สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

จัดทัพขรก.ล้างโกง แผนกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

การประกาศใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญชั่วคราว เพื่อโยกย้ายข้าราชการที่เกี่ยวพันกับการทุจริต กว่า 100 คนนั้น มองเป็นอย่างอื่นไม่ได้ นอกจากเป็นการจัดทัพข้าราชการระดับใหม่ หลัง 7 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลโชว์ผลงานไม่ออก โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ แม้รัฐบาลพยายามเร่งล้างท่อให้มีการเร่งเบิกจ่ายงบประมาณก็ไม่เป็นผล

ทั้งนี้ เนื่องจากข้าราชการไม่มั่นใจสถานการณ์ทางการเมือง เกรงหากมีการเลือกตั้งจะมีการเปลี่ยนขั้วทางเมือง ตัวเองจะมีผลกระทบ จึงเกิดการเกียร์ว่างขึ้น

ขณะเดียวกัน นโยบายการปราบปรามการทุจริตของรัฐบาลยังไม่มีความคืบหน้า ที่สำคัญมีการพูดกันปากต่อปากในวงการผู้ประกอบการทุกวงการ ว่ามีการเรียกรับผลประโยชน์ หรือเงินใต้โต๊ะ ไม่ต่างจากยุคนักการเมืองเรืองอำนาจ

หากปล่อยให้สถานการณ์เป็นไปแบบนี้ โดยไม่มีการผ่าตัดปรับปรุงสร้างภาพลักษณ์ใหม่ จะส่งผลให้การยึดอำนาจครั้งนี้ มีหวังเสียของสูง ยิ่งใกล้สู่โรดแมป การเลือกตั้ง ยิ่งทำให้ของอำนาจ คสช.สั่นคลอนมากขึ้น จากปัจจัยดังกล่าวทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและคณะรักความสงบแห่งชาติ (คสช.) ไม่รีรอที่จะนำมาตรา 44 มาใช้

เพื่อให้การแก้ไขปัญหาได้รวดเร็ว ข้าราชการจึงตกเป็นเป้าหมายแรกในการจัดระเบียบ เพราะถือเป็นกลไกใหญ่สุดในการบริหารราชการแผ่นดิน หากควบคุมไม่ได้ การบริหารประเทศย่อมล้มเหลวสิ้นเชิง

อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดโยกย้ายข้าราชการสีเทาครั้งใหญ่ของรัฐบาลที่จะเกิดขึ้นในเร็วๆ นี้ ในทางการเมืองถือว่าได้ถึง 3 ต่อ คือ 1.ล้างคนระบบเก่าออกดันคนใกล้ชิดของตัวเองขึ้นกุมตำแหน่งสำคัญไว้ 2.ทำให้ข้าราชการเกรงกลัวเลิกเกียร์ว่าง และ 3.สร้างภาพลักษณ์เรื่องการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น

ความจริงการโยกย้ายข้าราชการล็อตใหญ่ครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 ในรัฐบาล คสช. หากจำกันได้เมื่อครั้งยึดอำนาจใหม่ๆ พล.อ.ประยุทธ์ ออกประกาศ คสช.ย้ายล้างบางข้าราชการขั้วอำนาจเก่ามาแล้วครั้งหนึ่ง โดยเฉพาะข้าราชการระดับบิ๊กที่เป็นมือไม้สำคัญของฝ่ายการเมืองกลุ่มอำนาจเก่ากว่า 30 ตำแหน่ง อาทิ ธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีดีเอสไอ พล.อ.นิพัทธ์ ทองเล็ก อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม พล.ท.ภราดร พัฒนถาบุตร อดีตเลขาธิการ สมช. หรือ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภายใต้

เป็นการเด้งมาแขวนไว้ในตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ฝ่ายข้าราชการประจำนั่งตบยุงไปวันๆ รอวันเกษียณอายุราชการ ที่ตึกเก่าของสำนักงานพัฒนาข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ตรงข้ามทำเนียบรัฐบาลหรือที่ข้าราชการการระดับสูงเหล่านี้ขนานนามว่า “ตึกกรุ” เพราะเป็นตึกเก่าร้างไม่มีที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีคนใดเข้ามานั่งทำงาน มีเพียงป้ายชื่อแปะจองความเป็นเจ้าของหน้าห้องไว้ภายในห้องว่างเปล่าวังเวง

น่าติดตามนับแต่นี้ไปว่าการทำงานของราชการจะไหลลื่นสนองต่อนโยบายรัฐบาลได้ดีเพียงใด รวมถึงการจัดซื้อจัดจ้างทางราชการในโครงการขนาดใหญ่ ทุกระดับตั้งแต่ระดับล่างไปจนถึงระดับสูง หรือตั้งแต่หลักล้านบาท ไปจนถึงหมื่นล้านบาทจะป้องกันทุจริตได้หรือไม่ เพราะรัฐบาลได้ตั้งกลไกการตรวจสอบ โดยให้ พล.อ.อนันตพร กาญจนรัตน์ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี เป็นประธานคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ถือเป็นการเพิ่มดาบป้องกันการโกงสายตรงรัฐบาล

ขณะนี้มีการนำร่อง 5 โปรเจกต์ยักษ์ ทำให้เห็นเป็นตัวอย่าง ด้วยการจับข้าราชการระดับสูงกับภาคธุรกิจร่วมสาบานต่อหน้าฟ้าดินว่าจะไม่ฮั้วประมูล ผ่านการจัดทำข้อตกลงคุณธรรม คือ 1.โครงการจัดซื้อรถเมล์เอ็นจีวีจำนวน 489 คัน ขององค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) 2.โครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) 3.โครงการเปลี่ยนผ่านระบบทีวีอะนาล็อกมาเป็นระบบดิจิทัลระยะที่ 2 ของกรมประชาสัมพันธ์มูลค่า 1,000 ล้านบาท 4.โครงการเพิ่มประสิทธิภาพการควบคุมด้วยเครื่องเอกซเรย์ ทั้งสินค้าและหีบห่อของการเดินทางของกรมศุลกากรมูลค่า 1,300 ล้านบาท และ 5.โครงการซื้อเครื่องจักรของโรงงานยาสูบแห่งใหม่มูลค่า 7,400 ล้านบาท

นี่เป็นผลงานส่วนหนึ่งของรัฐบาลที่ต้องการโชว์การป้องกันการทุจริตในทุกขั้นตอน และแน่นอนสาเหตุของการทุจริตคอร์รัปชั่น ฝ่ายข้าราชการถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของระบบอุปถัมภ์ ที่ไม่สามารถจะดำเนินการโกงกินได้เพียงลำพังได้ หากไม่ได้รับความร่วมมือจากฝ่ายนโยบาย หรือฝ่ายการเมือง หรือบริษัทเอกชนผู้ประมูลเอื้อประโยชน์สินบน หรือเงินใต้โต๊ะ พร้อมๆ กับใช้อำนาจ เงินทุนและความหละหลวมของระบบการตรวจสอบร่วมกันทุจริตคอร์รัปชั่น

ดังนั้น การแต่งตั้งโยกย้ายใหญ่กว่า 100 ตำแหน่งในครั้งนี้ ถือเป็นการแสดงแสนยานุภาพทางอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาดของ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ต้องการโชว์พาวความเอาจริงเอาจังในการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น พร้อมๆ กับต้องการข่มขู่ทางอ้อมต่อกลุ่มข้าราชการที่ใส่เกียร์ว่างไม่สนองนโยบายได้ยำเกรง

ทั้งหมดจะได้ผลหรือไม่ กาลเวลาตามโรดแมปเท่านั้นจะเป็นบทพิสูจน์


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : จัดทัพ ขรก.ล้างโกง แผนกุมอำนาจเบ็ดเสร็จ

view