สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

การลาออก ไม่ใช่การเลิกจ้าง

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ HR Corner โดย ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์ http://tamrongsakk.blogspot.com

วันนี้ผมมีเรื่องแปลก ๆ เกี่ยวกับการลาออกมาเล่าสู่กันฟังกับท่านอีกแล้วนะครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราท่านพบเห็นได้ในชีวิตการทำงานอยู่เสมอ ๆ

นั่นคือ..การลาออกครับ

ปกติแล้วการลาออก ถือเป็นการแสดงเจตนาบอกเลิกสัญญาจ้างจากทางฝั่งลูกจ้างคือลูกจ้างไม่อยากจะ ทำงานที่บริษัทนี้อีกต่อไปก็ยื่นใบลาออกให้หัวหน้าทราบว่าฉันไม่อยากจะทำงาน ที่นี่อีกต่อไปแล้วนะ ซึ่งโดยทั่วไปบริษัทต่าง ๆ มักจะมีกฎเกณฑ์คล้าย ๆ กันว่าถ้าพนักงานจะยื่นใบลาออกก็ให้ยื่นล่วงหน้าสัก 30 วันหรือ 1 เดือนนั่นแหละครับ เขาจะได้หาคนมารับมอบงาน หรือส่งมอบงานให้คนใหม่ได้ทันโดยไม่ทำให้งานเสียหาย

แต่นั่นเป็นการลาออกตามระเบียบบริษัทนะครับ เพราะในความเป็นจริงแล้วในกรณีที่ลูกจ้างมีปัญหาอะไรก็ตามกับนายจ้าง ลูกจ้างมักจะยื่นใบลาออกวันนี้แล้วระบุวันที่มีผลลาออกเป็นวันพรุ่งนี้เสียเป็นส่วนใหญ่โดยไม่แคร์ว่าระเบียบบริษัทจะบอกไว้ยังไง

ในกรณีนี้ในทางกฎหมายแรงงานแล้วถือว่าถ้าลูกจ้างระบุวันที่มีผลลาออกเอาไว้วันไหนในใบลาออกลูกจ้างก็พ้นสภาพได้ในวันที่ระบุเลยนะครับ โดยไม่ต้องให้นายจ้างมาอนุมัติการลาออกด้วยซ้ำไป ส่วนถ้านายจ้างจะเสียหายจากการที่ลูกจ้างยื่นใบลาออกไม่ถูกต้องตามระเบียบบริษัท หรือทำให้บริษัทเสียหายยังไง บริษัทต้องไปฟ้องร้องลูกจ้างกันเอาภายหลังครับ

แต่เรื่องที่ผมนำมาคุยกันในวันนี้เป็นปัญหาในการลาออกอีกแบบหนึ่งน่ะสิครับ

คือลูกจ้างยื่นใบลาออกกับนายจ้างแต่ไปฟ้องศาลแรงงานว่าถูกเลิกจ้างโดยนายจ้าง!!??

ตัวอย่างเช่น นายมนู (นามสมมุติ) ทำงานบกพร่องต่อหน้าที่จนถูกบริษัทย้ายให้ไปทำงานในตำแหน่งอื่น และลดเงินเดือนลง (โดยนายมนูก็ยินยอม) และบริษัทก็ออกหนังสือตักเตือนให้นายมนูปรับปรุงตนเองใน 3 เดือน ต่อมานายมนูต่อรองกับทางบริษัท โดยให้บริษัททำหนังสือเลิกจ้างตนเอง แต่บริษัทเสนอกลับมาว่าให้นายมนูเขียนใบลาออกมา แล้วบริษัทจะจ่ายเงินพิเศษให้เท่ากับเงินเดือน 3 เดือน

นายมนูตกลงเขียนใบลาออกนำมายื่นให้ทางบริษัท โดยระบุสาเหตุการลาออกไว้ว่า ถูกบริษัทเลิกจ้าง ?

แล้วนายมนูก็ไปฟ้องศาลแรงงานโดยบอกว่าถูกบริษัทเลิกจ้าง (โดยอ้างตามสาเหตุในใบลาออก)

กรณีนี้ศาลฎีกาท่านได้ตัดสินไว้ว่า "....แม้ใบลาออกจะระบุเหตุที่ลาออกว่าถูกเลิกจ้าง ก็ไม่ถือว่าลูกจ้างถูกเลิกจ้าง เพราะลูกจ้างเป็นฝ่ายเขียนใบลาออก นายจ้างไม่ได้กระทำการใดที่ไม่ให้ลูกจ้างทำงานต่อไปและไม่จ่ายค่าจ้าง...." (ฎ.2393/2545)

หรืออีกสักตัวอย่างหนึ่งดังนี้ครับ

คุณบังอร (นามสมมุติ) ทำงานเป็นพนักงานขายหน้าร้าน แล้วรู้จักกับลูกค้าเป็นการส่วนตัว เที่ยวเตร่ด้วยกันจนสนิทสนมกันขนาดหยิบยืมเงินจากลูกค้าอยู่บ่อย ๆ ก็เลยถูกผู้จัดการฝ่ายขายตำหนิพฤติกรรมที่หยิบยืมเงินลูกค้าอย่างรุนแรงว่า ไม่เหมาะสมเป็นพฤติกรรมที่ไม่ดีทำอย่างนี้เป็นการทำลายชื่อเสียงของบริษัท และอาจจะกระทบกระเทือนถึงตำแหน่งหน้าที่ของคุณบังอรได้

คุณบังอรเลยย้อนถามว่า "แล้วบริษัทจะเอายังไง" ผู้จัดการฝ่ายขายเลยบอกให้คุณบังอรพิจารณาตัวเอง คุณบังอรเลยยื่นใบลาออก แล้วคุณบังอรเลยไปฟ้องศาลแรงงานว่าถูกหัวหน้าหลอกลวงให้ลาออก ทั้ง ๆ ที่คุณบังอรยังไม่อยากลาออก ?

เรื่องนี้ศาลฎีกาตัดสินว่า "....ไม่ใช่เป็นการหลอกลวงให้ลูกจ้างลาออก กรณีเป็นเรื่องที่ลูกจ้างสมัครใจลาออกเอง ไม่ใช่ถูกนายจ้างเลิกจ้าง" (ฎ.9450/2545)

จากเรื่องที่ผมเล่ามาข้างต้นจึงมาสู่ข้อสรุปที่ว่า....

ก่อนที่ท่านจะยื่นใบลาออกคิดให้ดีเสียก่อนจึงไม่ควรจะเขียนใบลาออก ในขณะที่ท่านกำลังมีอีคิวที่ไม่ปกติ เช่น กำลังโกรธ, กำลังท้อ, กำลังเซ็ง, กำลังเบื่อหน่าย ฯลฯ คิดให้รอบคอบในสภาพจิตที่ปกติ โดยใช้เหตุใช้ผลให้ดี เพราะเมื่อท่านตัดสินใจยื่นใบลาออกเมื่อไหร่ จะมีผลตามที่ท่านระบุไว้ทันที และจะมาเปลี่ยนประเด็นว่าเป็นการถูกเลิกจ้างมันขัดแย้งกัน

เพราะเราเป็นคนเซ็นใบลาออกเองระบุวันที่มีผลลาออกเองนี่ครับ


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : การลาออก ไม่ใช่การเลิกจ้าง

view