ความเป็นเมืองขึ้นในยุคดิจิทัล
โดย : ดร. อธิป อัศวานันท์

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

"เราไม่ต้องการเป็นเมืองขึ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ในโลกอินเทอร์เน็ตจากสหรัฐอเมริกา"

เป็นคำพูดของอดีตรัฐมนตรีทางด้านเศรษฐกิจของฝรั่งเศส

สหภาพยุโรปในบางส่วนเริ่มมีการต่อต้าน บริษัทยักษ์ใหญ่ในโลกดิจิทัลจากสหรัฐ ที่บางคร้ังถูกเรียกรวมกันว่า GAFA ซึ่งเป็นชื่อย่อของ Google, Apple, Facebook และ Amazon.com แม้ปีที่แล้วได้มีการโหวต 384 ต่อ 174 ในสภาของยุโรป เพื่อเรียกร้องให้มีการแยกชิ้นส่วนบริษัทต่างชาติที่มีอิทธิพลเหนือตลาดบางบริษัท และได้มีการฟ้องร้องเพื่อต่อต้านการผูกขาด (Antitrust) ของบางบริษัท จนเป็นคดีความระดับโลก

การต่อต้านในยุโรปเกิดขึ้นจากข้อกล่าวหาที่เกี่ยวกับอำนาจที่มีเหนือตลาดและการรั่วไหลของข้อมูลส่วนบุคคลของประชากรยุโรป สู่เงื้อมือของรัฐบาลสหรัฐ โดยเฉพาะภายหลังภายหลังการเปิดโปงของ เอ็ดเวิร์ด สโนว์เดน ที่ได้ตกเป็นข่าวฉาว

นั่นก็เป็นตัวอย่างของการรวมตัวในสหภาพยุโรป เพื่อที่จะต่อต้านบริษัทยักษ์ใหญ่ในโลกดิจิทัลจากสหรัฐ

แต่ในอีกซีกหนึ่งของมุมโลก สิงคโปร์และมาเลเซีย ประเทศที่มีความพร้อมในยุคดิจิทัล อันดับ 1 และ 32 ของโลก หรือ อันดับ 1 และ 2 ของอาเซียน ตามที่ประเมินโดย Network Readiness Index 2015 ของ World Economics Forums กลับมีแนวคิดที่แตกต่างกับยุโรปโดยสิ้นเชิงและมีกลยุทธ์เพื่อที่จะเชื้อเชิญ บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเช่น GAFA ให้มาลงทุนในประเทศของตนและใช้ประเทศของตนเป็นฐานสู่การให้บริการในประเทศอื่นของอาเซียน

ขณะที่ ประเทศไทย เป็นอันดับ 67 ของโลก และอันดับ 3 ของอาเซียน และต้องกล่าวถึงสัปดาห์ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้มีโอกาสไปเป็นวิทยากร "การพัฒนาโครงข่ายบรอดแบนด์ เพื่อรากฐานเศรษฐกิจดิจิทัลไทย" โดยสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.)

ประเด็นสำคัญที่มีการถามถึง คือความเร็วและค่าบริการของอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย เมื่อเปรียบกับ สิงคโปร์และมาเลเซีย

ข้อเท็จจริงของยุคดิจิทัล คืออินเทอร์เน็ตเป็นเทคโนโลยีที่ไร้พรมแดน และกว่าครึ่งหนึ่งของเนื้อหาที่ผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตของไทยต้องการ กลับเป็นเนื้อหาของ GAFA โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Google, Facebook และ YouTube ที่รวมกันเป็นเกือบทั้งหมดของข้อมูลจราจรอินเทอร์เน็ตที่ถูกบริโภคโดยคนไทย

จุดหักเหสำคัญ คือ GAFA ใช้ สิงคโปร์และมาเลเซียเป็นฐาน เพื่อให้บริการในประเทศไทย ดังนั้นการใช้งานอินเทอร์เน็ตส่วนมากของประเทศ จำเป็นต้องต่อสายทางไกลไปยัง สิงคโปร์และมาเลเซีย จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ความเร็วและค่าบริการของอินเทอร์เน็ตในประเทศ จะมีประสิทธิภาพได้เทียบเท่ากับ สิงคโปร์และมาเลเซีย เพราะสำหรับสิงคโปร์และมาเลเซียนั้น การใช้งาน Google, Facebook และ YouTube เป็นเพียงการต่อสายภายในประเทศ

เป็นที่น่าเสียดายเพราะข้อเท็จดังกล่าว กลับไม่ได้รับความสนใจอย่างเพียงพอ ในกลยุทธ์ทางดิจิทัลของประเทศ ซึ่งปัจจุบันมุ่งเน้นการเดินสายภายในประเทศ ในขณะที่สิงคโปร์และมาเลเซีย ได้เข้าสู่ยุคของการวางยุทธศาสตร์ในระดับภูมิภาคอาเซียน ไปเกือบทศวรรษแล้ว

ประเด็นสำคัญที่ควรมีการถกเถียง กลับเป็นว่าสิงคโปร์และมาเลเซีย โดยอาศัยความได้เปรียบในเชิงยุทธศาสตร์ระดับภูมิภาค มีความสามารถในการกำหนดความเร็วและค่าบริการของอินเทอร์เน็ตในประเทศไทยได้หรือไม่ หรือในอีกภาษาหนึ่ง คือเป็นไปได้ไหมว่าประเทศไทย ได้ถูกวางสนุกเกอร์ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในขณะที่บางส่วนของยุโรปกลับหวาดกลัว "การเป็นเมืองขึ้นในยุคดิจิทัล" แต่ประเทศเล็กๆในอาเซียน เช่น  สิงคโปร์และมาเลเซีย กลับสามารถฉกฉวยโอกาสและร่วมมือกับ บริษัทยักษ์ใหญ่จากสหรัฐ เพื่อสร้างความได้เปรียบให้กับประเทศของตน เหนือประเทศที่ไหวตัวช้ากว่าอย่างประเทศไทย ดังนั้นแท้ที่จริงแล้ว อะไรควรจะเป็นกลยุทธ์ของประเทศ แต่ก่อนอื่นประเทศต้องเริ่มคิดที่จะมีกลยุทธ์ในระดับภูมิภาคเสียก่อน

อย่างที่เคยกล่าวไว้ว่าแม้แต่ฟุตบอลไทย ก็ไม่ได้เล่นกันเฉพาะในประเทศ แต่กลยุทธ์ทางดิจิทัลของไทย เมื่อไหร่จึงจะเป็นยุทธศาสตร์ระดับอาเซียนได้

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน