จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
ศาลสั่งจำคุกคนละ4ปี"ผู้บริหาร บจก.สุวรรณศรี -อดีตสจ.ชลบุรี กับพวก" ฉ้อโกง–ใช้เอกสารปลอมปี48ลวงนักธุรกิจอินโดทำสัญญาจ่าย76 ล้านซื้อน้ำตาล
ที่ห้องพิจารณา 813 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก เมื่อเวลา 11.00 น. ศาลอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.3505/2555 ที่อัยการฝ่ายคดีอาญา 3 และนายบูดี้ ยูโวโน ( BUDHI YUWONO) นักธุรกิจ ชาวอินโดนีเซีย กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท พี ที บูมิเรโจ ร่วมกันเป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง บริษัท สุวรรณศรีทรานสปอร์ต จำกัด , นายรุ่งโรจน์ สุวรรณศรี กรรมการผู้มีอำนาจ บจก.สุวรรณศรี ฯ , นายสมศักดิ์ ศักดิ์เกษมชัยกุล , นายสมศักดิ์ เนตรนิมิตร อดีต สจ.ชลบุรี และนายนุกราฮา อัดมาจา อินตัน ปูตรา หรือบอย ล่ามแปลภาษาอินโดนีเซีย เป็นจำเลยที่ 1- 5 ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกง และร่วมกันปลอม ใช้เอกสารสิทธิปลอม ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 264 , 265 , 268 และ 341 พร้อมขอให้จำเลยร่วมกันคืนเงิน 76 ล้านบาท โจทก์ร่วมด้วย
ตามคำฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 20 ก.ย.55 บรรยายพฤติการณ์ความผิดสรุปว่า ระหว่างวันที่ 20 ม.ค.-18 ส.ค.48 จำเลยกับพวก ร่วมกันหลอกลวงที่จะขายน้ำตาลทราย 37,500 ตัน มูลค่า 9.65 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้กับบริษัท พีที บูมิเรโจ จำกัด ของนายบูดี ยูโวโน ชาวอินโดนีเซีย โจทก์ร่วม ซึ่งได้รับสัมปทานจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ให้เป็นผู้นำเข้าน้ำตาลทราย โดยพวกจำเลยทำให้บริษัทโจทก์ร่วมหลงเชื่อว่า จำเลยมีน้ำตาลทรายจำนวนมากที่จะขายให้ และตกลงชำระเงินล่วงหน้า 76 ล้านบาท ให้กับ บริษัท สามเสนไอแมกซ์ จำกัด นอกจากนี้พวกจำเลย ยังได้ร่วมกันปลอมใบตราส่งสินค้าหลายครั้ง ให้แก่บริษัทโจทก์ร่วมว่าจะส่งน้ำตาลทราย จากท่าเรือ จ.ชลบุรี ไปที่ประเทศอินโดนีเซีย ทั้งที่ความจริงจำเลยทั้งหมดไม่มีน้ำตาลทรายและไม่สามารถส่งสินค้าให้กับบริษัทโจทก์ร่วมได้ ซึ่งจำเลยมีเจตนาหลอกลวงบริษัทโจทก์ร่วม ส่งมอบเงิน เพื่อจำเลยจะได้รับผลประโยชน์เป็นของตนเอง โดยจำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธ
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานที่ 2 ฝ่ายนำสืบหักล้างกันแล้ว เห็นว่า นายบูดี้ โจทก์ร่วม มอบอำนาจให้ผู้แทน แจ้งความดำเนินคดีกับผู้กระทำผิด ขณะที่ชั้นพิจารณาอัยการโจทก์ และนายบูดี้ โจทก์ร่วม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจ เป็นพยานเบิกความว่า จากการสอบสวนไม่พบจำเลย เคยส่งน้ำตาลให้บริษัทโจทก์ร่วม และเมื่อนำใบตราส่งสินค้าทางทะเล (B/L) ไปตรวจสอบตามท่าเรือ ก็ไม่มีใบตราสินค้าดังกล่าว ส่งไปยังท่าเรือตามที่จำเลยระบุ
ขณะที่โจทก์ร่วม เป็นประจักษ์พยาน เบิกความว่า ได้ตกลงซื้อน้ำตาล และทำสัญญา กับกรรมการผู้จัดการ บริษัท เกรท มอเตอร์ จำกัด และผู้บริหารบริษัท สามเสน ไอแม็กซ์ จำกัด ต่อมาได้รับแจ้งว่านายสมศักดิ์ อดีต สจ.ชลบุรี จำเลยที่ 4 เป็นเจ้าของโรงงานน้ำตาล โจทก์ร่วมจึงไปพบจำเลยที่ 4 และไปดูโกดังเก็บน้ำตาลที่ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ กระทั่งหลงเชื่อว่ามีน้ำตาลสามารถส่งขายให้กับโจทก์ร่วมได้ จึงตัดสินใจทำสัญญาซื้อขายน้ำตาลจากจำเลยที่4 และโอนเงินให้ 76 ล้านบาท โดยมีชื่อ บจก.สุวรรณศรี จำเลยที่ 1 เป็นผู้ส่งสินค้า ตามที่ระบุใบตราส่งสินค้าทางทะเล
ศาลเห็นว่า จำเลยที่ 1 , บจก.เกรท มอเตอร์ และ บจก.สามเสน ฯ ไม่มีใบอนุญาตให้ส่งน้ำตาลออกนอกประเทศ ทั้งที่การส่งออกน้ำตาล ต้องได้รับการอนุญาตจากคณะกรรมการอ้อยและน้ำตาล การกระทำนั้นจึงเป็นอุบายที่หลอกให้โจทก์ร่วม เชื่อและโอนเงินให้ โดยพวกจำเลยรู้อยู่แล้วว่าไม่สามารถส่งน้ำตาลได้ และแสดงให้เห็นความเกี่ยวพันระหว่างพวกจำเลยที่ได้ร่วมวางแผนมาก่อนแล้ว มีการแบ่งหน้าที่กันทำ ซึ่งทางนำสืบรับฟังได้อีกว่า ระหว่างเดินทางโจทก์ร่วม ได้พบและพูดคุยกับจำเลยที่ 3 – 4 ตลอด จึงเชื่อว่าโจทก์ร่วม จดจำจำเลยที่ 3 - 4ได้ และเป็นการเบิกความตามจริงเป็นขั้นเป็นตอน สอดคล้องกับพยานอีก 2 ปากที่ถูกจำเลยที่ 3 - 4 หลอกขายน้ำตาลในลักษณะเดียวกัน พยานโจทก์และโจทก์ร่วม ที่นำสืบมาจึงมีน้ำหนักรับฟังได้
ส่วนข้อต่อสู้จำเลยที่ 1- 4 เป็นการกล่าวอ้างลอยๆ มีพิรุธ ไม่อาจนำสืบหลักล้างพยานหลักฐานโจทก์ จำเลยที่ 1-4 จึงมีความผิดใช้เอกสารสิทธิ์ปลอม แต่จำเลยได้ร่วมกันปลอมเอกสารใบตราส่งสินค้าทางทะเล หรือไม่ เห็นว่าอัยการโจทก์และโจทก์ร่วม ก็ไม่มีประจักษ์พยาน เห็นว่าพวกจำเลย จัดทำเอกสารใบตราส่งสินค้าทางทะเลปลอมขึ้นมา จึงยังไม่อาจฟังได้ว่าจำเลยร่วมกันทำเอกสารปลอม
สำหรับนายนุกราฮา ล่ามแปลภาษา จำเลยที่ 5 ในการสอบสวนไม่ปรากฏว่ามีเจตนาร่วมใช้เอกสารปลอมและร่วมขบวนการกับจำเลยที่ 1-4 อีกทั้ง โจทก์ร่วม เบิกความว่าจำเลยที่ 5 มีหน้าที่เป็นเพียงล่ามช่วยประสานงานให้เท่านั้น
จึงพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 - 4 มีความผิดฐานฉ้อโกง และใช้เอกสารปลอม ที่เป็นความผิดกรรมเดียว แต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษนายรุ่งโรจน์ กก.ผู้มีอำนาจ บจก.สุวรรณศรี จำเลยที่ 2 , นายสมศักดิ์ ศักดิ์เกษมชัยกุล จำเลยที่ 3 , นายสมศักดิ์ เนตรนิมิตร อดีต สจ.ชลบุรี จำเลยที่ 4 ฐานใช้เอกสารปลอมซึ่งเป็นบทหนักสุด จำคุกจำเลยที่ 2- 4 คนละ 4 ปี
และ ปรับ บจก.สุวรรณศรี จำเลยที่ 1 จำนวน 8,000 บาท และให้จำเลยที่ 1- 4 ร่วมกันชดใช้เงินคืนแก่นายบูดี้ โจทก์ร่วม 76 ล้านบาท ส่วนนายนุกราฮา จำเลยที่ 5 พิพากษายกฟ้อง
ภายหลัง ทนายความจำเลย ได้ยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เพื่อปล่อยชั่วคราวระหว่างอุทธรณ์สู้คดี โดยคำร้อง ยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ขณะที่ นายบูดี้ โจทก์ร่วม ก็ได้เดินทางมาจากประเทศอินโดนีเซีย เพื่อมาฟังคำพิพากษาด้วยในวันนี้
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
