จากประชาชาติธุรกิจ
โดย ธำรงศักดิ์ คงคาสวัสดิ์ http://tamrongsakk.blogspot.com
เรื่องที่ ผมเอามาแชร์ในวันนี้เป็นอีกเรื่องหนึ่งที่เกิดขึ้นได้อยู่เสมอในองค์กรที่ ยังไม่มีความเป็นมืออาชีพและไม่มีหลักในการบริหารค่าตอบแทนที่ดี
เรื่องมีอยู่ว่า น.ส.วันดี (นามสมมุติ) สมัครเข้าทำงานในบริษัทแห่งหนึ่ง โดยมีข้อตกลงกันว่าคุณวันดีต้องทำงานสัปดาห์ละ 5 วัน จันทร์ถึงศุกร์ เวลาทำงาน 08.00-18.00 น. (วันละ 9 ชม.ทำงาน) หยุด 2 วันคือเสาร์-อาทิตย์ ได้รับเงินเดือนระหว่างทดลองงานเดือนละ 20,000 บาท (ทดลองงาน 120 วัน) หลังทดลองงานจะปรับขึ้นให้เป็น 22,000 บาท แล้วแต่ผลการทำงานในระหว่างทดลองงาน
คุณวันดีตกลงรับเงื่อนไขเข้าทำงาน
แต่พอทำงานผ่านไป 1 เดือนเศษ ๆ ผู้บริหารเรียกคุณวันดีไปพบ และบอกว่าอยากจะขอให้คุณวันดีลดเงินเดือนลงเหลือเดือนละ 18,000 บาท และเพิ่มวันทำงานเป็นให้มาทำงานในทุกวันเสาร์เต็มวันอีกต่างหาก โดยให้เหตุผลว่าคุณวันดียังทำงานไม่ได้อย่างที่คุยกันไว้ และบริษัทมีความจำเป็นต้องให้พนักงานทุกคนมาทำงานในวันเสาร์เพิ่มขึ้นไม่ใช่เฉพาะคุณวันดีคนเดียว
คุณวันดีแกคงจะงงสตันต์ไปพักหนึ่งแหละครับ แกเลยขอฝ่ายบริหารกลับมาตั้งสติก่อนจะไปให้คำตอบอีกครั้งว่าจะโอเคตามที่ผู้บริหารขอดีหรือไม่
ถ้าท่านเป็นคุณวันดีท่านจะตัดสินใจยังไงครับ ?
ก่อนตัดสินใจผมขอชี้ประเด็นที่สำคัญในเรื่องนี้ก่อน...ดังนี้ครับ
1.การ ลดค่าจ้างลงโดยลูกจ้างไม่ได้ยินยอมถือเป็นการเปลี่ยนสภาพการจ้างที่ไม่เป็น คุณแก่ลูกจ้างซึ่งผิดกฎหมายแรงงานตามพ.ร.บ.แรงงานสัมพันธ์มาตรา20
"เมื่อข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้างมีผลใช้บังคับแล้ว ห้ามมิให้นายจ้างทำสัญญาจ้างแรงงานกับลูกจ้างขัดหรือแย้งกับข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง เว้นแต่สัญญาจ้างแรงงานนั้นจะเป็นคุณแก่ลูกจ้างยิ่งกว่า"
2.การขอเพิ่มวันทำงานจากสัปดาห์ละ 5 วันมาเป็นสัปดาห์ละ 6 วัน นอกจากจะผิดกฎหมายแรงงานตามข้อ 1 แล้ว ยังทำให้ชั่วโมงการทำงานต่อสัปดาห์เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ละ 45 ชั่วโมง (ทำงาน 5 วัน วันละ 9 ชั่วโมงไม่รวมเวลาพักกลางวัน 1 ชั่วโมง) มาเป็นสัปดาห์ละ 54 ชั่วโมง ซึ่งเกินกว่าที่กฎหมายแรงงานกำหนดไว้ตามมาตรา 23 ต้องไม่เกินสัปดาห์ละ 48 ชั่วโมง
เมื่อ คุณวันดีรู้อย่างงี้แล้วก็อยู่ที่ตัวของแกเองนะครับว่ายังอยากจะอยู่กับ บริษัทที่มีการบริหารจัดการแบบ"ตามใจฉัน"และเอาเปรียบพนักงานอย่างนี้ต่อไป หรือไม่หรือคุณวันดีจะไปหาบริษัทที่มีการบริหารค่าตอบแทนที่ชัดเจนไม่ชัก เข้าชักออกเหมือนบริษัทนี้จะดีกว่า
เพราะนี่ขนาดยังเพิ่งทำงานมาได้แค่เดือนเดียวยังทดลองงานอยู่ ผู้บริหารยังออกลายมาขนาดนี้แล้ว ถ้าเป็นพนักงานประจำต่อไปจะถูกเอาเปรียบเรื่องอื่นอีกหรือไม่ คงต้องไปเล่นเกมวัดดวงกับผู้บริหารบริษัทนี้กันอีกในอนาคตมั้งครับ
เรื่อง ที่ผมเล่ามานี้ยังมีให้เห็นได้อยู่เป็นประจำในบริษัทที่มีผู้บริหารที่ไม่ เคยเรียนรู้เรื่องเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานเลยว่าอะไรบ้างที่ทำไปแล้วจะผิด กฎหมายแรงงานในมุมมองของผมผมว่าผู้บริหารในระดับต่างๆของบริษัทควรจะต้องหัน มาเห็นความสำคัญและให้ความสนใจกับเรื่องเหล่านี้ เพื่อจะได้รู้ว่าอะไรที่ทำได้ อะไรที่ทำไม่ได้
เพราะ ถ้าผู้บริหารทำอะไรที่ผิดกฎหมายแรงงานอย่างนี้ในยุคนี้เป็นยุคของโลกออนไลน์ แล้วนะครับบริษัทของท่านจะถูกนำขึ้นมาโพสต์ให้สาธารณะเขาได้รับรู้ว่าผู้ บริหารของบริษัทปฏิบัติอะไรที่ผิดกฎหมายแรงงานกับพนักงานบ้างซึ่งจะทำให้ บริษัทเสียภาพลักษณ์ชื่อเสียงและจะแก้ไขกลับคืนมายาก
ดังนั้น ถ้าผู้บริหารในระดับต่าง ๆ ของบริษัทจะสนใจศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับกฎหมายแรงงานในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องยาก เพียงแต่ท่านพิมพ์สิ่งที่ต้องการรู้เข้าไปในกูเกิล เช่น "ลดเงินเดือนพนักงานทำได้หรือไม่" จะพอรู้แนวทางบ้างแล้ว หรือหาเวลาไปเข้าอบรมเรื่องเกี่ยวกับกฎหมายแรงงานบ้างจะทำให้ท่านเข้าใจเรื่องเหล่านี้ดีขึ้น
อีกเรื่องหนึ่งคือสไตล์ในการบริหารจัดการแบบ "ตามใจฉัน"
ฉันเป็นผู้บริหารจะทำยังไงกับลูกน้องก็ได้ โดยไม่ต้องมีหลักการหรือมีคุณธรรมใด ๆ นะ ผมรับรองได้ว่าผู้บริหารประเภทนี้จะหาลูกน้องเก่ง ๆ มีฝีมือมาทำงานอยู่ด้วยยาก หรือแม้มาอยู่ด้วยไม่นานมักจะลาออกไป จะมีเหลือเพียงลูกน้องที่ไม่มีที่จะไป และยอมรับการบังคับบัญชาแบบอำนาจนิยมได้ก็อยู่ไปแบบวัน ๆ ในที่สุดทั้งผู้บริหารและบริษัทนั้น ๆ จะไม่มีศักยภาพที่ดีขึ้น และเสียความสามารถในการแข่งขันไปในที่สุดครับ
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน