จากประชาชาติธุรกิจ

โดย ศวิตา สุขสวัสดิ์

ปฏิเสธไม่ได้ ว่าทุกย่างก้าวในชีวิตประจำวันของมนุษย์ทุกวันนี้พัวพันอยู่กับเทคโนโลยีและ ข้อมูลสารสนเทศการเป็น“มนุษย์ยุคดิจิทัล”ทำให้พฤติกรรม ภาษา และสังคมของมนุษย์ ทั้งในด้านโครงสร้างพื้นฐานและวิถีชีวิต มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา จึงไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าจุดสิ้นสุดของการหลั่งไหลของข้อมูลในยุคดิจิทัลจะ อยู่ตรงไหน

เก็บตกจากเวทีสัมมนาวิชาการ “สามัญดิจิทัล: พหุลักษณ์ของเทคโนโลยีสื่อและข้อมูลในสังคมวัฒนธรรมร่วมสมัย”โดยมีนักวิชาการและอาจารย์จากสถาบันต่างๆ ร่วมเสวนาแนวคิดเกี่ยวกับนวัตกรรมดิจิทัลในปัจจุบันและแนวโน้มในอนาคตของเทคโนโลยีดิจิทัลจะเปลี่ยนโลกมนุษย์ไปอย่างไรบ้าง

ปรัชญา บุญขวัญ นักวิจัยห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีการประมวลผลภาษาธรรมชาติและความหมาย (LST) ศูนย์เทคโนโลยีอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์แห่งชาติ ได้กล่าวในประเด็น ภาษาใหม่ที่เกิดขึ้นในโซเชียลมีเดีย มีการสร้างคำจากการใช้โซเชียลมีเดียเช่น คำที่เกิดควาหมายใหม่ตามสถานการณ์ (เบนโล) คำที่เกิดจากการพิมพ์ผิด (เมพ,ครัช) คำที่มาจากการเลียนเสียง (แว้น) ฯลฯ ปรากฎการณ์เหล่านี้นับได้ว่าเป็นพลวัตที่สำคัญของภาษาศาสตร์ในภาษาไทย

อีกทั้งการที่มีปริมาณผู้ใช้อินเทอร์เน็ตในไทยเป็นจำนวนมากราว 20 ล้านคนในปัจจุบัน จะทำให้ในอนาคตข้อมูลต่างๆที่เคลื่อนไหวอยู่ในอินเทอร์เน็ตมีขนาดใหญ่ขึ้นจนกลายเป็น Big Data ซึ่งจะมีอิทธิพลต่อความคิดและพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของสังคมไทยปรัชญากล่าวอีกว่า นอกจากอินเทอร์เน็ตทุกวันนี้จะเป็นแหล่งค้นคว้า รวบรวมและสรุปข้อมูลสารสนเทศเป็นเครื่องแปลภาษา จุดที่สูงสุดที่อาจเป็นไปได้คือการที่ ข้อมูลเหล่านั้นสามารถคิดแบบมนุษย์และจัดระบบระเบียบได้ด้วยตัวเองอย่างเป็นธรรมชาติ

ทางด้าน อัครนัย ขวัญอยู่ ฝ่ายวิจัยการพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี มูลนิธิสถาบันวิจัยเพื่การพัฒนาประเทศไทย(TDRI)ได้เสริมในประเด็น Big Data ว่าเป็นข้อมูลขนาดใหญ่ที่ถูกจัดเก็บในเซิร์ฟเวอร์หรือระบบคลาวด์ ซึ่งไม่สามารถใช้ได้กับบุคคลทั่วไป แต่เป็นระบบสำหรับรัฐหรือองค์กรขนาดใหญ่เป็นข้อมูลทางสิถิติ ข้อมูลทางธุรกรรม หรือข้อมูลสำมะโนครัว ซึ่งมีความสำคัญในการใช้วางนโยบายการบริหารรัฐหรือองค์กรเอกชนรวมถึง วิเคราะห์พฤติกรรมประชาชนและผู้บริโภคดังนั้นข้อมูลเหล่านี้จึงนำไปสู่การ ทำนายและการวางแผนล่วงหน้ายกตัวอย่างองค์กรเอกชนที่มีข้อมูลลูกค้าจากบัตร สมาชิกซึ่งสามารถนำพฤติกรรมการซื้อสินค้ามาใช้วางแผนการตลาดการจัดแคมเปญ หรือโปรโมชั่นได้หรือองค์กรภาครัฐอย่างททท.ที่จัดทำแอพพลิเคชั่นเพื่อส่ง เสริมการท่องเที่ยวซึ่งได้มาจากการวิเคราะห์ข้อมูลในBig Data

อย่างไรก็ตามการที่ผู้บริโภคในปัจจุบันถูกยึดโยงกับการ Register ข้อมูลส่วนตัวของตนเองเพื่อการทำธุรกรรมออนไลน์ต่างๆหรือแม้แต่การแลกสิทธิประโยชน์ในการจับจ่ายใช้สอย ก็อาจเป็นดาบสองคม ดังที่ อาจารย์ฐิติรัตน์ ทิพย์สัมฤทธิ์กุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ชี้ให้เห็นว่า BigData หรือ Smart Device เหล่านั้นทำหน้าที่ไม่แตกต่างจากสปายที่ล้วงลึกข้อมูลส่วนตัวของผู้บริโภคในลักษณะที่เป็นความเต็มใจหรือความรู้เท่าไม่ถึงการณ์

สำหรับผู้บริโภคหรือยูสเซอร์ได้ถูกแบ่งเป็น 3 ประเภทหลัก ได้แก่ 1.ผู้ที่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องการเข้าถึงสิทธิส่วนบุคคล2.ผู้ที่ไม่สนใจ ไม่อ่านรายละเอียดในขณะที่เข้าถึงการใช้งานดาต้าต่างๆ 3. ผู้ที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวเลย

ขอบคุณภาพประกอบจาก thaipublica.org

อาจารย์ฐิติรัตน์ ให้ความเห็นว่าข้อมูลส่วนตัวบางอย่างที่บุคคลต้องเปิดเผยในแต่ละยูสเซอร์คือ การแลกกับการไหลเวียนอย่างอิสระของข้อมูลเพื่อธุรกิจการค้าและการลงทุนสิ่ง ที่จะพอเป็นมาตรฐานได้นั่นคือกฎหมายที่มีการปรับตัวได้อย่างเท่าทัน เทคโนโลยีเหล่านี้โดยกฎหมายจะต้องมีหลักการที่ชัดเจนอาจไม่จำเป็นต้องระบุ ว่าprivacyคืออะไรแต่ใช้วิธีการจัดลำดับความสำคัญของข้อมูลว่าข้อมูลใดมี ระดับของprivacyมากน้อยแค่ไหนดังนั้นการจำกัดสิทธิส่วนบุคคลจะต้องความสม เหตุสมผลและมีการให้รายละเอียดที่มาที่ไปของข้อมูลนั้นๆด้วย

ด้าน ยรรยง บุญหลง สถาปนิกสมาคมสถาปนิกอเมริกา ได้นำเสนอความเห็นด้านการสร้างนวัตกรรมของสถาปัตยกรรมและการคมนาคมใน อนาคตซึ่งสอดรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคยุคดิจิทัลกล่าวว่าในอนาคตหากมีBigDataที่ เปิดการเชื่อมของระบบการคมนาคมที่เป็นทางการและไม่เป็นทางการเข้าด้วยกันอาจ ทำให้ผู้ใช้สามารถร่นระยะเวลาการเดินทางในชีวิตประจำวันได้เช่นการเชื่อมต่อ ระบบรถไฟฟ้าเข้ากับเรือหรือวินมอเตอร์ไซค์พัฒนาเป็นแอพพลิเคชั่นที่ผู้ใช้ สามารถวางแผนการเดินทางล่วงหน้าได้จะช่วยให้ปัญหาการคมนาคมของไทยที่มีทั้ง ระบบที่ตรงต่อเวลาและไม่เป็นเวลาให้ไปด้วยกันได้อย่างสมดุลทั้งนี้ราคาก็ ต้องมีความสมเหตุสมผลด้วย

นอก จากนี้ยังนำเสนอแนวคิดการสร้างที่อยู่อาศัยที่เป็นอเนกประสงค์ประหยัด พื้นที่และค่าใช้จ่ายผ่านการใช้งานด้วยแอพพลิเคชั่นอาทิคอนโดมิเนียมที่มี ระบบการแชร์ห้องไม่ว่าจะเป็นห้องนั่งเล่นห้องประชุมหรือห้องทำงานโดยใช้ระบบ การจองผ่านแอพพลิเคชั่นร่วมกันของเจ้าของห้องในคอนโดมิเนียมเดียวกัน

จะเห็นได้ว่าเทคโนโลยีดิจิทัลสามารถเข้ามามีบทบาทในทุกๆด้านของการดำเนินชีวิตการเปลี่ยนผ่านจากยุคอนาล็อกเข้าสู่ยุคดิจิทัลทำให้“ข้อมูล” มีจำนวนมากอย่างไม่มีที่สิ้นสุดและมีการยึดถือข้อมูลเป็นปัจจัยสำคัญในการ สร้างองค์ความรู้หรือนวัตกรรมต่างๆดังนั้นการใช้วิจารณญาณในการเสพข้อมูล ข่าวสารผ่านโลกออนไลน์จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งสำหรับมนุษย์ยุคดิจิ ทัล     

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน