สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

พยายามครั้งที่ 100 ดีกว่าท้อถอยก่อนเริ่มทำ (1)

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ Thai Startup Cafe

โดย พงศ์พีระ ชวาลาธวัช www.facebook.com/thaistartupcafe

ท่านผู้อ่านที่เคารพ ช่วงนี้ผมต้องเดินทางไปประชุมต่างประเทศ จน ต.ม.ต่างประเทศแทบจะถาม "ไม่สมัครวีซ่าถาวร" ไปเลยล่ะ แล้วพอกลับมาเมืองไทยก็ต้องไปรับงานวิจัย งานโค้ชชิ่ง Startup จนแทบไม่ได้หลับไม่ได้นอน แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าผมไม่มีอะไรมาเขียนให้ผู้อ่านนะครับ

เพราะล่าสุด ผมมีโอกาสกลับไปเป็น Startup เองอีกครั้ง ต้องเข้าใจก่อนครับ ว่าในวงการ Startup นั้นมีหน้าที่ของกลุ่มและบุคคลที่ต่างกัน ซึ่งในระบบนิเวศนี้จะมีทั้งคนที่ทำ Startup, คนที่เป็น Coach หรือ Incubator, คนที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนในการหาแหล่งทุน, คนที่ทำหน้าที่เป็นตัวแทนผู้ลงทุน หรือ VC, หรือแม้กระทั่งนักลงทุนอิสระ อย่าง Angel Investor

ถึงแม้ว่าบุคคลเหล่านี้จะทำหน้าที่ต่างกัน แต่ก็อยู่ในระบบนิเวศเดียวกัน และมีจุดมุ่งหมายเดียวกัน คือความสำเร็จของ Startup นั่นเอง

มาถึงเรื่องการทำ Startup อีกครั้งของผม ซึ่งทำให้ผมได้กลับมาตื่นตัวกับการล่าหัว VC และ Angel Investor มันทำให้ผมนึกถึงคำพูดของลุง Steve Jobs "Stay Hungry Stay Foolish" เป็นความจริงเหลือเกิน

เพราะมันทำให้ผมกลับมากระหายใคร่รู้และอยากทดลองอะไรใหม่ ๆ อีกครั้ง ผมได้ทบทวนทักษะหนึ่งที่ผมห่างหายไปนาน นั่นคือทักษะในการเตรียมตัวก่อนจะ Pitching กับผู้ลงทุน

วันนี้เรามาคุยกันเรื่องการเตรียมตัวการ Pitch แบบเจาะลึกกันครับ

ผมได้เรียบเรียงหัวข้อที่ startup ต้องเตรียมตัว เปรียบเสมือน Checklist เวลาเราจัดกระเป๋าเดินทาง หากลืมอะไรอย่างใดอย่างหนึ่งงาน Pitch คุณจะดูจืดลงทันที ถ้าลืมหลาย ๆ อย่าง ผู้ลงทุนอาจจะสัมผัสได้ถึงความ "ไม่พร้อม" และ "ไม่ประทับใจ" จนตัดสินไม่ร่วมงานกับคุณได้ เรามาเริ่มกันเลยว่ามีหัวข้ออะไรที่พลาดไม่ได้ก่อนที่จะ Pitching บ้าง

1.Presentation Slide และ Script โดยรวมการ Pitch ทุกประเภทกว่า 80% จะต้อง Pitch เป็นภาษาอังกฤษ เพราะฉะนั้นถ้าคุณเป็นคนถนัดภาษาอังกฤษอยู่แล้ว คุณจะมีชัยไปกว่าค่อน เพราะผู้ลงทุนทั้งไทยและต่างชาติมักจะเลือกคนที่มีศักยภาพด้านภาษา สามารถสื่อสารกันรู้เรื่องไว้ก่อน เผื่อจะต้องไปขยายตลาดต่างประเทศ ฉะนั้นทักษะภาษาสำคัญมากถึงมากที่สุด

อย่างไรก็ดี ก่อนจะไป Pitch ทุกครั้งคุณต้องเตรียม Slide ให้ดีที่สุด โดยมีเนื้อหาและจำนวน Slide ไม่มากและน้อยเกินไปกว่าเวลาที่เราจะต้อง Pitch โดยเฉลี่ยแล้วจำนวนหน้า Slide 1 หน้า จะใช้เวลาประมาณ 1-5 นาที ขึ้นอยู่กับจำนวนเนื้อหาที่เตรียมไว้ ซึ่งไม่มีกฎตายตัวว่าจะใส่รูปมากกว่าหรือข้อความมากกว่า

แต่ผมอยากแนะนำให้ใช้รูปและกราฟิกเข้าช่วย โดยมีข้อความให้น้อยที่สุด เพราะคนมักจะเข้าใจจากรูปและชาร์ตได้ง่ายกว่าข้อความเป็น Bullet Point เพราะฉะนั้นถ้ากำหนดเวลาให้ 10 นาที ก็ไม่ควรมี Slide มากเกิน 10-20 หน้า ซึ่งมากกว่านี้ถ้าเราไม่พูดเร็วจนเกินไป เราก็จะตาลายในการกด Slides ข้ามไปเรื่อย ๆ

พูดถึงการกด Slide ผมขอแนะนำว่า ให้ซื้อ Clicker กันไว้สักอันครับ มันทำให้ Slides ไหลลื่นในเวลาเรานำเสนอ ดูดีกว่าเดินมาเคาะแป้นพิมพ์เยอะ แล้วอารมณ์จะไม่สะดุดด้วย

วกกลับมาเรื่องของ Slide ต่อ เมื่อเราคิดว่าเราทำเสร็จแล้วให้ลองเอา Slide นั้นมาขึ้นจอใหญ่เพื่อดูว่าทั้งหมดที่เราได้ทำไปนั้นเป็นเรื่องราวเดียวกันหรือไม่ อ่านแล้วสะดุดอารมณ์หรือเปล่า เรื่องราวมีตรรกะและสอดคล้องกันดีหรือไม่ จากนั้นเราลองเริ่มเล่าเรื่องราวคร่าว ๆ ผ่านทางการดู Slide แล้วเลื่อนไปเรื่อย ๆ ถ้าสะดุดตรงไหนให้แก้เลยทันที ทำอย่างนี้ไปเรื่อย ๆ จนกว่าเรื่องจะดำเนินโดยไม่รู้สึกสะดุด ผมย้ำอีกครั้งว่า การเล่าเรื่องนั้นจะต้องเหมือนกับการเล่านิทาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไล่ลำดับเรื่องให้ถูกต้อง

การเขียน Script เป็นเรื่องสำคัญไม่แพ้กัน ไม่ว่าคุณจะเป็นคนคล่องภาษาอังกฤษขนาดไหนก็ตาม ผมเองเคยทำงาน Pitch กับ Native Speaker มาหลาย ๆ ครั้ง ผมก็ยังเห็นเขาเตรียม Script เช่นกัน เพื่อให้มีลำดับและโครงสร้างในการพูดที่ถูกต้อง

สำหรับคนไทยแบบเรา ๆ ถ้าคิดว่าคุณเป็นนักพูดที่ดี มีทักษะพอสมควร ผมแนะนำให้เตรียมเป็นโครงสร้างและ Bullet Point เพื่อให้สิ่งที่จะพูดนั้นสามารถลื่นไหลออกมาได้ตามโครงที่วางไว้ แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ได้คล่องมากมาย แต่ก็ไม่มีปัญหาเรื่องภาษา ผมแนะนำให้คุณเขียน Script ออกมาเป็นคำต่อคำ เสมือนพูดจาก Script สำหรับ Slide ทุกหน้า แล้วลองซ้อมตามการเปิด Slide จนกว่าคุณจะจำได้ หรือดู Slide เพื่อเตือนความจำได้ว่าต้องพูดอะไร ก็ถือว่าใช้ได้

การซ้อมนั้นมีเทคนิคส่วนตัวที่ผมมักจะใช้ คือ ซ้อมเป็นเวลา 3 วันติดต่อกันก่อนที่จะทำการ Pitch โดยจะใช้เวลาก่อนนอนและตอนตื่นนอนของอีกวันเสมอ


ทำไมน่ะเหรอ ? เพราะสองเวลานั้นเป็นเวลาที่เราพร้อมสุดและไม่พร้อมสุด คือตอนเช้า ลองนึกดูครับ หลังจากตื่นนอนตอนเช้าแบบไม่พร้อม ถ้าคุณสามารถ Present ได้โดยที่คุณแทบจะไม่ต้องมอง Slides เลย ทั้ง ๆ ที่ง่วง การทำเช่นนั้นได้แสดงว่าคุณได้ฉีด Pitch เข้าเส้นไปเรียบร้อยแล้ว พอถึงเวลาการ Pitch จริง ไม่ว่าจะเป็นเสียงปรบมือ เสียงหัวเราะ เครื่องมือเสีย Projector พังกลางงาน คงจะหยุดคุณไม่อยู่แล้วล่ะครับ

หลังจากที่คุณคิดว่าซ้อมมามากพอแล้ว ก็ให้หาเหยื่อมาหนึ่งคน ยิ่งเป็นคนปากเสียและมีความรู้สูง หรือสูงกว่าเรายิ่งดี เพื่อมานั่งฟังเรา Pitch ในตอนที่เราพร้อม ซักถามหาจุดเสียของเรา เพื่อการปรับปรุงการ Pitch ให้ดียิ่งขึ้น เป็นอันเสร็จพิธีการเตรียม

วันนี้เพิ่งเล่าได้แค่ "1" สิ่งที่ต้องเตรียมเท่านั้น ไว้ตอนหน้าผมจะเล่าต่อ ว่ามีอีกกี่สิ่งที่ต้อง Check List ก่อนการขึ้นเวที

สุดท้ายที่ผมอยากฝากไว้กับทุกคน คือ ไม่มีใคร Pitch เก่งตั้งแต่เกิดครับ แม้แต่ Steve Jobs เองก็ยังซ้อมหนักมาก มีข่าวลือว่าลุงแกซ้อมหนักถึงเกือบ 50 ยก ก่อนการ Present จริงเสียอีก สิ่งที่ทุกคนเห็นลุงแกพูดแล้วเข้าใจง่ายนั้น ก็เพราะเขาฝึกเองและมีคนช่วยขัดเกลา


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : พยายามครั้งที่ 100 ดีกว่าท้อถอย ก่อนเริ่มทำ

view