวัจน์ สุวคนธ์

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

พึงระลึกเสมอว่าเมื่อนำเสนอข้อมูลขึ้นไปยังโลกออนไลน์แล้วหลักฐานเหล่านั้นจะไม่มีวันตาย

เป็นที่ทราบและยอมรับกันมานานแล้วว่ามนุษย์โลกกำลังมีวิวัฒนาการในอัตราเร่งแบบทวีคูณ นั่นคือเราใช้เวลานับหมื่นปีในการพัฒนาจากมนุษย์ถ้ำเป็นมนุษย์ที่รู้จักเพาะปลูกและรวมกันเป็นชุมชนเกษตรกรรม ใช้เวลาอีกเป็นพันปีกว่าจะรู้จักเครื่องจักรไอน้ำและพลังงานไฟฟ้าจนเกิดการปฏิวัติอุตสาหกรรม อีกประมาณสองร้อยปีต่อมาโลกถึงเพิ่งรู้จักคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ต หลังจากนั้นเองปฏิสัมพันธ์ระหว่างผู้คน การสื่อสาร การศึกษา การค้าและธุรกิจก็เปลี่ยนโฉมหน้าไปโดยสิ้นเชิง โลกได้พบกับทั้งความก้าวหน้ามหาศาล แต่ในขณะเดียวกันก็พบกับปัญหาใหม่ๆ ไม่รู้จบตามมาอีกด้วย โดยเฉพาะประเด็นด้านการสื่อสารผ่าน Social Media

คุณค่ามากมายของการคิดค้น Social Media ที่เห็นได้ชัดคือทำให้ผู้คนสามารถติดต่อสื่อสารกันได้อย่างกว้างขวาง สามารถจับกลุ่มความสนใจเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน ธุรกิจเล็กๆ มีโอกาสเข้าถึงลูกค้าโดยไม่ต้องลงทุนสถานที่และการสต็อกสินค้า ในขณะที่ธุรกิจใหญ่ๆ ก็ใช้เป็นช่องทางทำการตลาดที่ประหยัดและมี Impact สูง องค์กรใดในปัจจุบันที่ไม่สนใจใช้ช่องทาง Social Media ในการติดต่อกับผู้บริโภคนั้นถือว่าเป็นความผิดพลาดในการทำธุรกิจอย่างมาก

ส่วนโทษที่เกิดจากการใช้ Social Media ผิดประเภทหรือโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็มีไม่น้อย เนื่องจาก Social Media เป็นช่องทางที่สามารถสื่อสารได้อย่างรวดเร็วและมีการตรวจสอบน้อยเมื่อเทียบกับปริมาณข้อมูลมหาศาลที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน การหมิ่นประมาท การปล่อยข่าวลือเพื่อหวังผลต่างๆ ตลอดจนการนำเสนอภาพหรือข้อมูลต่างๆ ที่ไม่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็นจากบุคคลแต่ละคนหรือกระทำในฐานะองค์กรก็ตาม ถึงแม้จะเกิดจากความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็สามารถส่งผลกระทบร้ายแรงได้ เพราะเราต้องไม่ลืมว่าคำว่า “พื้นที่ส่วนตัว” ในโลกแห่งอินเทอร์เน็ตกำลังหายไปทุกที ผู้คนสามารถสืบค้นได้ว่าผู้ที่เสนอข้อมูลคนนั้นเป็นใคร บ้านอยู่ที่ไหน ทำงานที่องค์กรใด ชอบหรือไม่ชอบอะไร เคยเขียนหรือเคยส่งต่อข้อมูลอะไรออนไลน์บ้าง และข้อมูลเหล่านั้นเองที่อาจย้อนกลับมาทำร้ายตัวเราหรือองค์กรที่เราทำงานอยู่โดยไม่รู้ตัว

พึงระลึกเสมอว่าเมื่อนำเสนอข้อมูลขึ้นไปยังโลกออนไลน์แล้วหลักฐานเหล่านั้นจะไม่มีวันตาย การติดตามลบหรือแก้ไขในสิ่งที่ตัวเองเสนอไปแล้วนั้นทำได้ยากกว่าการป้องกันก่อนที่จะเกิดเหตุมาก ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรที่จะเขียนหรือส่งขึ้นไปในโลกอินเทอร์เน็ต ผมขอรณรงค์ให้ทุกท่าน “หยุดคิด” ให้มาก โดยเฉพาะใครที่เป็นพนักงานขององค์กรต่างๆ แม้ว่าจะเป็นบุคคลธรรมดาแต่ทุกคนก็มีบทบาทเป็นตัวแทนภาพลักษณ์ขององค์กรหรือที่เรียกได้ว่า “Brand Ambassador” ขององค์กรด้วย บุคคลภายนอกอาจไม่รู้จักเรา แต่รู้ว่าเราทำงานที่ไหนโดยดูจาก Profile ของเรา ชุดฟอร์มที่เราใส่ การ Check in สถานที่ทำงานของเรานั่นเอง

การแสดงความคิดเห็นหรือเสนอข้อมูลโดยขาดการกลั่นกรองในโลก Social Network นั้นถึงแม้ผู้เสนอข้อมูลจะอ้างว่าเป็นสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคลก็ตาม แต่หากกระทำไปโดยเป็นข้อมูลเท็จ ข้อมูลที่ไม่ควรเปิดเผย ข้อมูลที่เจ้าของสงวนลิขสิทธิ์ไว้ หรือข้อมูลที่ก่อให้เกิดผลกระทบต่อบุคคลใดองค์กรใดก็อาจเป็นผลร้าย เบื้องต้นคือทำให้ภาพลักษณ์ตัวเราและองค์กรของเราเสียหาย ผู้คนขาดความเชื่อถือ ที่ร้ายแรงขึ้นมาคืออาจทำให้ความลับทางธุรกิจถูกเปิดเผย เกิดความเสียหายในทางธุรกิจ และที่รุนแรงที่สุดคือการละเมิดกฎหมายพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดทางคอมพิวเตอร์ซึ่งมีโทษอาญาได้

ในฐานะผู้บริหารองค์กร เราจะต้องสื่อสาร และย้ำเตือนให้พนักงานในองค์กรได้ทราบโดยทั่วกันและตระหนักถึงอันตรายจากการใช้ Social Media ที่ผิด และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อตัวเขาหรือต่อองค์กร สิ่งเหล่านี้ต้องมีการสื่อสารย้ำเตือนให้พนักงานทราบอยู่เสมอเพื่อแสดงให้เห็นถึงความเอาจริงเอาจังขององค์กร รวมถึงจัดเตรียมมาตรการ และขั้นตอนการสื่อสารต่อสาธารณชนที่ชัดเจนในกรณีที่ปรากฏข้อมูลที่มีผลกระทบต่อองค์กร ทั้งนี้ เพื่อปกป้ององค์กรจากข้อมูลที่บิดเบือนเสียหาย และเพื่อให้พนักงานมีคุณภาพชีวิตที่ดี สามารถใช้ Social Media ได้อย่างเหมาะสมไม่ตกเป็นผู้เสียหายหรือกระทำความเสียหายต่อผู้อื่น และปลอดจากการคุกคามของอาชญากรรมทางคอมพิวเตอร์ในรูปแบบต่างๆ ซึ่งนับวันยิ่งมีความสลับซับซ้อนมากขึ้น

ไม่ว่าคุณจะเป็นบุคคลในองค์กรหรือบุคคลธรรมดา อย่าลืมครับ “คิด” ถึงผลดีผลเสียที่จะตามมาเสมอก่อนเสนอข้อมูลหรือเขียนความเห็นใดๆ ในโลกออนไลน์ เพื่อตัวของคุณเองครับ
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/home/details/business/ceo-blogs/worawat_s/20150128/631088/Social-Media-go-round.html#sthash.GnDmNWqe.dpuf

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน