สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ไม่มีใครแก่เกินเรียน เปิดใจบัณฑิตสูงวัยแห่งรั้วพ่อขุน

จาก โพสต์ทูเดย์

"ไม่มีใครแก่เกินเรียน" เปิดใจบัณฑิตสูงวัยแห่งรั้วพ่อขุน

เรื่อง...ศศิธร จำปาเทศ / ภาพ....กองประชาสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง

ไฟแห่งการเรียนรู้ยังคุกรุ่นในหัวใจของหญิงวัยเกษียณ เธอยังคงแบกเป้สะพายหลังเดินเข้าห้องเรียนด้วยท่าทางมุ่งมั่น ตั้งใจฟังบทเรียนที่ครูรุ่นลูกสอน ท่ามกลางนักศึกษารุ่นหลานนั่งรายล้อม

ผู้หญิงคนนี้ชื่อ สุจินต์ ลอยชูศักดิ์ วัย 60 ปี นักศึกษานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหง ด้านหนึ่งเธอเป็นแม่ของนักร้องชื่อดัง เจมส์-เรืองศักดิ์ ลอยชูศักดิ์  อีกด้านหนึ่งเธอสวมบทนักศึกษาเดินทางด้วยรถประจำทางจากบ้านย่านสายไหมมานั่งในห้องเรียนร่วมกับเพื่อนๆต่างวัยด้วยความตั้งอกตั้งใจ

อะไรที่ทำให้เธอตัดสินใจกลับมาเรียนหนังสืออีกครั้งในวัย 60

"ไม่มีใครแก่เกินเรียนหรอกค่ะ"

นี่คือคำตอบสั้นๆแต่กินความหมายยาวของบัณฑิตสูงวัยแห่งรั้วพ่อขุน

ทำไมมาเรียนตอนอายุปูนนี้

อยากกลับมาเรียนอีกครั้ง เพราะไม่อยากเสียเวลาโดยเปล่าประโยชน์ เวลาเป็นของมีค่าก็น่าจะทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อตัวเรา ลูกๆเขาโตมีหน้าที่การงานกันหมดแล้ว นิสัยที่อยากเรียนรู้ตลอดเวลาเหมือนไฟที่ไม่เคยมอดไปจากตัว การเรียนคือสิ่งที่แม่รัก (เธอแทนตัวเองว่าแม่)

ตอนขอสามีเรียนปริญญาต่ออีกใบ เขาบอกเรียนใบเดียวก็พอ แต่ที่เราอยากเรียนต่อ ก็เพราะมันเป็นความสุข หลังๆสามียังบอกเพื่อที่ทำงานด้วยว่าส่งเด็กเรียนราม (หัวเราะ) ส่วนลูกๆเขาคิดว่าแม่มีความสุขเขาก็ยินดี ยังแซวเสียอีกว่าแม่เป็นเน็ตไอดอล ซึ่งก็รู้สึกดี เพราะเราได้ทำประโยชน์ มีคนเห็นความสำคัญมันก็สุขใจ บางคนบอกว่าเราเป็นแรงบันดาลใจให้เขาอยากกลับมาเรียนอีกครั้ง

อะไรเป็นแรงผลักดันให้กลับมาเรียนอีกครั้ง

เป็นเรื่องฝังใจตั้งแต่ยังเด็กที่ต้องหยุดเรียนกลางคันตอนเรียนอยู่ มศ.3 ตอนนั้นเสียใจมาก ทั้งๆที่เป็นคนเรียนดี สอบได้ที่หนึ่ง และเป็นหัวหน้าห้องมาตลอด บ้านแม่ทำสวนยางที่จ.นครศรีธรรมราช ฐานะปานกลาง ที่บ้านอยากให้ออกมาเรียนตัดเสื้อ เพราะอยากให้มีอาชีพติดตัว แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะเรียนจบก็แต่งงานเลย หลังจากนั้นก็ช่วยกิจการร้านข้าวมันไก่ที่บ้านสามี  วันหนึ่งต้องเข้าไปซื้อของแถวโรงเรียนเก่าเจอเพื่อนร่วมรุ่น ก็เกิดความรู้สึกเราน้อยใจที่ไม่ได้เรียนต่อเหมือนเพื่อน วันนั้นทำให้ซื้อของไม่ได้เพราะร้องไห้เสียใจ  สุดท้ายตั้งใจว่าวันไหนมีโอกาสจะต้องเรียนต่อให้ได้

วางแผนการเรียนอย่างไร

ตอนอายุ 47 กลับมาเรียนต่อกศน.ป.5จนจบ ม.6 ภายในสามปีครึ่ง ตอนแรกคิดว่าจะเรียนไม่ทันเด็กรุ่นใหม่ แต่กลายเป็นว่าเราเรียนดีจนอาจารย์ผู้สอนชมว่าไม่ได้เรียนมานานยังตอบถูกและได้เป็นนักเรียนดีเด่นตอนอยู่ม.ปลายจากกระทรวงศึกษาธิการด้วย ช่วงที่เรียนก็ยังเรียนรู้อยู่ตลอดเวลา เป็นคนชอบเข้าห้องสมุดเข้าร้านหนังสือ ไปเที่ยวตามพิพิธภัณฑ์เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมตามในสิ่งที่อยากจะรู้ ขณะนั้นลูกๆเรียนมหาวิทยาลัยกันหมดแล้ว บางครั้งก็ช่วยสอนการบ้านแม่ด้วย (หัวเราะ) เรามุ่งมั่นและทำทุกอย่างเป็นตัวอย่างที่ดีกับนักเรียนที่เรียนกศน.ด้วยกันจนครูที่สอนบอกว่าไม่อยากให้จบ (หัวเราะ)

ตอนที่เรียนกศน.ม.ปลาย ก็เรียนควบคู่กับป.ตรี คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงไปด้วย เพราะคิดว่าการเรียนมนุษยศาสตร์ ทำให้ได้เรียนรู้วัฒนธรรมเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เหมาะกับตัวเองที่สุด ตอนมาเรียนใหม่ๆ ก็ใส่ชุดนักศึกษาและไม่อายที่จะใส่ ถ้ามัวอายก็ทำไม่สำเร็จ เมื่อเรียนในสิ่งที่ชอบก็ไม่ได้ยากเลย ที่ยากคือวิชาคณิตศาสตร์แต่ภายหลังก็ทำความเข้าใจ สุดท้ายก็จบด้วยเกรดเฉลี่ย 2.6 ในสี่ปี

ต่อมาก็อยากเรียนต่อนิติศาสตร์อีก เพราะเป็นสิ่งที่อยู่ในชีวิตประจำวัน คนที่อยู่ในสังคมควรต้องรู้กฎหมาย แต่ไม่ถึงขั้นที่ต้องสอบเป็นทนายความ แค่อยากใช้ความรู้ด้านกฎหมายเผยแพร่ให้กับคนที่ไม่รู้ จะเรียนจนกว่าจะเรียนไม่ไหว เรียนไม่ผ่านก็ลงเรียนใหม่ มันแสดงว่าเรายังอ่านหนังสือหรือความรู้ไม่ถึงเกณฑ์ที่จะผ่าน ต้องขยันเพิ่มขึ้น จบเมื่อไหร่ก็ได้ขอให้ได้ความรู้จริง ๆ เรียนโดยไม่หวังผลแต่เรียนเพื่อให้รู้จริง ๆ วุฒิเป็นรองความรู้ต้องมาที่หนึ่งจะจบเมื่อไหร่ก็ได้

นอกจากเรียนแล้วก็เข้าชมรมกับมหาวิทยาลัยที่จัดขึ้นด้วย เช่น เรียนขิมและรำวงมาตรฐาน สิ่งที่ได้จากตรงนั้นคือ ได้เพื่อนใหม่ๆ เพื่อนรุ่นลูกรุ่นหลานทั้งนั้น (หัวเราะ)

รู้สึกยังไงบ้างที่มีอาจารย์รุ่นลูก มีเพื่อนรุ่นหลาน

มีเพื่อนสนิทรุ่นหลานประมาณ ปี 1 ปี 2 เราต้องเข้าหาและขอเป็นเพื่อนเขาเอง เพราะเพื่อนๆเป็นวัยรุ่นไม่กล้าเข้าหาเรา (หัวเราะ) ก็แลกเล็คเชอร์กันอ่าน ไม่ได้เก่งถึงขั้นติวข้อสอบให้เพื่อน อาจารย์บางท่านเรียกคุณป้า เราวางตัวเหมือนเราเป็นเพื่อนกันและไม่ได้รู้สึกอาย ไม่ยึดติดว่าเราเป็นใครมาจากไหน

มีความฝันอยากทำอะไรอีกไหม

ความฝันวัยเด็กอยากเป็นครู พอเจอเพื่อนรุ่นเก่าๆเขาบอกเราว่า “สุจินต์เธอไม่ต้องเสียใจนะ ถึงไม่ได้เป็นครู แต่เธอยังได้เรียนในสิ่งที่อยากเรียน เธอมาถึงดวงดาวแล้วนะ” เราไม่ได้ละทิ้งความฝันที่อยากเป็นครู เคยกลับไปเรียนป.บัณฑิตวิชาชีพครู เรียนได้ไม่ถึงเดือนก็ต้องหยุดกลางคัน เพราะต้องทำธุรกิจ ไม่มีเวลาทำรายงานแถมยังต้องฝึกสอนด้วย ตอนนั้นเสียดายมาก

สิ่งที่อยากทำอีกอย่างหนึ่งคืออยากเป็นนักเขียนสมัครเล่น เพราะนิสัยชอบอ่านและชอบจดบันทึก แต่นักเขียนต้องเก็บข้อมูลให้มากกว่านี้

ถ้าไม่ได้เรียนคิดว่าชีวิตตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ 

ชีวิตคงเหมือนกันทุกวัน ตื่นตี 3 นั่งสมาธิ อาบน้ำ ทำงานบ้าน บางวันก็วิ่งออกกำลัง และอ่านหนังสือวันละหลายชั่วโมง แต่คงไม่หยุดการอ่านเพื่อจะเรียนรู้ ชอบอ่านประวัติบุคคลและประวัติศาสตร์ เป็นสิ่งที่เราได้เปรียบเพราะคนอื่นไม่รู้ อ่านหนังสือกับเรียนมันต่างกัน การเรียนผ่านหนังสือเป็นเพียงทฤษฎี การเรียนในห้องเรียนทำให้รู้ความรู้รอบตัวและทันสถานการณ์มากกว่าในหนังสือ

อยากฝากอะไรไปยังคนอื่นๆบ้างเกี่ยวกับเรื่องการเรียน

มนุษย์เราไม่จำเป็นต้องรวยต้องจน เด็กหรือผู้ใหญ่ก็เรียนได้ถ้าเรารัก ไม่มีคำว่าสายหรือแก่เกินเรียน การเรียนเริ่มต้นได้ทุกวัน ไม่ว่าวัยไหนเราสามารถเรียนได้ อยากให้คนที่ไม่มีภาระใช้เวลาว่างมาเรียนดีกว่า เพราะการศึกษาทำให้ประเทศพัฒนาได้ อยากให้เด็กรุ่นใหม่คิดว่าตัวเขาเองมีโอกาสเรียนมากกว่ารุ่นแม่ ตักตวงโอกาสให้มากที่สุด ทำทุกอย่างให้ดีที่สุด แล้วอนาคตสิ่งดีๆก็จะเข้ามา


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ไม่มีใครแก่เกินเรียน เปิดใจ บัณฑิตสูงวัย รั้วพ่อขุน

view