สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

การพัฒนาการลงทุนอย่างยั่งยืน

การพัฒนาการลงทุนอย่างยั่งยืน

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์




ปัจจุบัน ตลาดเงินตลาดทุนโลกยังนับว่ามีความผันผวนสูง จากสภาวะดอกเบี้ยที่ต่ำในหลายประเทศ

ในขณะที่ภาคเศรษฐกิจจริงในประเทศหลักหลายประเทศยังคงไม่มีแนวโน้มการฟื้นตัวที่ชัดเจน ส่งผลให้ราคาสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ปรับตัวขึ้นลงอย่างรวดเร็ว เช่น ราคาน้ำมันดิบในโลกที่ปรับตัวลดลงจากระดับสูงกว่า 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มาอยู่ที่ระดับต่ำกว่า 50 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ภายในระยะเวลาเพียง 1 ปี นอกจากนี้ เศรษฐกิจยุโรปที่เผชิญความเสี่ยงด้านเงินฝืดจนทำให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ต้องประกาศใช้มาตรการเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ครอบคลุมถึงพันธบัตรรัฐบาล หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า PUBLIC QE ส่งผลให้ค่าเงินของกลุ่มประเทศยูโร อ่อนค่าลงมาแล้วถึง 18% นับจากต้นปี 2558 เมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ จากหลายปัจจัยการลงทุนที่ขาดความชัดเจน ส่งผลให้ผู้ลงทุนทั่วโลกหันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนที่สร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนมากขึ้น แทนการแสวงหาผลตอบแทนที่สูงแต่มีความผันผวนและมีความเสี่ยงในระยะยาว ซึ่งในประเด็นนี้ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยได้ตระหนักถึงความสำคัญและได้เริ่มผลักดันนโยบายการลงทุนอย่างยั่งยืน หรือ SUSTAINABLE INVESTMENT อย่างต่อเนื่อง

แนวทางการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืน คือการประกอบธุรกิจที่ไม่พิจารณาแต่ผลตอบแทนธุรกิจในรูปของเงินเพียงอย่างเดียว แต่จะครอบคลุมถึงปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG: ENVIRONMENTAL, SOCIAL, AND GOVERNANCE) ควบคู่กันไปด้วย บริษัทที่คำนึงถึงความสำคัญของ ESG จะสามารถดำเนินธุรกิจอย่างเข้มแข็งและให้ผลตอบแทนแก่ผู้ลงทุนในระยะยาวได้ ทั้งนี้ สามารถดูได้จากกลุ่มบริษัทที่ได้รับการจัดให้อยู่ในดัชนี DJSI หรือ DOW JONES SUSTAINABLE INDEX ที่เป็นดัชนีราคาสะท้อนผลประกอบการของบริษัทที่เป็นผู้นำด้าน ESG โดยปัจจุบันมีบริษัทจดทะเบียนไทยจำนวน 10 บริษัทได้รับการคัดเลือกให้เป็นหลักทรัพย์ใน DJSI EMERGING MARKET และมีจำนวน 4 บริษัทที่ได้รับการคัดเลือกให้อยู่ในดัชนี DJSI WORLD ซึ่งหากพิจารณาผลตอบแทนของบริษัททั้ง 10 แห่ง จะพบว่าให้ผลตอบแทนในรูปเงินปันผลและ ROE ดีกว่าบริษัทอื่นในหมวดเดียวกัน สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทกลุ่มดังกล่าวในการสร้างผลตอบแทนที่ยั่งยืนได้

เพื่อเป็นการประกาศเจตนารมณ์และความมุ่งมั่น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในกลุ่ม SUSTAINABLE STOCK EXCHANGE (SSE) ตามกรอบการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติและนับเป็นตลาดหลักทรัพย์แห่งแรกในภูมิภาคอาเชียน ทั้งนี้ กลุ่ม SSE ที่ประกอบไปด้วยตลาดหลักทรัพย์หลายแห่ง (เช่น NASDAQ, NYSE, LONDON STOCK EXCHANGE GROUP, ฯลฯ) เป็นกลุ่มตลาดหลักทรัพย์ที่มีกรอบแนวทางริเริ่มในการเพิ่มความโปร่งใสด้านการดำเนินการของบริษัทจดทะเบียน และกระตุ้นให้บริษัทจดทะเบียนเห็นถึงความสำคัญของ ESG เพื่อนำไปสู่นโยบายการลงทุนอย่างยั่งยืน อย่างไรก็ตาม การจะบรรลุจุดหมายได้นั้น ตลาดหลักทรัพย์สามารถเป็นผู้ริเริ่มผลักดันได้ แต่การจะบรรลุเป้าหมายนั้นจำเป็นต้องเกิดจากความร่วมมือของทั้งผู้ลงทุน ผู้กำกับดูแล และบริษัทจดทะเบียน

ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย จึงวางแผนการดำเนินการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้ง ก.ล.ต. สมาคมบริษัทจัดการลงทุน สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ สมาคมบริษัทจดทะเบียนไทย IOD และมูลนิธิเพื่อคนไทย ในการพัฒนาบริษัทจดทะเบียนให้เป็นที่ยอมรับของผู้ที่สนใจการลงทุนอย่างยั่งยืนทั้งในภูมิภาคและทั่วโลก โดยอาศัยแนวทางเดียวกันกับดัชนี DJSI แต่ปรับเปลี่ยนบริบทในด้าน ESG ให้เหมาะสมกับประเทศไทย เพื่อใช้เป็นเกณฑ์คัดเลือกและประกาศรายชื่อบริษัทที่ผ่านเกณฑ์ ก่อนจะพัฒนาเป็นดัชนีราคาด้านความยั่งยืนของไทยต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ จะเป็นการสมัครใจ โดยไม่มีมาตรการบังคับ และจะไม่เพิ่มภาระให้กับบริษัทจดทะเบียน

ดิฉันเชื่อว่า การพัฒนาให้บริษัทจดทะเบียนไทยให้ความสำคัญกับ ESG เช่น การลดการใช้ทรัพยากร หรือการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ในท้องถิ่นที่ตั้งของกิจการเพื่อสนับสนุนการประกอบอาชีพของชุมชนนั้น แม้ว่าจะไม่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญในรูปผลกำไรทางการเงิน แต่จะช่วยให้ตัวบริษัทสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน และเป็นทางเลือกลงทุนอันดับต้นๆ ให้แก่ผู้ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ นอกจากนี้ การสร้างภาคเอกชนที่มีการเติบโตที่ยั่งยืน จะช่วยส่งผลให้การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศมีความยั่งยืน (SUSTAINABLE DEVELOPMENT) อีกด้วย


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : การพัฒนาการลงทุนอย่างยั่งยืน

view