สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เลือกกองทุนตราสารหนี้-อย่างไรเมื่อเศรษฐกิจชะลอตัว

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย ธนัฐ ศิริวรางกูร

ปีนี้นับเป็นอีกปีที่การลงทุนนั้นมีการเปลี่ยนแปลงค่อนข้างมากเลยทีเดียว และมีความท้าทายต่อนักลงทุน เพราะว่าเป็นช่วงที่เศรษฐกิจทั่วโลกเริ่มมีการฟื้นตัวให้เห็นในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ ยุโรป และญี่ปุ่น ส่วน ประเทศจีน-อินเดียเองก็กำลังปฏิรูปเศรษฐกิจเพื่อรอวันกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ แต่ในทางกลับกัน เศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะมีการชะลอตัวลงอย่างเห็นได้ชัด และถึงกับต้องมีมาตรการต่าง ๆ เช่น การลดอัตราดอกเบี้ยเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจลง ถึง 2 ครั้งติดต่อ กันในการประชุม กนง.

ดังนั้นนักลงทุนบางท่านที่ชอบการลงทุนในกองทุนตราสารหนี้ เพราะว่ามีความเสี่ยงต่ำ แต่รู้ไหมว่า ประเภทของกองทุนตราสารหนี้เองก็มีผลต่อการลงทุนในช่วงนี้เหมือนกัน แถมถ้าลงทุนไม่ถูกประเภทแล้วละก็อาจจพลาดโอกาสที่ดีเสียด้วย แล้วเราจะลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้อย่างไร ในปีที่มีความผันผวน มีความไม่แน่ชัดมากขนาดนี้ วันนี้ผมมีคำตอบให้ท่านนักลงทุนแน่นอนครับ
        
กองทุนตราสารหนี้แบ่งเป็นประเภทใหญ่ ๆ ก็คือ กองทุนตราสารหนี้แบบเปิดที่กำหนดระยะเวลา (Term Fund) กองทุนตราสารหนี้แบบเปิดที่ไม่กำหนดระยะเวลา (Open End Fund) ซึ่งคนส่วนใหญ่มักจะลงทุนกับกองทุน แบบ Term Fund มากกว่าเพราะว่า กองทุนแบบนี้มีข้อดีคือ กำหนดระยะเวลาการลงทุน และอัตราผลตอบแทนที่ค่อนข้างจะแน่นอนไว้ให้ เช่น กองทุน ABC มีการลงทุนกับตราสารหนี้ 4 ตราสาร ในระยะเวลา 3 เดือน ให้อัตราดอกเบี้ยที่ 2.4% ต่อปี
ส่วนกองทุน Open End Fund นั้น ถึงจะไม่ได้กำหนดระยะเวลาในการลงทุนไว้ และก็ไม่ได้กำหนดอัตราผลตอบแทนที่ตายตัวไว้ แต่ก็มีแนวโน้มที่จะได้ผลตอบแทนที่ดีมากกว่า เนื่องจากมีผู้จัดการกองทุนที่มีประสบการณ์การลงทุน ที่จะคอยช่วยในการหาตราสารหนี้คุณภาพดีๆ มาสับเปลี่ยนให้กับเราอยู่เรื่อย ๆ นั่นเอง

ส่วนปัจจัยสำคัญในการลงทุนกับกองทุนตราสารหนี้ก็คือ อัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งจะมีผลกระทบกับกองทุนทั้ง 2 แบบเลยครับ แต่ผลก็ค่อนข้างที่จะต่างกันพอสมควรและเนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศไทยเราในปีนี้ไม่ค่อยเป็นไปตามที่คาดคิด จึงอาจจะมีแนวโน้มในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลดลงได้อีก (เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ) นั่นก็หมายความว่า การลงทุนในกองทุนตราสารหนี้แบบ Term Fund นั้น อาจจะไม่ค่อยน่าสนใจ เพราะว่าเมื่อครบอายุแล้ว ถ้าหากต้องการที่จะลงทุนต่อกับกองทุนที่เป็นแบบเดิม อัตราดอกเบี้ยที่ได้ลดลง เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยได้ปรับลดลงตามนโยบายนั่นเองครับ

แต่ในทางกลับกัน ถ้าเป็นกองทุนตราสารหนี้แบบ Open End Fund แล้วล่ะก็ การลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของรัฐบาลจะเป็นผลดีต่อกองทุนประเภทนี้ เพราะการที่กองทุนมีอิสระในการลงทุนมากกว่า ผู้จัดการกองทุนเองสามารถโยกย้าย หรือ ซื้อ-ขายตราสารหนี้ที่อยู่ข้างในกองทุนได้นั่นเอง เรียกได้ว่าลงทุนไปแล้วเผลอ ๆ จะมีโอกาสได้กำไรเพิ่มเติมเข้ามาอีกด้วย

และอีกหนึ่งข้อได้เปรียบที่กองทุนตราสารหนี้แบบ Open End Fund มีก็คือ เราสามารถที่จะขายกองทุน หรือ ขายคืนหน่วยลงทุนเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่จำกัดว่าจะต้องรอ 3 เดือน หรือ 6 เดือน เรียกได้ว่าใกล้เคียงการฝากเงินในออมทรัพย์ธรรมดาเลยเช่น ถ้าเราต้องการใช้เงิน และทำการขายคืนหน่วยลงทุนในวันนี้ เราจะได้รับเงินในอีก 1-2 วันทำการถัดมา ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงหลาย ๆ ด้านลง ด้วย และการขายหน่วยลงทุนได้อิสระก็เป็นการเพิ่มโอกาสการลงทุนก็เป็นไปได้เช่นเดียวกันครับ เช่น ถ้าช่วงนี้เราเห็นว่ากองทุนหุ้นมีแนวโน้มที่ดีกว่ากองทุนตราสารหนี้ เราก็สามารถที่จะสับเปลี่ยนไปลงทุนกับกองทุนหุ้นได้อย่างทันท่วงที

ส่วนการนำไปใส่ในพอร์ตการลงทุน กองทุนแบบ Open End Fund ก็เป็นสิ่งที่ควรทำ และยิ่งเป็นประโยชน์กับนักลงทุนอีกด้วย เพราะว่าจะช่วยกระจายความเสี่ยงกับการลงทุนในหุ้น หรือ กองทุนหุ้น ในช่วงเศรษฐกิจไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก

ส่วนกองทุนที่น่าสนใจ และผลตอบแทนที่ค่อนข้างดีอย่างสม่ำเสมอก็มีอยู่หลายกองทุน ไม่ว่าจะเป็นกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ กองทุนตราสารหนี้ไทย ที่นักลงทุนเองก็สามารถนำมาจัดพอร์ตลงทุนในระยะยาว ๆ ได้ เช่น FAM FI, KFMTFI, K-FIXED, SMART, I-SMART, TMBABF, CIMB-PRINCIPLA-IFIXED, Etc…

สุดท้ายนักลงทุนควรที่จะต้องระวังก็คือ กองทุนตราสารหนี้ที่ไปลงทุนในต่างประเทศ โดยเฉพาะกองทุนตราสารหนี้ไปลงทุนในสหรัฐ ฯ ณ เวลานี้ เนื่องจากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของสหรัฐ ฯ เองจะมีผลต่อ กองทุนที่เราถืออยู่ด้วย ส่วนกองทุนตราสารหนี้ที่มีนโยบายไปลงทุนในประเทศต่าง ๆ ในเอเชีย หรือ ยุโรป เองก็ยังน่าสนใจอยู่ เพราะว่าอัตราดอกเบี้ยยังไม่ผันผวนมากนัก และมีโอกาสได้รับผลตอบแทนที่ดี


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เลือกกองทุนตราสารหนี้ อย่างไร เศรษฐกิจชะลอตัว

view