จากประชาชาติธุรกิจ
เริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาเรื่อย ๆ สำหรับการปลดล็อกรถคันแรก ที่เดิมกำหนดการถือครองไว้ 5 ปี ห้ามเปลี่ยนมือ หดให้เหลือระยะเวลาเพียง 3 ปี
หลังจากที่นาย "สมหมาย ภาษี" ให้สัมภาษณ์นักข่าวหลายสำนักว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาซึ่งต้องขอดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันอีกนิด
แค่กระทรวงการคลังมี "แอ็กชั่น" แบบนี้ ผมว่าทั้งค่ายรถยนต์ และบรรดาผู้ครอบครองรถยนต์คันแรก ซึ่งมีเป็นหลักล้านคัน ก็เริ่มยิ้มมุมปากกันได้แล้ว
หลายคนคงยังไม่ลืม "วิบากกรรมรถคันแรก" มันหนักหนาสาหัสแค่ไหน ? กระทบกระเทือนเป็นลูกโซ่ กระจายเป็นวงกว้าง แบบไม่น่าเชื่อ !!! เรียกว่า กระทบกันทุกธุรกิจ
จำได้ว่า ผู้บริหารค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่ เคยบอกว่า นโยบายรถคันแรก มัน "ผิดที่ผิดเวลา"
ช่วงเริ่มโครงการ อุตสาหกรรมกำลังพุ่งปรู๊ดปร๊าด ตลาดรวมต่อปีก็ประมาณล้านคัน พอมีรถคันแรกถีบตลาดปี 2555 พรวดไป 1.4 ล้านคัน ซึ่งถ้าปล่อยให้มันเป็นไปตามสภาพตลาด ก็ยังเติบโตได้ปีละเฉียด ๆ ล้านคัน
ตอนนั้นทุกคนเห็นยอดขายที่ขยายตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว ก็สั่งเพิ่มกำลังผลิตกันอุตลุด ลืมนึกไปว่า ตลาดมันถูก "บิดเบือน" พอจบโครงการ กำลังซื้อถูกดึงไปใช้ล่วงหน้าหมดแล้ว สต๊อกก็เหลือบานเบอะ
คนที่ได้รับผลกระทบก็มีทั้ง ผู้ผลิต ซัพพลายเออร์ ดีลเลอร์ ไม่เว้นแม้กระทั่งไฟแนนซ์ที่ปล่อยสินเชื่อ
สำหรับรถคันแรก กรมสรรพสามิต แจ้งข้อมูลว่าจนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2558 มีผู้ได้รับสิทธิ์ 1,234,986 ราย คิดเป็นเงิน 91,140 ล้านบาท จากจำนวนผู้ขอใช้สิทธิ์ทั้งสิ้น 1,259,113 ราย คิดเป็นเงิน 92,812 ล้านบาท ส่งมอบรถยนต์กันแล้ว จำนวน 1,123,451 ราย ทำให้ยังเหลือผู้ยังไม่รับมอบรถยนต์อีก 111,535 ราย ผู้ได้รับเงินคืนตามสิทธิ์มีจำนวน 1,101,557 ราย คิดเป็นเงิน 81,179 ล้านบาท จ่ายเงินครั้งล่าสุดไปเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. 2558
เอฟเฟ็กต์รถคันแรกนอกจากจะกระทบกลุ่มผู้ผลิตรถยนต์แล้ว เจ้าของรถคันแรก ก็ได้ผลกระทบไม่น้อย
บริษัทรถยนต์เคยทำสำรวจ มีผู้ใช้หลายรายที่ไม่พร้อมจะเป็นหนี้ต่อ หรือบางคนความสามารถในการผ่อนชำระเต็มปรี่ แต่อยากเปลี่ยนรถ ก็ทำไม่ได้เพราะติดบ่วงใช้รถครบ 5 ปี
ทำให้ไอเดีย ปลดล็อกรถคันแรกเหลือ 3 ปี เริ่มมีกระแสหนาหูขึ้น
กระทรวงการคลัง เคยระบุว่า เงื่อนไขดังกล่าวเป็นเพียง "มติคณะรัฐมนตรี"
ดังนั้น หากจะปลดล็อกกันจริง ๆ แค่ทำเป็นมติ ครม.ออกมา ก็น่าจะโอเค
กรมสรรพสามิตยังระบุเพิ่มเติมว่ามีผู้ที่ครอบครองรถคันแรกครบ 3 ปี ตั้งแต่วันรับมอบ 16 ก.ย. 2554 - 20 ก.ค. 2558 มากถึง 395,871 ราย
ลองคิดดูครับจำนวนที่มากมายขนาดนี้ ถ้าได้ออกมาหมุนเวียนในตลาด จะคึกคักเพียงใด
วันก่อน ดร.ปราจิน เอี่ยมลำเนา เจ้าพ่อมอเตอร์โชว์ บอกเป็นไอเดียที่ดีมาก ๆ รัฐบาลมองภาพอุตสาหกรรมรถยนต์ค่อนข้างทะลุ ผมเห็นด้วย 100% ถ้าปลดล็อกตรงนี้ได้ จะขับเคลื่อนตลาดรถยนต์ไปอีกมาก เรียกว่าครบวงจรเลย
น่าจะทำให้ตลาดขยายตัวมาก 10-15% รถเก่าไหลเข้าตลาดมากขึ้น รถใหม่ก็ต้องขายได้แน่นอน หมุนเวียนไปตามกลไกตลาด
ถาม 100 คน เกี่ยวกับประเด็นนี้
เต็มทั้งร้อยเห็นด้วยล้านเปอร์เซ็นต์
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
