สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เศรษฐกิจอินเดีย...ในวันที่จีนอ่อนแรง

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ เลียบรั้ว เลาะโลก โดย ขวัญใจ เตชเสนสกุล EXIM Bank

เศรษฐกิจจีนที่ชะลอความร้อนแรงลง เป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจโลกยังต้องเผชิญภาวะยากลำบากอยู่ในปัจจุบัน หลายฝ่ายจึงพยายามมองหาตัวแทนที่จะก้าวขึ้นมาเป็นความหวังใหม่ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก หากมองไปที่ประเทศอื่นในกลุ่ม BRICS ที่เคยเติบโตควบคู่มากับจีน และมีส่วนช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการค้าโลกในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าจะเหลือเพียง "อินเดีย" เท่านั้นที่อาจจะฝากความหวังไว้ได้ เนื่องจากเศรษฐกิจรัสเซีย บราซิล และแอฟริกาใต้ ต่างได้รับผลกระทบรุนแรงจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่ตกต่ำ ขณะที่ประเทศเหล่านี้ล้วนเป็นผู้ส่งออกสินค้าโภคภัณฑ์รายใหญ่ของโลก

ประเด็นข้างต้นมีน้ำหนักมากขึ้นเมื่อIMFคาดการณ์ว่า อัตราขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดีย ปี 2558 จะแซงหน้าจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปี และจะขยายตัวสูงกว่าจีนต่อเนื่องไปจนถึงปี 2563 เป็นอย่างน้อย จากนโยบายเศรษฐกิจใหม่ที่หันมาเน้นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ ทำให้ปัจจุบันเริ่มมีผู้ประกอบการรายใหญ่ของโลกในอุตสาหกรรมรถยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ อาหารกระป๋อง เป็นต้น เข้าไปลงทุนในอินเดียมากขึ้น

นอกจากนี้ อินเดียยังเป็นประเทศที่ได้อานิสงส์จากราคาน้ำมันที่อยู่ในระดับต่ำ ช่วยกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ซึ่งเป็นภาคเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของอินเดีย

อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจอินเดียจะมีปัจจัยสนับสนุนหลายประการคล้ายกับจีนในอดีต แต่ยังไม่ง่ายนักที่อินเดียจะก้าวขึ้นมาเป็นกำลังหลักแทนจีน ในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกในระยะเวลาอันสั้น เนื่องจากข้อจำกัดต่าง ๆ อาทิ ขนาดเศรษฐกิจ แม้อัตราขยายตัวของเศรษฐกิจอินเดียจะแซงจีน แต่ในแง่ของขนาด GDP ของอินเดียยังเล็กกว่าจีน ซึ่งใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลกถึง 5 เท่า จำนวนประชากรแม้ใกล้เคียงกับจีน แต่รายได้ต่อหัวของชาวอินเดีย ยังน้อยกว่าชาวจีนถึง 4.5 เท่า ทำให้การจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้บริโภคสินค้าและโภคภัณฑ์รายใหญ่ของโลกเช่นจีนยังเป็นเรื่องยาก

ด้านแรงงาน แม้ค่าจ้างแรงงานถูกกว่าและมีจำนวนประชากรวัยทำงานมากกว่าจีน แต่เนื่องจากภาคการผลิตของอินเดียมีสัดส่วนเพียง 15% ต่อ GDP เล็กกว่าจีนถึง 9 เท่า ทำให้แรงงานชาวอินเดียส่วนใหญ่ยังขาดทักษะด้านการผลิต และต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งก่อนจะแทรกตัวเข้ามามีบทบาทในห่วงโซ่อุปทานโลกได้เช่นเดียวกับจีน ส่วนโครงสร้างพื้นฐาน อินเดียยังขาดการพัฒนาระบบคมนาคมและสาธารณูปโภคอย่างมาก สะท้อนจากการจัดอันดับด้านโครงสร้างพื้นฐานโดย World Economic Forum อันดับของอินเดียลดลงต่อเนื่อง ปัจจุบันอยู่อันดับ 87 เทียบกับจีนที่อยู่อันดับ 46 ของโลก กฎระเบียบข้อบังคับ อินเดียยังมีข้อจำกัดมากในการทำธุรกิจ สะท้อนจากดัชนีความยากง่ายในการทำธุรกิจ (Ease of Do-ing Business Index) ของธนาคารโลก ซึ่งอินเดียอยู่อันดับ 142 จาก 189 ประเทศทั่วโลก

จากข้อจำกัดข้างต้น ทำให้แม้อินเดียเป็นประเทศขนาดใหญ่ที่เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวสูงที่สุดในโลก แต่ในระยะสั้นอินเดียยังเป็นได้เพียงกำลังเสริมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลก และช่วยบรรเทาผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจจีนได้เพียงบางส่วนเท่านั้น

หาก มองในแง่การส่งออกของไทยอินเดียถือเป็นตลาดที่ช่วยบรรเทาการชะลอตัวของตลาด จีนได้เป็นอย่างดีสังเกตได้จากสัดส่วนการส่งออกของไทยไปอินเดียที่เพิ่มขึ้น จาก 2.3% ในปี 2554 เป็น 2.6% ในปัจจุบัน ขณะที่สัดส่วนตลาดจีนในช่วงเวลาเดียวกันลดลงจาก 11.8% เหลือ 10.8%

นอกจากนี้ หากพิจารณาสินค้าส่งออกสำคัญ 15 อันดับแรกที่ไทยส่งออกไปอินเดีย (สัดส่วน 75% ของมูลค่าส่งออกของไทยไปอินเดียทั้งหมด) พบว่าเป็นสินค้าชนิดเดียวกับที่ไทยส่งออกไปจีนถึง 9 รายการ และการส่งออกสินค้า 8 ใน 9 รายการข้างต้นไปอินเดียในช่วงครึ่งแรกของปี 2558 ขยายตัวได้ดีกว่ามูลค่าส่งออกไปจีน

สถานการณ์ดังกล่าวชี้ให้เห็นว่า ในระยะสั้นผู้ส่งออกไทยสามารถลดผลกระทบจากการส่งออกไปจีนที่ซบเซาลง โดยหันไปรุกตลาดอินเดียมากขึ้น และในอนาคตหากอินเดียสามารถทำตามเป้าหมายที่จะเป็นหนึ่งใน Factory of the World ภายใต้แนวคิด Make in India ได้สำเร็จ ก็จะช่วยหนุนให้การส่งออกของไทยไปอินเดีย โดยเฉพาะสินค้าวัตถุดิบ กึ่งสำเร็จรูปและส่วนประกอบ มีโอกาสเติบโตสูง และจะเป็นเครื่องยนต์ส่งออกของไทยที่สำคัญต่อไป

Disclaimer : คอลัมน์นี้เผยแพร่เพื่อให้ความรู้ซึ่งเป็นข้อคิดเห็นส่วนบุคคล จึงไม่จำเป็นต้องสอดคล้องกับความคิดเห็นของธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (Exim Bank)


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เศรษฐกิจอินเดีย วันที่ จีนอ่อนแรง

view