จาก โพสต์ทูเดย์
โดย...ไพบูลย์ กระจ่างวุฒิชัย
อีกไม่กี่อึดใจคดีโครงการรับจำนำข้าวก็จะเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดีอาญา ซึ่งในส่วนคดีของ “ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร” อดีตนายกรัฐมนตรี ทางอัยการสูงสุดเตรียมส่งคดีขึ้นศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองในวันที่ 19 ก.พ. แต่กรณีของ “บุญทรง เตริยาภิรมย์” อดีต รมว.พาณิชย์ ต้องใช้เวลาอีกสักระยะ เนื่องจากอยู่ในกระบวนการทางธุรการที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จะส่งเรื่องให้อัยการสูงสุด
“วิชา มหาคุณ” กรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะประธานไต่สวนโครงการรับจำนำข้าว ให้สัมภาษณ์พิเศษกับโพสต์ทูเดย์เกี่ยวกับภารกิจของ ป.ป.ช.ในการสะสางคดีจำนำข้าวที่ผ่านมา และความคาดหวังต่อการปราบปรามการทุจริตในอนาคตไว้อย่างน่าสนใจ
ก่อนอื่น อาจารย์วิชาเล่าถึงคดีโครงการรับจำนำข้าวในส่วนที่เหลือที่ค้างอยู่ในสารบบของ ป.ป.ช. ว่า ขณะนี้อยู่ในระหว่างการสอบสวนบริษัทเอกชนที่มีส่วนเกี่ยวข้องอีก 4 บริษัท และคาดว่าคงใช้เวลาไม่นาน
“แม้กรรมการ ป.ป.ช.หลายท่านกำลังจะหมดวาระ แต่เรามีคนทำงานต่อเนื่อง เวลานี้เราจะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนใหม่ จะให้คนเก่าที่กำลังหมดวาระกับคนใหม่อยู่ด้วยกัน เพื่อจะได้ให้การทำงานราบรื่น เช่น การให้ท่านสุภา ปิยะจิตติ ที่เพิ่งเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการ ป.ป.ช.เข้ามาทำงานร่วมกัน จะได้ทำงานต่อเนื่องในช่วงเปลี่ยนผ่าน ผมลุกไปแล้วพวกท่านจะได้ทำงานต่อได้” อาจารย์วิชา กล่าว
ผลของการตรวจสอบการทุจริตโครงการรับจำนำข้าว อาจารย์วิชา อธิบายว่า การตรวจพบที่เกิดขึ้นเป็นการสะท้อนกระบวนการของการใช้โอกาสในการวางนโยบายของรัฐ เพื่อที่จะหาผลประโยชน์ให้กับพวกพ้องทุกฝ่าย โรงสีก็ได้ เซอร์เวเยอร์ก็ได้ คนที่เป็นพ่อค้าข้าวก็มามีส่วนด้วย และนักการเมือง นักธุรกิจ
เป็นการทุจริตครั้งใหญ่ที่สุดที่ ป.ป.ช.ตรวจพบใช่หรือไม่? อาจารย์วิชา ตอบว่า “มันเยอะมาก ข้าวเป็นพืชเศรษฐกิจ เป็นปากท้องของคนไทย ปีหนึ่งๆ ส่งออก 10 ล้านตัน คำนวณได้เลยว่าเราจะต้องใช้เงินเท่าไหร่ และคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องจะมีโอกาสได้อะไรบ้าง อย่างตอนนี้คนไม่ต้องมีอาชีพอะไรมากหรอก คุณสร้างโรงสี สร้างที่เก็บข้าว สร้างโกดังข้าว ไม่ต้องไปสีข้าวอะไรแล้ว แต่ได้ผลประโยชน์ถ้วนหน้า”
การตรวจสอบคดีถอดถอนอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์คิดหรือไม่ว่าสุดท้ายจะกลายมาเป็นเรื่องการเมืองระหว่างประเทศ อย่างกรณีไทยกับสหรัฐอเมริกา? คำถามนี้ได้คำตอบจากอาจารย์วิชาว่า “เราไม่เข้าใจว่ามันจะไปเกี่ยวกันได้อย่างไร เพราะการทำงานนี้ของ ป.ป.ช.เป็นเรื่องภายในของเรา ที่จริงแล้วสาธารณรัฐประชาชนจีนน่าจะโวยวายมากกว่า เพราะบริษัทจีนเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง สหรัฐอเมริกาไม่น่าจะมาเกี่ยวด้วยเลยในเรื่องนี้”
“รัฐบาลจีนมีนโยบายการปราบปรามการทุจริตแบบเข้มงวดอยู่แล้ว เขาแทบจะประหารชีวิตทุกรายเลยที่เกิดเรื่อง ก่อนหน้านี้ได้มีโอกาสเดินทางไปพบผู้แทนของรัฐบาลจีนได้ให้ข้อมูลหมด ซึ่งเขาก็ยินดีจะร่วมมือกับเรา เพราะถือเป็นการกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันด้วยการแก้ไขปัญหาการทุจริต”
ถ้าพรรคเพื่อไทยกลับมาเป็นรัฐบาลและเลือกจะดำเนินการนโยบายรับจำนำข้าวอีก ป.ป.ช.จะทำอย่างไร? อาจารย์วิชา ตอบว่า “ก็สุดแล้วแต่ ในเมื่อเราได้ชี้ให้คนเห็นแล้วและประชาชนก็รับทราบหมด ถ้าเขาจะคิดว่าเขายังยืนยันอยู่ ก็เป็นเรื่องของเขา ไม่ใช่หน้าที่ของเรา”
“คงไม่ใช่เรื่องการตามล้างตามเช็ด เราถือว่าเราได้บอกกล่าวกับประชาชนแล้ว เราไม่ได้ทำแบบขอไปที เราเอาจริงเอาจัง ประชาชนก็เห็นแล้วว่าเราเอาจริงเอาจัง ในที่สุดแล้วเชื่อว่าจะไม่เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกหรอก เพราะว่าทางสภาปฏิรูปแห่งชาติก็รับลูกไปว่าจะแก้ไขปัญหานี้อย่างไร ถ้ากำลังปฏิรูปกันอยู่และปล่อยให้เกิดกรณีอย่างนี้อีก ก็ถือว่าการปฏิรูปล้มเหลวถูกต้องหรือไม่”
ส่วนการปฏิรูปประเทศในอนาคต กรรมการ ป.ป.ช.ท่านนี้ตั้งความหวังว่า “เราไม่เคยขออำนาจของเราให้เพิ่มขึ้นเลย แต่เราขอให้การทำงานของเรามีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การขยายเวลาการยึดทรัพย์สินออกไปจากเดิมที่มีเวลาแค่ปีเดียวจะเป็นไปได้หรือไม่ เรื่องแบบนี้ไม่ใช่เรื่องอำนาจ แต่เป็นการช่วยให้เราทำงานรอบคอบมากขึ้นมากกว่า”
สุดท้ายอาจารย์วิชาให้ข้อคิดถึงการสร้างเครื่องมือจัดการกับปัญหาทุจริต ว่า “การตรวจสอบการทุจริตจะอาศัยหลักกฎหมายอย่างเดียวไม่ได้ ต้องดูเรื่องบัญชีและทรัพย์สินด้วย เรื่องการเฝ้าระวังการป้องกันการทุจริตจำเป็นต้องคุมความเคลื่อนไหวของทรัพย์สินให้อยู่ในมือเราให้ได้ ซึ่งถ้าเราทำตรงนี้ได้ก็ช่วยยับยั้งการทุจริตได้ เมื่อบล็อกเงินไว้ได้คนก็จะไม่กล้าทุจริต โลกทั้งโลกกำลังเอาใจใส่เรื่องการเงินการคลังการงบประมาณและการติดตามเอาเงินแผ่นดินกลับคืนมา”
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
