สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

หุ้นเพิ่มทุน IPO, PP และ RO (ตอนจบ)

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ พินิจ พิเคราะห์ โดย กิติชัย เตชะงามเลิศ

บทความที่แล้ว ผมได้พูดถึงเรื่อง IPO และ PP ไปแล้ว คราวนี้เรามาคุยกันต่อในเรื่อง RO หรือ Right Offering ซึ่งก็คือ การที่บริษัทจดทะเบียนออกหุ้นใหม่เพิ่มทุน หรือขายให้กับผู้ถือหุ้นเดิม ในกรณีที่บริษัทต้องการใช้เงินในช่วงระยะ 2-3 เดือน การระดมทุนโดยวิธี RO ก็เป็นวิธีที่นิยมทำกัน

แต่กรณีที่บริษัทมีโครงการจะใช้เงินอีก 2-5 ปีข้างหน้า การออกเป็น Warrant(วอร์แรนต์) เพื่อรองรับโครงการในอนาคตดังกล่าวก็เป็นสิ่งที่เหมาะสม เนื่องจากบริษัทยังไม่จำเป็นต้องใช้เงินทันที การไปรบกวนผู้ถือหุ้นบ่อย ๆ ก็ไม่ใช่สิ่งที่ควรจะกระทำ โดยวอร์แรนต์ที่ออกจะมีการกำหนดอายุ ราคาที่แปลงสภาพโดยส่วนใหญ่ "วอร์แรนต์" จะมีอายุ 2-5 ปี วอร์แรนต์บางตัวอาจจะแปลงสภาพได้ปีละ 4 ครั้ง บางตัวอาจจะปีละ 2 ครั้งเป็นต้น การที่มีสิทธิ์แปลงสภาพได้บ่อย ทำให้ผู้ถือวอร์แรนต์มีโอกาสเลือกว่าจะถือเป็นวอร์แรนต์ หรือจะแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญ โดยดูจากภาวะราคาตลาดของตัววอร์แรนต์เอง และราคาหุ้นสามัญซึ่งนักลงทุนหลายรายจะเรียกว่าหุ้นแม่ ว่าวอร์แรนต์นั้น ๆ "In The Money" หรือ "Out Of The Money"

ผู้อ่านบางท่านอาจจะไม่คุ้นเคยกับศัพท์ 2 คำนี้ ผมขออนุญาตขยายความให้ฟัง ดังนี้ครับ

1) In The Money คือ ภาวะที่วอร์แรนต์ตัวนั้น ๆ เมื่อนำไปบวกกับราคาแปลงสภาพ โดยคำนึงถึงสัดส่วนที่ต้องใช้ในการแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญแล้ว ต้นทุนถูกกว่าราคาตลาด เช่น วอร์แรนต์บางตัวอาจจะ 1 วอร์แรนต์ สามารถแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้ 2 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 5 บาท หรือเขียนได้ดังนี้ 1W : 2C @ 5 บาท (W คือ Warrant และ C คือ Common Stock หรือหุ้นสามัญนั่นเอง) ถ้าราคาวอร์แรนต์อยู่ที่ราคา 2 บาท และราคาหุ้นสามัญอยู่ที่ราคา 6.50 บาท

เรามาคำนวณต้นทุนของการแปลงสภาพครั้งนี้กันครับ สมมติว่า นาย ก ซื้อวอร์แรนต์มา 100 หน่วย ต้นทุนหน่วยละ 2 บาท และต้องการแปลงสภาพทั้งหมดเป็นหุ้นสามัญ ต้นทุนทั้งหมดจะเท่ากับ (2 บาท x 100 หน่วย) + (100 หน่วย x 2 หุ้น x 5 บาท) รวมเท่ากับ 1,200 บาท ได้เป็นหุ้นสามัญ 200 หุ้น ดังนั้นหุ้นสามัญที่ได้จากการแปลงสภาพจะมีต้นทุนตกหุ้นละ 6 บาท ขณะที่ราคาตลาดอยู่ที่ 6.50 บาทต่อหุ้น และราคาวอร์แรนต์ตัวนี้ที่ 2 บาท ถือว่า In The Money นักลงทุนสามารถซื้อวอร์แรนต์แล้วทำการแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญได้ หรือนักลงทุนที่มีหุ้นสามัญอยู่ ก็อาจจะตัดสินใจขายหุ้นสามัญที่ถืออยู่ แล้วนำเงินมาซื้อวอร์แรนต์แล้วนำไปแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญแทน ก็จะได้กำไร 100 บาทจากการทำเช่นนี้ ซึ่งเรียกว่าการทำ Arbitrage

อย่างไรก็ตาม ต้องคำนึงถึงเรื่องการจ่ายเงินปันผล ซึ่งปกติถ้าเป็นการจ่ายปันผล ราคาหุ้นสามัญอาจจะลดลงหลังตลาดขึ้นเครื่องหมาย XD (ไม่มีสิทธิ์รับเงินปันผล) แล้วถ้าช่วงที่แปลงสภาพเป็นช่วงที่ใกล้ XD หุ้นสามัญที่ได้จากการแปลงสภาพเข้าตลาดหลัง XD ก็จะทำให้ราคาหุ้นลดลง ดังนั้นช่วงที่จะแปลงสภาพ อาจจะต้องดูประวัติย้อนหลังของบริษัทดังกล่าว ว่ามีพฤติกรรมการจ่ายปันผลช่วงเดือนไหนของทุกปี และ Payout Ratio และ Dividend Yield ส่วนใหญ่จะอยู่ที่อัตราเท่าไหร่ เพื่อที่นักลงทุนจะได้คาดการณ์จำนวนเงินปันผลที่บริษัทจะจ่ายโดยคำนึงถึง Ratio 2 ตัวข้างต้นดังกล่าว และกำไรต่อหุ้นของบริษัทที่คาดว่าจะทำได้

2) Out Of The Money คือภาวะที่วอร์แรนต์ตัวนั้น ๆ เมื่อนำไปบวกกับราคาแปลงสภาพและคำนวณตามสัดส่วนที่ต้องใช้ในการแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญแล้ว มีต้นทุนสูงกว่าราคาตลาดของหุ้นสามัญตัวนั้น ๆ แต่มีหลาย ๆ ครั้งที่นักลงทุนจะพบว่า วอร์แรนต์นับสิบ ๆ ตัวที่ Out Of The Money แต่ก็ยังมีคนซื้อ สาเหตุส่วนหนึ่งอาจจะเป็นการเก็งกำไร โดยเฉพาะวอร์แรนต์ที่มีราคาต่ำ แต่ต้องใช้เงินแปลงสภาพเป็นหุ้นสามัญในจำนวนเงินที่มาก ทำให้นักลงทุนบางกลุ่มเลือกที่จะซื้อวอร์แรนต์ เพื่อเก็บเงินสดไว้ลงทุนในบริษัทอื่น ดังนั้นการคำนึงถึงมูลค่าของเวลา โดยเฉพาะวอร์แรนต์ที่มีอายุเหลืออยู่ยิ่งนาน โอกาสที่จะมี Out Of The Money จะยิ่งสูง โดยเฉพาะนักลงทุนหลายท่านก็อาจจะอาศัย Black-Scholes Model ช่วยประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยส่วนตัวผมมักจะนิยมลงทุนใน Warrant ที่ In The Money มากกว่า

ในช่วงที่ผ่านมา มีการปรับคาดการณ์เติบโตของเศรษฐกิจ (GDP) และยอดส่งออกจากหน่วยงานต่าง ๆ ทั้งของรัฐและเอกชนลดลง ผลประกอบการงวดครึ่งปี"58 ที่กำลังจะประกาศออกมาซึ่งอาจจะแย่กว่าที่คาดการณ์กันไว้ บวกกับข่าวร้ายทั้งในและนอกประเทศ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงกว่า 88% ภาวะแล้งขาดน้ำ

ถึงแม้ปัจจุบันรายได้จากภาคเกษตรไม่ได้มีสัดส่วนที่สูงมากเหมือนสมัยก่อน แต่ประชาชนที่เกี่ยวข้องมีจำนวนมาก การจับจ่ายใช้สอยในประเทศย่อมต้องได้รับผลกระทบตามไปด้วย นี่ยังไม่นับรวมการส่งผลให้ภาวะหนี้ครัวเรือนสูงขึ้นอีก และการเลื่อนโครงการรถไฟฟ้า 4 เส้นทางไปปีหน้า คงทำให้นักวิเคราะห์ Downgrade กำไรของบริษัทจดทะเบียนลงอีก แล้ว "เก็บเงิน" ใส่กระเป๋ากันไว้ก่อนนะครับ


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : หุ้นเพิ่มทุน IPO  PP RO ตอนจบ

view