จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
เด็กที่ไบร์ทที่สุด อาจไม่อินโนเวทีฟที่สุด แต่ถ้าเคมีของเด็กฟิตกับวัฒนธรรมองค์กร แม้เก่งไม่เท่า เขาจะประสบความสำเร็จมากกว่าเด็กเก่งแต่ไม่ฟิต
ความเป็นจริงก็คือ สำหรับแซส สาขาประเทศไทยแล้ว เส้นทางของการก้าวเป็น "บริษัทน่าทำงาน" กลับมีความท้าทายอยู่ไม่น้อย
แม้ว่า บริษัทแม่ของ แซส ซึ่งตั้งอยู่ที่รัฐนอร์ท แคโรไลนาจะสามารถคว้ารางวัล World’s Best Multinational Workplaces ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่องค์กรที่น่าทำงานมากที่สุดในโลก จากการจัดอันดับโดยสถาบัน "Great Place To Work"ก็ตาม
โดยรางวัลดังกล่าวจะสะท้อนถึงการเป็นองค์กรที่ประสบความสำเร็จในเรื่องการสร้างสิ่งแวดล้อมในที่ทำงาน การให้แรงบันดาลใจและการสร้างพลังของพนักงาน ช่วยกระตุ้นพนักงานให้มีความสร้างสรรค์และสร้างผลผลิตอย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนมุ่งเน้นเรื่องการสร้างความสุขให้แก่พนักงานในด้านสวัสดิการ ชีวิต ครอบครัว สุขภาพและทำให้พวกเขามีความภาคภูมิใจในการทำงาน
และแม้ว่า ผลประกอบการของแซส ประเทศไทยนั้น มีความโดดเด่นอย่างยิ่ง คือมีอัตราการเติบโตแบบดับเบิลดิจิตต่อเนื่องทุกปี เช่นในปีที่ผ่านมาเติบโต 23% แต่ที่ผ่านมาเคยเติบโตถึง 71% และ 50 % เป็นต้น
เหตุผลก็คือ โดยภาพรวมนั้นอุตสาหกรรมเทคโนโลยี และไอทีในประเทศไทย ถูกจัดให้อยู่อันดับต้นๆ ในเรื่องของอัตราการลาออกของพนักงาน เพราะดีมานด์มีมากกว่าซัพพลาย ตรงกันข้ามกับตลาดแรงงานของอเมริกาที่ซัพพลายกลับมีมากกว่าดีมานด์ ดังนั้นเมื่อเทียบกับบริษัทแม่ที่พนักงานไม่คิดลาออกและทำงานอยู่กับบริษัทเป็นเวลายาวนานนับสิบๆ ปีแล้ว แซส ประเทศไทยก็ยังห่างชั้นอยู่มาก
"อัตราการลาออกสูงถือเป็นโจทย์ใหญ่ที่ต้องแก้ไขในระยะยาว และเป็นความท้าทายในเรื่องของการเป็นบริษัทน่าทำงาน ซึ่งเราก็รับรู้และดำเนินการแก้ไขอยู่" ทวีศักดิ์ แสงทอง กรรมการผู้จัดการ บริษัท แซส ซอฟท์แวร์ (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าว
ทั้งนี้ทั้งนั้น คงหนีไม่พ้นต้องกางตำราบริหารทรัพยากรมนุษย์ หรือ HR ซึ่งขั้นแรกก็คือ การสร้างคน
"แซสเติบโตขึ้นทุกปี แต่จำนวนคนที่มีทักษะอย่างที่แซสต้องการกลับไม่โต ที่ต้องทำก็คือ การไปเวิร์คกับทางมหาวิทยาลัย เช่น บ่ายนี้ผมจะมีประชุมกับอาจารย์จาก 10 มหาวิทยาลัย โดยเราจะมอบซอฟท์แวร์ให้ไปใช้ฟรี เมื่อเด็กนักศึกษาได้ใช้ มันหมายถึงจำนวนคนที่รู้ถึงเทคโนโลยีของแซสจะเพิ่มขึ้นในตลาด"
นอกจากนั้น แซสยังเปลี่ยนนโยบายจากที่เคยรับคนมีประสบการณ์ เป็นบัณฑิตใหม่จากรั้วมหาวิทยาลัยแล้วนำมาพัฒนาให้มีทักษะความสามารถอย่างที่ต้องการ
"ในอดีต ธุรกิจเราโตเร็ว เลยต้องชอทคัท ไปกวาดหาคนที่มีประสบการณ์ แต่ปีที่แล้วถือเป็นปีที่แรก ที่ผมทดลองรับเด็กจบใหม่เข้ามาและก็ดีเกินคาด เพราะเราเลือกรับเด็กที่ฟิตกับวัฒนธรรมองค์กร จากนั้นก็ลงทุนพัฒนาเขา โดยให้ผู้เชี่ยวชาญจากต่างประเทศมาช่วยสอน ให้เขาเรียนผ่านทางออนไลน์ ให้เขาเรียนรู้จากการทำงานจริงหรือ On the job training"
ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นก็คือ เด็กกลุ่มนี้สามารถสร้างผลงานได้เทียบเท่าและไม่ด้อยไปกว่าคนที่มีประสบการณ์ 5 ปี เลยทีเดียว ประเด็นสำคัญยิ่งกว่า ก็คือ ความภาคภูมิใจรวมถึงความผูกพันที่เขามีกับองค์กร
หลักการที่ช่วยสร้างความสำเร็จ ทวีศักดิ์บอกว่าอยู่ที่ 2 ฟิต คือเด็กต้องฟิตกับวัฒนธรรมองค์กร และต้องฟิตกับลักษณะงาน
"ในการพิจารณาเลือกคนเข้ามาทำงานของผม เริ่มจากให้หัวหน้างานดูในแง่ของฟังก์ชั่นงาน ดูว่าจะสามารถทำงานได้หรือไม่ แต่สุดท้ายผมจะดูในแง่วัฒนธรรมองค์กร เด็กที่ไบร์ทที่สุด อาจไม่อินโนเวทีฟที่สุด แต่ถ้าเคมีของเด็กฟิตกับวัฒนธรรมองค์กร แม้เก่งไม่เท่าแต่เขาจะประสบความสำเร็จมากกว่าเด็กเก่ง แต่ไม่ฟิต ตรงนี้เราพิสูจน์แล้ว"
ซึ่งวัฒนธรรมองค์กรของแซส มีอยู่ด้วยกัน 6 ข้อ ได้แก่
1) Approachable การเป็นบุคคลผู้มีความเป็นมิตร สามารถเข้าหาลูกค้าและเพื่อนร่วมงานได้ง่าย หรือผู้อื่นสามารถเข้าหาได้ง่าย อย่างสบายใจ ทำให้การทำงานหรือการทำธุรกิจร่วมกับผู้อื่นเป็นไปได้ง่ายมากขึ้น
2) Customer-Driven การเป็นบุคคลผู้เอาใจใส่และไม่ละเลยต่อความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า ทำงานอย่างใกล้ชิด มีความเข้าใจอย่างถ่องแท้และสามารถแก้ปัญหาต่างๆได้ ทั้งนี้เป็นเพราะความสำเร็จจะไม่สามารถเกิดขึ้น หากเราไม่สามารถสร้างความพึงพอใจที่ลูกค้ามีต่อเราได้สำเร็จ ลูกค้าในที่นี้เป็นทั้งลูกค้าทางธุรกิจและรวมถึงเพื่อนร่วมงานภายในองค์กรด้วย
3) Swift and Agile การเป็นบุคคลผู้ปฎิบัติงานด้วยความคล่องแคล่ว ว่องไว การรักษากำหนดระยะเวลาที่ต้องทำให้สำเร็จลุล่วง
4) Innovative การรู้จักที่จะนำไอเดียรุดหน้าใหม่ๆเข้ามาปรับใช้ เพื่อการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและยั่งยืน
5) Trustworthy การให้ความเคารพต่อผู้อื่น การเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ทั้งการกระทำ และ คำพูด
6) Value-Driven การปฎิบัติงานด้วยความแน่วแน่และตั้งมั่นที่จะทำให้เป้าหมายของงานบรรลุได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด รวมถึง การเตรียมพร้อม หาทาง รับมือกับอุปสรรคที่อาจเกิดขึ้นในระหว่างทาง โดยไม่ย่อท้อ
อีกคีย์ซัคเซสหนึ่งในเรื่องนี้คงต้องยกให้ พี่เลี้ยง โค้ช ที่ปรึกษา ที่ให้การดูแลพนักงานใหม่ที่ไร้ประสบการณ์กลุ่มนี้
"ถ้าพี่เลี้ยงไม่เป็นโรลโมเดล หรือไอดอล ที่สุดพวกน้องๆ ก็จะเขว และไม่แน่ใจว่าตกลงว่าเขาควรจะไปทางไหน ผมมีโครงการ Management Trainee ที่จะให้ตัวพี่เลี้ยงเข้าโครงการ ให้พวกเขาได้ทดลองทำงานในแต่ละด้านของฟังก์ชั่นงาน โดยผมจะต้องลงมาเป็นคนถ่ายทอดความรู้ประสบการณ์ต่างๆ เราต้องเริ่มจากต้องสร้างคนซึ่งจะทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงก่อนเพื่อให้เขามีไอเดียความคิดต่างๆ แล้วนำไปใช้สร้างคนสืบต่อไป"
ทวีศักดิ์เผยว่า โครงการนี้เกิดขึ้นจากประสบการณ์ที่เคยทำงานที่ยูนิลีเวอร์ ซึ่งได้รับการยกนิ้วยอมรับให้เป็นโรงเรียนสอนคนที่มีมาตรฐานระดับโลก และเขายังโชคดีที่เคยผ่านการทำงานมาในหลากหลายธุรกิจ ให้สามารถเก็บเกี่ยวประสบการณ์ นอกจากนั้นตัวเขายังนิยมชมชอบที่จะแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับผู้บริหารของบริษัทที่เป็นลูกค้า ซึ่งล้วนเป็นองค์กรใหญ่และมีวิธีการสร้างคนที่ดี
นี่คือส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ที่ทวีศักดิ์ใช้ในการขับเคลื่อนสู่การเป็นองค์กรที่มีความสุขในการทำงาน
"ผมเองบอกพนักงานอยู่บ่อยครั้งว่า การเป็นบริษัทน่าทำงานไม่ใช่เรื่องของสวัสดิการ หรือการจัดสถานที่ทำงานสวยงาม เพราะนี่เป็นเพียงแค่องค์ประกอบชิ้นหนึ่งเท่านั้น แต่มันต้องตอบโจทย์ว่า พนักงานต้องมีความสุขกับการทำงาน เวลาที่ทำงานเขามีหัวหน้างาน หรือเพื่อนร่วมงานมาคอยช่วยเหลือหรือเปล่า เวลาที่มีอุปสรรค มีปัญหา เขาสามารถขอความช่วยเหลือได้หรือเปล่า องค์กรมีปัญหาการเมืองภายในจนส่งผลกระทบต่อการทำงานของพนักงานหรือเปล่า ชิ้นอื่นๆ เหล่านี้ต่างหากที่ช่วยทำให้ความเป็นบริษัทน่าทำงานมีความสมบูรณ์แบบ"
เนื่องจากบริบทที่แตกต่างทั้งไลฟ์สไตล์ วิถีทาง และวัฒนธรรม ทวีศักดิ์บอกว่า จำเป็นต้องมีการดีไซน์เส้นทางการเป็นบริษัทที่น่าทำงานที่อาจต่างไปบ้างจากบริษัทแม่ อย่างไรก็ตาม ก็ยังคงเป็นการเดินตามรอยทางของ จิม กูดไนท์ ผู้ก่อตั้งแซส ที่มุ่งมั่นและให้ความสำคัญในการส่งเสริมสนับสนุนให้พนักงานทุกคนมีความสุขทั้งชีวิตการทำงานและชีวิตส่วนตัว มาอย่างต่อเนื่องตลอดระยะเวลา 38 ปีที่ผ่านมา
- See more at: http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/634156#sthash.cUYM90qt.dpuf
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน