สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

หุ้นสามัญชน

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ

โดย ชาย มโนภาส (คนขายของ)

 สิ่งหนึ่งที่ Warren Buffett เน้นย้ำเรื่องการลงทุน คือ ให้ลงทุนในกิจการที่นักลงทุนมีความรู้ความเข้าใจเป็นอย่างดี แม้ Buffett จะลงทุนมาอย่างยาวนานตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่นจนอายุย่าง 85 ปี จากพอร์ตเล็ก ๆ จนกลายมาเป็นมหาเศรษฐีระดับโลก Buffett เองก็ยังยอมรับว่ามีกิจการบางอย่างก็ยากเกินไปสำหรับเขา

กิจการเหล่านี้เขาไม่เข้าใจในตัวธุรกิจ ดังนั้น เขาจึงหลีกเลี่ยงที่จะลงทุนในบริษัทเหล่านั้น เพราะเป็นการยากที่จะประเมินมูลค่าที่แท้จริง อุตสาหกรรมบางอย่างมีความยากในการประเมินกำไรในอนาคต ทั้งนี้ เพราะต้องอาศัยความเชี่ยวชาญพิเศษ หรือความรู้เฉพาะทาง ดังนั้น จึงเป็นการยากสำหรับสามัญชนคนทั่วไปจะประเมินกำไรในอนาคตเพื่อหามูลค่าที่แท้จริงได้ โดยส่วนตัวแล้วผมเชื่อว่านักลงทุนโดยทั่วไปควรหลีกเลี่ยงการลงทุนในกิจการที่มีลักษณะดังต่อไปนี้

หนึ่ง กิจการที่มีราคาขายต่อหน่วยลดลงตลอด ขอยกตัวอย่างหนึ่งที่ผมคุ้นเคย เพราะเคยอยู่ในวงการนี้มาก่อน คือ กิจการผลิตและจำหน่ายเครื่องปรับอากาศขนาดเล็กที่ใช้ตามบ้าน ซึ่งก็เหมือนกิจการเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยทั่วไป ซึ่งราคาต่อหน่วยเป็นขาลงตลอด สมัยเมื่อ 30 ปีที่แล้วเครื่องปรับอากาศขนาด 12,000 BTU ราคาราว ๆ 30,000 บาท สมัยนี้เหลืออยู่ 12,000-18,000 บาท คือหายไปราว ๆ 50%

เมื่อราคาต่อหน่วยลดลง การที่จะได้กำไรเท่าเดิมนั้นหมายความว่า บริษัทต้องขายให้ได้ปริมาณมากขึ้น หรือไม่ก็ต้องลดต้นทุนต่อหน่วยลง กิจการประเภทนี้จะอยู่นิ่งไม่ได้ บริษัทที่อยู่ในอุตสาหกรรมประเภทนี้ หากผู้บริหารไม่มีความชำนาญพอ พนักงานไม่ตื่นตัว มีโอกาสที่จะล้มหายไปจากวงการสูง เครื่องปรับอากาศยังมีข้อดีที่เทคโนโลยีไม่เปลี่ยนแปลงเร็วมาก หากเป็นพวกโทรศัพท์มือถือเราจะเห็นได้เลยว่า ผู้ชนะเมื่อสิบยี่สิบปีที่แล้ว พอมาถึงยุคนี้แทบไม่มีใครรู้จัก

สอง กิจการที่ราคาสินค้าหรือผลิตภัณฑ์มีความผันผวนสูง เช่น สินค้าโภคภัณฑ์ หรือค่าระวาง เรือขนส่งสินค้าทางทะเล ผมยังจำได้ว่าในตอนต้นปี 2008 ราคาน้ำมันทะลุ 100 เหรียญต่อบาร์เรล ไปทำจุดสูงสุดราว ๆ 140 เหรียญ ในตอนนั้นมีกูรูผู้เชี่ยวชาญบอกว่า น้ำมันจะไปถึง 200 เหรียญ แต่กลายเป็นว่าตอนต้นปี 2009 ราคาน้ำมันกลับอยู่ที่ 40 เหรียญ เราจะเห็นได้ว่า ถ้าเราลงทุนในหุ้นที่ขายน้ำมันดิบ รายได้ในปี 2009 มีโอกาสที่จะลดลงมากกว่า 50% ซึ่งโดยมากการลดลงของกำไรก็มักเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ราคาสินค้าโภคภัณฑ์นั้น แม้แต่คนที่อยู่ในวงการยาวนาน มีความชำนาญเฉพาะทางสูงมาก ยังไม่สามารถคาดการณ์ได้อย่างแม่นยำยิ่งถ้าเราเป็นนักลงทุนรายย่อยธรรมดา หากไปลงทุนในกิจการประเภทนี้ นับว่าเป็นการเสี่ยงอย่างมาก

สาม กิจการที่มีคู่แข่งเกิดใหม่ในอัตราสูง Steve Jobs ทำให้เครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลรุ่น APPLE II ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในอเมริกาตอนช่วงปี 1977-1980 จนทำให้ในที่สุดยักษ์ใหญ่ IBM ตัดสินใจเข้ามาทำตลาด PC ในปี 1981 Compaq อดีตผู้ผลิต PC อีกบริษัทหนึ่งก็ถูกก่อตั้งในปี 1982 และ DELL เกิดขึ้นในปี 1984 มีผู้ผลิต PC อีกมากมายเกิดขึ้นหลังจากนั้น จนทำให้ APPLE มีปัญหาในการทำกำไรและประสบภาวะขาดทุนเป็นครั้งแรกในปี 1996 เมื่อมีผลิตภัณฑ์ใหม่ซึ่งขายดีมาก ๆ ย่อมเป็นเป้าหมายให้บริษัทต่าง ๆ ในอุตสาหกรรมเข้ามาร่วมแข่งขัน ในช่วง "ตะลุมบอน" ยังไม่รู้ใครแพ้ใครชนะ นักลงทุนธรรมดาที่ไม่ได้อยู่ในวงการอุตสาหกรรมนั้น ๆ คงยากที่จะมองออก ดังนั้น การคอยเฝ้าสังเกตการณ์รอให้ฝุ่นจางก่อน

คงเป็นกลยุทธ์ที่ดีกว่าการด่วนตัดสินใจถือหางฝ่ายไหน

แต่หากว่าเราเป็นนักลงทุนที่มีความชำนาญพิเศษในอุตสาหกรรมนั้นๆ ก็ไม่ควรปล่อยองค์ความรู้ที่มีให้เปล่าประโยชน์ ในช่วงที่ผ่านมาผมเข้าร่วมประชุมผู้ถือหุ้นบริษัทวัสดุก่อสร้างแห่งหนึ่ง พบว่ามีนักลงทุนซึ่งเป็นผู้รับเหมาท่านหนึ่งให้ความสนใจลงทุนในบริษัทนี้ เพราะเขารู้ถึงสภาวะความต้องการผลิตภัณฑ์นั้น ๆ เป็นอย่างดี เรียกได้ว่ามี "ความได้เปรียบในการแข่งขันการลงทุน" เมื่อเทียบกับคนที่อยู่ในวงการอื่น แต่ถ้าเราเป็นนักลงทุนธรรมดาสามัญชนไม่ใช่คนในวงการ ไม่มีความเข้าใจในธุรกิจ ขอให้นึกถึงคำแนะนำของ Jack Welch อดีต CEO ของ GE ที่ว่า "หากไม่มีความสามารถในการแข่งขัน จงอย่าแข่งขัน" กลับมาลงทุนในกิจการที่คุณคุ้นเคยดีกว่าครับ


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : หุ้นสามัญชน

view