จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
“ป.ป.ช.” จี้ รบ.เลิกจัดซื้อแบบ “อี-อ็อกชั่น” อ้างงานวิจัยและข้อมูลธนาคารโลก พบไม่ช่วยลดการสมยอม
รายงานข่าวจากทำเนียบรัฐบาล เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันอังคารที่ 28 เม.ย.ที่ผ่านมา ครม.ได้มีมติรับทราบมาตรการและข้อเสนอแนะเพื่อป้องกันการทุจริต เพื่อประกอบการพิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดซื้อจัดจ้าง ของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลังต่อไป โดยครม.ได้มอบหมายให้กระทรวงการคลัง เป็นหน่วยงานหลักรับข้อเสนอไปพิจารณาร่วมกับกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กระทรวงมหาดไทย กระทรวงยุติธรรม สำนักงบประมาณ สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักงานก.พ. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) สำนักงานก.พ.ร. และหน่วยงานเกี่ยวข้องหารือเพื่อกำหนดวิธีการและแนวทางปฏิบัติเพื่อกลับมาเสนอครม.ภายใน 30วัน นับตั้งแต่ได้รับแจ้งคำสั่ง
สำหรับข้อเสนอของป.ป.ช. ในเรื่องมาตรการป้องกันการทุจริตจากการใช้ระบบอี-อ็อกชั่นนั้น ป.ป.ช.เสนอว่า มิให้นำการจัดจ้างด้วยวิธีการตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์พ.ศ. 2549 หรือ มาใช้ในงานก่อสร้างทุกประเภทไม่ว่างานก่อสร้างนั้นจะมีลักษณะของงานที่ซับซ้อนหรือมีเทคนิคเฉพาะหรือไม่ก็ตาม
“เพราะจากการศึกษาวิจัยของป.ป.ช. และข้อมูลของธนาคารโลกและนักวิชาการต่างมีความเห็นตรงกันว่าวิธีการอี-อ็อกชั่นไม่ได้ช่วยลดการสมยอมกันในการเสนอราคา แต่กลับมีผลทำให้สินค้าหรือบริการ โดยเฉพาะในงานอุตสาหกรรมก่อสร้างหรืองานประเภทอื่นที่มีการกำหนดเงื่อนไขรายละเอียดของเนื้องานยุ่งยากซับซ้อนมีคุณภาพต่ำ ไม่ได้คุณภาพคุ้มค่าตามราคาที่จ่าย เนื่องจากลักษณะการประมูลด้วยวิธีการดังกล่าวเป็นการเข้าไปแข่งขันด้วยราคาเพียงอย่างเดียว”
ข้อเสนอป.ป.ช.ระบุอีกว่า ในมิติของกฎหมายนั้น เห็นควรมีการออกร่างกฎหมายในชั้นพระราชบัญญัติว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐโดยเฉพาะซึ่งมีเนื้อหาและโครงร่างเช่นเดียวกับระเบียบสำนักนายกฯว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ.2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม รวมทั้งร่างพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.... โดยมีการแก้ไขเพิ่มเติมประเด็นต่างๆเพื่อขจัดขัดขวางการกระทำการเป็นการทุจริต ซึ่งขัดขวางต่อประโยชน์ของราชการและเป้าหมายสูงสุดของการจัดซื้อจัดจ้าง
ส่วนข้อเสนอมิติอื่นๆที่น่าสนใจ ป.ป.ช.เสนอว่า ควรมีการพัฒนาระบบเทคโนโลยีสารสนเทศให้ทันสมัยและรองรับต่อการจัดซื้อจัดจ้างต่างๆ เพราะนอกจากจะทำให้เกิดความรวดเร็วและทั่วถึงในการเป็นสื่อกลางในการจัดซื้อจัดจ้างในภาครัฐแล้วยังเป็นไปตามหลักการเปิดเผย ซึ่งถือเป็นหลักการสมัยใหม่ในการจัดซื้อจัดจ้างที่มีประสิทธิภาพมากที่สุดหลักการหนึ่งด้วย อาจนำเทคโนโลยีที่ใช้ในประเทศเกาหลีมาเป็นต้นแบบ โดยเฉพาะการจัดทำระบบสารสนเทศที่มีระบบ “Government Goods Management System(GGM)” มาใช้ เพื่อให้รัฐสามารถควบคุมปริมาณของพัสดุ ที่มีอยู่ในแต่ละหน่วยงาน รวมทั้งระบุระยะเวลาใช้งานเพื่อที่ส่วนกลางจะได้ทราบระยะเวลาที่แน่นอนและความจำเป็นในการใช้พัสดุต่างๆ
และนอกจากนี้ ควรจะจัดให้มีการเผยแพร่ความรู้แก่ผู้ประกอบการเพื่อให้เข้าใจขั้นตอนและกระบวนการในการจัดซื้อจัดจ้าง ตลอดจนสิทธิ หน้าที่ ข้อห้าม และผลของการฝ่าฝืน และควรมีการจัดทำและเผยแพร่จรรยาบรรณของเจ้าหน้าที่รัฐและผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดซื้อจัดจ้างโดยเฉพาะ
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
