A-Best”สร้างคุณค่าจากคุณภาพแบบ The best
จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
“A-Best”หรือ บริษัท เอ-เบสท์ จำกัด เป็นธุรกิจ บริการสรรหาผักสดและผลไม้ชนิดพร้อมทานหรือง่ายต่อการนำไปประกอบอาหารในขั้นตอนสุดท้าย
มีแนวคิดเริ่มต้นจาก คุณลักขณา นะวิโรจน์ แห่ง เดอะมอลล์กรุ๊ปซึ่งรับผิดชอบในส่วนของซุปเปอร์มาร์เก็ตภายในห้างThe Mall สนใจที่จะหาสินค้าการเกษตรที่มีคุณภาพเข้ามาขายในห้าง จึงเริ่มต้นธุรกิจนี้โดยมีแนวคิดของการเป็นตัวเชื่อมระหว่างต้นน้ำสู่ปลาย น้ำในการคัดเลือกและบรรจุสินค้าผักผลไม้จากสวนสู่ห้าง
ต่อมาจึงต่อยอดมาทำฟาร์มเพาะปลูกทางการเกษตรชื่อ ไร่ฟ้าประทาน ฟลอร่าพาร์ค และร้านกาแฟ Coffee Ozone เพื่อจำหน่ายสินค้าจากไร่ของตัวเองที่ อ.วังน้ำเขียว โดยได้ส่งมอบแนวคิดธุรกิจนี้ให้กับลูกชายคือ คุณชยะพงส์ นะวิโรจน์ เป็นผู้สานต่อแนวคิดให้ออกมาเป็นรูปธรรม จนกลายเป็นรูปแบบการทำธุรกิจที่น่าสนใจในทุกวันนี้
คุณชยะพงส์ ในฐานะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ-เบสท์ จำกัด ได้เข้ามาเริ่มต้นถักทอ “A-Best” ในปี 2554 โดยมองว่าสินค้าเกษตรที่เน้นคุณภาพนั้น มีผู้เล่นในตลาดไม่มากเท่าไหร่ ด้าน Supply chain และ Co-chain มีน้อย ซึ่งส่วนหนึ่งอาจจะมาจากที่ว่า เป็นประเภทสินค้าที่มีกำไรไม่มาก แต่อย่างไรก็ตามเมื่อมองจากแนวโน้มผู้บริโภคที่เริ่มให้ความใส่ใจด้านคุณภาพ เพิ่มมากขึ้น
คุณชยะพงส์จึงเห็นเป็นโอกาสทางธุรกิจที่ดี ที่จะเจาะตลาดสินค้าผลผลิตด้านการเกษตร ผักและผลไม้คุณภาพสูง โดยมุ่งเน้นในสินค้ากลุ่มผักสด โดยตั้งเป้าจะเป็นเบอร์ 1 ของผักผลไม้ในประเทศ
ในช่วงแรก บริษัทได้จัดหาพืชผลทางการเกษตร ผักและผลไม้ ส่งขายสินค้าในซุปเปอร์มาเก็ตของกลุ่มเดอะมอลล์ ทาง “A-Best” ได้มีพนักงานหน้าร้านที่คอยดูแลตัดแต่งสินค้าและบรรจุแพ็คให้ลูกค้าโดยตรง ซึ่งก็พบปัญหาว่า มีสินค้าเสียหายค่อนข้างมาก รวมไปถึงพนักงานหน้าร้านที่ไม่สามารถควบคุมมาตรฐานการบริการให้เท่าเทียมกัน ได้
ดังนั้นบริษัทจึงได้ปรับ Business Model การขายแบบใหม่ โดยเริ่มตั้งแต่ การควบคุมมาตรฐานการเพาะปลูกแบบ Good Agriculture Practice (GAP) กำหนดมาตรฐานการรับซื้อสินค้าจากเกษตรกรรายอื่นเพื่อควบคุมคุณภาพ จากนั้นจึงส่งเข้าโรงงานเพื่อทำความสะอาด ตัดแต่ง ชั่งน้ำหนักและบรรจุแพ็คเรียบร้อย ก่อนจะขนส่งไปวางขายในห้าง ทั้งแบรนด์ของ “A-Best” และแบรนด์ “Gourmet” ในเครือ เดอะมอลล์กรุ๊ป เพื่อให้มีคุณภาพดี สะอาดและปลอดภัย ตามมาตรฐานรับรองต่างๆ
คุณชยะพงส์ มองว่า ธุรกิจควรเติบโตขึ้นบนพื้นฐานของสินค้าที่มีคุณภาพก่อน จากนั้นจึงปรับรูปแบบการดำเนินธุรกิจใหม่ เริ่มต้นให้ความสำคัญกับคุณภาพของวัตถุดิบเป็นอันดับแรก เพราะหากเริ่มต้นจากวัตถุดิบที่มีคุณภาพ การนำสินค้านั้นไปต่อยอดหรือเพิ่มมูลค่าก็ทำได้ง่ายขึ้น โดยบริษัทมีความเชื่อมั่นในคุณภาพสินค้าที่ได้รับรองมาตรฐาน หลักเกณฑ์และหลักการที่ดี ในการผลิตที่เรียกว่า Good Manufacturing Practice (GMP)
“A-Best” มุ่งมั่นที่จะกำหนด Value proposition ให้สินค้ามีคุณภาพสูงกว่าผักทั่วไป จากการเลือกจำหน่ายสินค้าเกรดพรีเมี่ยมผ่านทางการลงทุนโรงงานผลิตให้มี มาตรฐานสูงกว่าฟาร์มผักทั่วไปในท้องตลาด รวมไปถึงมีการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้คงความสดยาวนานเพื่อเป็นจุดขายและ เป็นจุดที่แตกต่างจากผักทั่วไปด้วย
สำหรับกลุ่มเป้าหมายนั้น “A-Best” ต้องการนำเสนอสินค้าประเภทผักสดและผลไม้ โดยจับกลุ่มลูกค้าวัยทำงานและแม่บ้านที่มีพฤติกรรมการซื้อของในซุปเปอร์ มาร์เก็ต เน้นกลุ่มที่มีกำลังซื้อปานกลางในพวกผักสด และกำลังซื้อสูงรวมถึงชาวต่างชาติในผลไม้ที่นำเข้าจากต่างประเทศ นอกจากนั้นมีกลุ่มเป้าหมายใหม่ที่ “A-Best” สนใจคือ คนทั่วไปที่เข้าร้าน 7-11 โดยนำสินค้าผลไม้ตัดแต่งพร้อมรับประทานขนาดเล็ก 3 ชนิด คือ มะเขือเทศเชอรี่ กล้วยหอมลูก และแคนตาลูป เข้ามาวางขายโดยมีแผนจะเพิ่มสินค้าเข้ามาในกลุ่มนี้อีก 3-4 ชนิด ภายในปีหน้า
กรณีศึกษาของ “A-Best” สะท้อนให้เห็นถึงโมเดลธุรกิจที่เลือกปรับเปลี่ยนโมเดลให้เหมาะกับจังหวะการ เติบโตของธุรกิจ สำหรับนักธุรกิจนั้น ความท้าทายที่จะพบเมื่อธุรกิจมีการขยายตัว คือ นอกจากการมีสินค้าที่ดีแล้ว ต้องสามารถสร้างแบรนด์ให้ลูกค้าจดจำได้ โดยการสร้างแบรนด์ที่ดีนั้นเป็นการหา “คุณค่า” ของสินค้าและรู้จักการ “ส่งต่อและสื่อสาร” คุณค่านั้นให้ลูกค้ารับรู้ การที่จะสร้างคุณค่าถือเป็นโจทย์หลักของผู้ผลิต ดังเช่นของ “A-Best” ที่ใช้เรื่อง Fresh GMP และ HACCP มาสื่อสารผ่านสัญลักษณ์บนบรรจุภัณฑ์ทุกตัว ด้วยเชื่อมั่นว่า เป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่บริษัทตั้งใจมอบให้ผู้บริโภค
(เครดิตกรณีศึกษา : โดย ณัฐชุดา อรุณจินดาวรรณ, ธนพงษ์ ยิ้มสุขไพฑูรย์, ธรชญา วรรักติวงศ์, ศศิพัชญ์ ธำรงจิระพันธ์ และ เสาวรส หล่อเลิศปัญญากุล นักศึกษาปริญญาโท สาขาการจัดการกลยุทธ์ วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล)
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน
