สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ยึดคืนภาษีรถคันแรก3.8พันคัน ยกเลิกขอใช้สิทธิ-ผิดเงื่อนไข

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

สรรพสามิต เผยผู้ผิดเงื่อนไขโครงการรถคันแรก 3,800 ราย ในจำนวนนี้ส่งฟ้องศาลเรียกคืนเงิน 646 ราย เล็งยึดคืนภาษีวงเงินเกือบ 300 ล้านบาท

ด้านสหการประมูล แจงลีสซิ่งส่งสัญญาณ ขอกันพื้นที่จอดรถยึด 5 พันคัน ระบุส่วนหนึ่งเป็นรถยึดจากโครงการรถคันแรก คาดตลาดรถยนต์ปีนี้แข่งเดือดเหตุ ซัพพลายล้นตลาดจากทั้งรถใหม่และสต็อกรถเก่า


ภาวะกำลังซื้อที่ชะลอตัวต่อเนื่องจากปีที่ผ่านมา เริ่มส่งผลกระทบต่อความสามารถในการผ่อนชำระในโครงการรถคันแรก โดยบริษัทผู้ดำเนินธุรกิจประมูลรถยนต์ ระบุว่า เริ่มเห็นสัญญาณรถถูกยึดจากโครงการนี้


นายสมชาย พูลสวัสดิ์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยความคืบหน้าโครงการรถยนต์คันแรกว่า ขณะนี้มีผู้ขอใช้สิทธิโครงการรถยนต์คันแรก ซึ่งได้นำเงินไปแล้วและมาคืน เพื่อยกเลิกการขอใช้สิทธิจำนวน 2,980 ราย ส่วนที่เหลืออีก 820 รายกรมสรรพสามิตได้ติดตามเรียกเงินคืน เนื่องจากผิดเงื่อนไข รวมเป็นจำนวน 3,800 ราย เมื่อนำมาคำนวณเงินขอคืนภาษีคันละประมาณ 7-8 หมื่นล้านบาท คิดเป็นเงินที่รัฐจะได้คืนจากการผิดเงื่อนไขรถคันแรก วงเงินระหว่าง 266-304 ล้านบาท โดยในขณะนี้ อยู่ในขั้นตอนที่กรมสรรพสามิต มีหนังสือถึงผู้ขอใช้สิทธิ ที่ปฏิบัติผิดเงื่อนไขตามประกาศกระทรวงการคลัง ให้นำเงินที่ได้รับไปมาคืน


ขณะเดียวกัน ได้มีหนังสือถึงกรมบัญชีกลาง เพื่อพิจารณากรณีผู้ขาดคุณสมบัติตามที่โครงการระบุและได้รับเงินไปแล้ว ซึ่งจะขอผ่อนชำระจำนวน 78 ราย รวมถึงการส่งเอกสารให้กรมบัญชีกลางพิจารณาฟ้องผู้ขอใช้สิทธิที่ปฏิบัติผิด เงื่อนไขจำนวน 646 ราย


ทั้งนี้ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการรถคันแรกจนถึง ณ วันที่ 16 ก.พ.ที่ผ่านมา มีผู้ขอใช้สิทธิจำนวน 1.26 ล้านราย คิดเป็นเงินจำนวน 9.3 หมื่นล้านบาท มีผู้อยู่ในสถานะรับสิทธิ 1.24 ล้านราย คิดเป็นเงิน 9.1 หมื่นล้านบาท
สำหรับจำนวนผู้ที่ได้รับรถแล้ว หรือส่งมอบรถแล้วมีจำนวน 1.13 ล้านราย ในจำนวนนี้ล่าสุดในเดือนม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมา มีจำนวนผู้จองรถได้เข้ารับรถยนต์จำนวน 10 ราย ยังคงเหลือผู้ที่ยังไม่ได้รับรถยนต์ 1.12 แสนราย หรือ คิดเป็น 9.08% ในจำนวนนี้ ผู้เข้าร่วมโครงการซื้อรถยนต์เป็นเงินสด 15.21% และสินเชื่อ 84.79% ส่วนจำนวนรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลมีจำนวน 26.19% หรือ 3.23 แสนราย


ด้านงบประมาณที่ใช้ในการจ่ายโครงการรถยนต์คันแรก ในปีงบประมาณ 2556 มีจำนวนประมาณ 7.3 พันล้านบาท และเงินคงคลังเพิ่มเติม 2.5 หมื่นล้านบาท ในปีงบ 2557 ได้รับจัดสรรงบประมาณจำนวน 4 หมื่นล้านบาท และเงินคงคลังจำนวน 7.2 พันล้านบาท ในปี2558 กรมฯได้ตั้งของบประมาณจำนวน 1.6 พันล้านบาท
ส่วนการเบิกจ่ายตามโครงการนั้น มีผู้ได้รับเงินแล้วจำนวนประมาณ 1.1 ล้านราย คิดเป็นเงิน 8.1 หมื่นล้านบาท ล่าสุดได้เบิกจ่ายไปเมื่อวันที่ 9 ก.พ. และยังคงเหลือเงินสำหรับปี 2558 อีกจำนวน 248 ล้านบาท
ลีสซิ่งขอกันพื้นที่จอดรถยึด5พันคัน


นายบูรณิศ ยุกตะนันทน์ หัวหน้าสำนักงานกรรมการผู้จัดการ บริษัท สหการประมูล จำกัด (มหาชน) หรือ AUCT ผู้ดำเนินธุรกิจประมูลรถยนต์รายใหญ่ คาดการณ์ผลกระทบจากโครงการรถยนต์คันแรกต่อภาพรวมตลาดรถยนต์ว่า ขณะนี้ยังไม่พบรถยนต์ถูกยึดมากนัก เห็นได้จากช่วงปลายปีที่ผ่านมา สถาบันการเงิน และบริษัทลีสซิ่ง ที่เป็นพันธมิตร เพิ่งส่งสัญญาณให้บริษัทหาที่จอดรถยนต์ 5,000 คัน ซึ่งในจำนวนนี้จะมีรถยนต์ตามโครงการรถคันแรกรวมอยู่ด้วย ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขไม่มาก เมื่อเทียบกับจำนวนรถยนต์ที่เข้าร่วมโครงการทั้งหมดกว่า 1 ล้านคัน


"ผมมองว่าจำนวนรถยนต์ที่ยึดมาในหลักพันคัน ถือเป็นอัตราค่อนข้างต่ำ เพราะสถาบันการเงินเน้นเจรจาประนอมหนี้มากขึ้น จากเดิมไม่ผ่อนชำระงวดรถ 3 เดือนจะยึดรถทันที"


คาดซัพพลายรถใหม่ทะลัก
นายบูรณิศ ยังคาดการณ์ภาพรวมตลาดรถยนต์ปีนี้ว่า จะเกิดปรากฏการณ์การผลิตมากกว่าความต้องการ หรือ โอเวอร์ซัพพลาย โดยเฉพาะการผลิตรถยนต์ส่วนเกินใน "ตลาดรถยนต์ใหม่" เพราะหากพิจารณาสถานการณ์ผลิตรถยนต์ในขณะนี้ จะพบว่าในระบบห่วงโซ่การผลิต (ซัพพลายเชน) ของรถยนต์ยังไม่หยุดนิ่ง โดยทุกค่ายยังคง "เดินหน้า" ผลิตรถยนต์อย่างต่อเนื่อง ทั้งๆ ที่ปีที่ผ่านมายอดขายติดลบ


โดยขณะนี้มีปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นคือ มีการจำหน่ายรถยนต์รุ่นใหม่ ควบคู่กับรถยนต์รุ่นเก่าที่ยังขายไม่หมด ต่างจากที่ผ่านมาโดยปกติเมื่อมีการจำหน่ายรถรุ่นใหม่ จะต้อง "ทิ้งช่วง" การจำหน่ายรถรุ่นเก่าเป็นเวลาพอสมควร หรือให้รถรุ่นเก่าจำหน่ายหมดก่อน ทำให้คาดว่าปีนี้การแข่งขันในตลาดรถยนต์จะรุนแรงอย่างมาก
รถยนต์ไหลสู่เต็นท์-ยูสคาร์


อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ดังกล่าว กลับส่งดีต่อธุรกิจเต็นท์รถยนต์มือสอง และตลาดประมูลรถยนต์ใช้แล้ว (ยูสคาร์) เนื่องจากจะมีรถยนต์เข้าสู่ระบบมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคมีทางเลือกในการซื้อรถยนต์เพิ่มขึ้น ทำให้ราคารถยนต์ถูกลง โดยเฉพาะในระยะ 3 ปี (2558-2560) ปริมาณรถยนต์ในตลาดจะเพิ่มมากขึ้น
โดยสถานการณ์ตลาดประมูลรถยนต์ปีนี้ คาดว่าจะเติบโต "มากกว่า" ปีที่ผ่านมา ที่มีรถยนต์เข้ามาในระบบประมาณ 2.5 แสนคัน โดยบริษัทมีส่วนแบ่งตลาดราว 55% หรือกว่า 1 แสนคัน ขณะที่ปี 2557 บริษัทมีรถยนต์เข้ามาประมูลทั้งสิ้น 1.2 แสนคัน เติบโตประมาณ 20% โดยปิดยอดการประมูลได้ 7-8 หมื่นคัน หรือคิดเป็นสัดส่วน 70-80% จากปี 2556 ที่มีรถเข้ามาประมูลราว 1 แสนคัน และปิดยอดขายประมูลได้ 6-7 หมื่นคัน หรือคิดเป็น 60-70%


อย่างไรก็ตาม ในช่วงเดือนธ.ค.2557 -ม.ค.2558 ที่ผ่านมา จากการสังเกตพบว่าราคารถบางยี่ห้อ บางรุ่นปรับตัวเพิ่มขึ้น บางคันเคยประมูลขายราคา 3.8-3.9 แสนบาท ปัจจุบันขยับขึ้นมาปิดที่ 5.5 แสนบาท สะท้อนว่ารถยนต์บางรุ่นอาจจะขาดตลาด ทำให้เกิดการแย่งซื้อจากเต็นท์รถต่างๆ เช่นกัน
สำหรับคาดการณ์ธุรกิจของบริษัทในปีนี้ คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่อง โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2557 ยอดขายทะลุเป้าจากที่ตั้งไว้ว่าจะเติบโต 10%


ธนชาต-ทิสโก้ยันพอร์ตรถยึดไม่เพิ่ม
นายศักดิ์ชัย พีชะพัฒน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารทิสโก้ กล่าวว่า ในส่วนของธนาคาร รถยนต์ถูกยึดไม่มีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น โดยรถยนต์ที่ยึดเข้ามา ธนาคารจะส่งให้กับสหการประมูล ไปขายทอดตลาดต่อ โดยจะไม่สต็อกไว้รอราคาขึ้น แต่มีความเป็นไปได้ว่าบางบริษัท อาจจะสต็อกรถยนต์ไว้ก่อนหน้านี้ ในช่วงที่ราคารถยนต์เริ่มตกลง แต่เมื่อราคารถยนต์ลดลงไม่หยุด ก็ต้องระบายรถออกมา ทำให้ดูเหมือนว่ามีรถยนต์ถูกยึดมากขึ้น ส่วนของธนาคารจำนวนรถยนต์ถูกยึดทรงตัวและมีแนวโน้มลดลง
ขณะที่ นายประพันธ์ อนุพันธ์องอาจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต กล่าวว่า ส่วนของธนาคาร แนวโน้มรถยนต์ถูกยึดไม่ได้เพิ่มมากขึ้น โดยสต็อกรถยนต์ที่เข้ามาอยู่ในระดับเดิม แต่มีการขายผ่านสหการประมูลบางส่วน โดยเฉพาะในต่างจังหวัด


ตลาดรถยนต์มือสองเริ่มฟื้น
แหล่งข่าวจากผู้ค้ารถมือสอง เปิดเผยว่า ตลาดรถมือสองได้เริ่มมีความเคลื่อนไหวของการซื้อเข้ารถบางรุ่น บ้างแล้วโดยภาวะดังกล่าวเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงเสถียรภาพของตลาดที่กำลังจะ กลับมาโดยรถรุ่นที่ตลาดต้องการเริ่มราคาคงที่ ไม่ลดลงเหมือนก่อนหน้านี้


โดยส่วนใหญ่เป็นรถเก๋งขนาดใหญ่ ในขณะที่ก่อนหน้านี้รถมือสองส่วนใหญ่ วงจรหยุดชะงักเพราะผู้ค้ามีรถเต็มพอร์ต ในขณะที่เจ้าของรถที่ต้องการขายออกก็ทำใจขายไม่ได้เพราะว่า มูลค่าค่อนข้างลดลงมาก ทำให้ตลาดมือสองแทบจะหยุดนิ่งตลาดยังคงอยู่ในช่วงการปรับตัวเพราะผู้ซื้อรอ ให้ราคาลดลงจากข่าวที่ผ่านมาว่าจะมีรถยนต์ใช้แล้วเข้าตลาดอีกจำนวนมาก


ก่อนหน้านี้ ตลาดรถมือสอง ซึ่งมีผู้ประกอบการรถยนต์ใช้แล้วรวมทั้งสิ้นประมาณ 5,000 ราย และมีมูลค่าตลาดรวมกว่า 6 แสนล้านบาท ได้รับผลกระทบรุนแรงจากปัจจัยลบของเศรษฐกิจและการดั้มพ์ราคาของรถใหม่ป้าย แดงจนทำให้จำนวนพ่อค้ารายย่อย เต็นท์รถขนาดเล็ก ต้องเลิกกิจการ และผู้ค้ารายใหญ่ต้องปรับลดพอร์ต โดยการหยุดการซื้อเข้าเพื่อรอให้ราคามีเสถียรภาพ ในขณะที่ซัพพลายรถมือสอง ในตลาดค้าส่ง (ตลาดประมูล) กลับมีปริมาณมาก


แหล่งข่าวจากผู้ค้ารถเต็นท์มือสองรายย่อย กล่าวว่า จากภาวะที่ตลาดผันผวนของตลาดก่อนหน้าทำให้ เต็นท์ต่างๆ ต้องปรับตัวโดยการ จำกัดปริมาณการซื้อรถ และเลือกรถที่ปล่อยง่าย ไม่ติดมือ ต้องมั่นใจว่าเป็นรถยอดนิยมที่ลูกค้ามองหาจริงๆ ซึ่งในภาวะที่รถยนต์ใหม่ป้ายแดงแข่งขันรุนแรง ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้ลูกค้าให้ความสนใจรถป้ายแดงมากกว่ารถมือสอง


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ยึดคืน ภาษีรถคันแรก 3.8พันคัน ยกเลิก ขอใช้สิทธิ ผิดเงื่อนไข

view