จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...กองบรรณาธิการโพสต์ทูเดย์

มาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล หรือโครงการตำบลละ 5 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่มีกระทรวงมหาดไทยรับผิดชอบโครงการ กำลังสร้างความสับสนแก่คณะกรรมการระดับตำบล ซึ่งมีกำนันเป็นประธาน เนื่องจากเข้าใจว่าเป็นงบก้อนใหม่ ตำบลจะได้รับเต็มจำนวน 5 ล้านบาท ไม่เกี่ยวกับงบประมาณอื่นๆ ที่ได้เสนอโครงการไปก่อนหน้านี้

ปัญหาความไม่เข้าใจที่เกิดขึ้น กฤษฎา บุญราช อธิบดีกรมการปกครอง ระบุว่า ขณะนี้คณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.) เข้าใจว่าทางราชการมีการทุจริตโดยหักเงินงบประมาณไว้ ทำให้แต่ละตำบลได้รับเงินงบประมาณไม่ครบ 5 ล้านบาท ตามที่ทางราชการได้ประชาสัมพันธ์ไว้ว่าตำบลละ 5 ล้านบาท

“ปัญหานี้เป็นปัญหาเกี่ยวกับขั้นตอนการบริหารจัดการโครงการ ซึ่งกระทรวงมหาดไทย และกรมการปกครอง ได้แจ้งแนวทางปฏิบัติไว้ชัดเจนแล้ว จึงขอให้ผู้ว่าราชการจังหวัดและนายอำเภอลงไปกำกับดูแลการจัดทำโครงการและการพิจารณาอนุมัติโครงการอย่างใกล้ชิด อย่าให้เกิดช่องว่างนำไปสู่การทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างเด็ดขาด หากตรวจพบหรือได้รับการร้องเรียน ปค.จะดำเนินการตามหนังสือสั่งการ และขั้นตอนแนวทางการปฏิบัติโดยเคร่งครัดต่อไป” อธิบดีกรมการปกครอง ระบุ

ทั้งนี้ กระทรวงมหาดไทยได้กำหนดหลักเกณฑ์การจัดสรรงบประมาณตามมาตรการส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบล โดยระบุว่า งบประมาณที่จะจัดสรรให้ตำบลละ 5 ล้านบาท ให้นับรวมวงเงินที่ได้รับการจัดสรรตาม “มาตรการสำคัญเร่งด่วน เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจน ในการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืน” ของกระทรวงมหาดไทย ตามมติ ครม.เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งมีการให้กลุ่มในพื้นที่ระดับตำบลทั้ง 76 จังหวัด เสนอโครงการเข้ามาแล้ว 9 ด้าน รวม 6,740 กิจกรรม ใช้งบรวม 6,529 ล้านบาท เข้าไปด้วย

นั่นหมายถึงว่า ตำบลและหมู่บ้านใด ที่ได้รับเงินก้อนดังกล่าวไปตั้งแต่วันที่ 4 ส.ค.แล้ว ให้นำมาหักออกจากงบที่จะได้รับจัดสรรตำบลใหม่ละ 5 ล้านบาท

หลักเกณฑ์ดังกล่าวได้สร้างความสับสนให้กับคณะกรรมการระดับตำบลในหลายพื้นที่อย่างมาก จนกลายเป็นปัญหาว่า ทำไมมีการหักเงิน และได้ไม่ครบ 5 ล้านบาท เรียกว่าปั่นป่วนไปทุกหัวระแหง

สมศักดิ์ โชติรัตนะศิริ ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณ ชี้แจงว่า แต่ละตำบลจะได้รับการจัดสรรงบเพื่อส่งเสริมความเป็นอยู่ระดับตำบลไม่เกินตำบลละ 5 ล้านบาท โดยเงินที่อยู่ในโครงการช่วยเหลือเกษตรกรและคนยากจนในการเสริมสร้างความเข้มแข็งอย่างยั่งยืนที่ ครม.เคยอนุมัติไปก่อนหน้านี้ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของงบก้อนดังกล่าว ไม่เช่นนั้นจะมีบางตำบลได้เงินเกินกว่า 5 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำได้

“เงินที่แต่ละตำบลจะขอรับการจัดสรรจะต้องเป็นโครงการที่เป็นการจ้างงาน ซ่อมสร้าง และกระตุ้นเศรษฐกิจ อาชีพ โดยแต่ละโครงการต้องใช้งบไม่เกิน 1 ล้านบาท และต้องเบิกจ่ายให้เสร็จในวันที่ 31 ธ.ค.นี้” สมศักดิ์ กล่าว

สมบัติ ทั่งเรือง กำนันตำบลไร่อ้อย อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า เข้าใจในจุดประสงค์การใช้งบประมาณตำบลละ 5 ล้านบาท ว่าสามารถนำไปว่าจ้างผู้รับเหมาเพื่อเข้าดำเนินการแต่ละโครงการที่เสนอผ่านอำเภอ ส่วนโครงการที่เสนอไปก่อนหน้านี้ เน้นไปที่การจ้างงานในภาคเกษตรและประชาชนเพื่อให้ชุมชนเกิดรายได้ ซึ่งได้ดำเนินการไปแล้ว โดยไม่มีปัญหาอะไร

ปรีดา มนตรี ประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน จังหวัดพัทลุง และประธานชมรมกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านภาคใต้ กล่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระดับตำบล ตำบลละ 5 ล้านบาท เป็นโครงการที่จะช่วยให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น แต่บางพื้นที่อาจจะขาดแคลนแรงงาน ขอให้ผู้นำท้องที่แก้ปัญหาด้วยการให้ค่าตอบแทนสูงขึ้นกว่าค่าแรงปกติ คือวันละ 300 บาท เพื่อเป็นการสร้างแรงจูงใจให้เกิดการจ้างงานในหมู่บ้านอย่างแท้จริง

“ในที่ประชุมกรรมการชมรมกำนันผู้ใหญ่บ้านมีมติว่าให้ช่วยกันสอดส่องตรวจสอบโครงการ หากพบว่าอำเภอใดทำสัญญาจ้างเอง หรือขอโครงการ ขอให้ประธานชมรมกำนันผู้ใหญ่อำเภอ แจ้งมายังชมรมภาคใต้ แล้วทางชมรมจะแจ้งให้ปลัดกระทรวงมหาดไทย และอธิบดีกรมการปกครองรับทราบในพฤติกรรมของข้าราชการปกครองคนนั้น เพราะในการทำสัญญาต้องให้อำนาจหมู่บ้านทำสัญญาจ้างเท่านั้น” ปรีดา กล่าว

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน