จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...กองบรรณาธิการโพสต์ทูเดย์

ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ถ้ามีผลบังคับจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ถือครองที่ดินที่อาจจะมีภาระด้านภาษีที่มากกว่าที่เสียอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มที่อยู่อาศัยแม้ปัจจุบันจะอยู่ในข่ายที่ต้องเสียภาษีบำรุงท้องที่อยู่แล้ว แต่ที่ผ่านมาก็มีข้อยกเว้นที่ทำให้บ้านส่วนใหญ่ไม่ต้องจ่ายภาษี ขณะที่ร่าง พ.ร.บ.เวอร์ชั่นใหม่ที่จะเสนอให้รัฐมนตรีคลังพิจารณาก่อนเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นั้น ก็มีข้อผิดแผกแตกต่างไปจากเดิม ทั้งอัตราและวิธีการจัดเก็บภาษี

อิสระ บุญยัง นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร ให้ความเห็นว่า ร่าง พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ล่าสุดนี้ที่เห็นชัดคือ อัตราการจัดเก็บเพิ่มสูงขึ้น เช่น ที่ดินประเภทที่อยู่อาศัยจากร่างเดิมจัดเก็บสูงสุด 0.1% ร่างใหม่เท่าที่ทราบจะมีการเก็บ 0.3% ถือว่าขึ้นมาถึง 300% เป็นต้น

ขณะเดียวกัน ก็มีการเก็บภาษีตามราคาประเมินแบบขั้นบันได เหมือนการเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา โดยเอาราคาเริ่มต้นที่ไม่เกิน 2 ล้านบาทเป็นเกณฑ์ เข้าใจว่าเพื่อเป็นการบรรเทาให้คนที่มีที่ดินไม่มากเช่นที่ดินสำหรับบ้านอยู่อาศัยราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท จ่ายภาษีไม่มาก แต่ในขณะเดียวกันผู้ที่ถือครองที่ดินจำนวนมากราคาประเมินสูงกลับจ่ายเพิ่มสูงขึ้นตามขั้นบันไดที่กำหนด

“ยังไม่ชัดเจนว่าอัตราภาษีที่กำหนดใหม่นี้เป็นอัตราสูงสุด แล้วให้ท้องถิ่นไปกำหนดอัตราตามความเหมาะสมของแต่ละพื้นที่ หรือเป็นอัตราที่ใช้จัดเก็บเลย” อิสระ ให้ความเห็น

สำหรับที่ดินรกร้างว่างเปล่า ร่าง พ.ร.บ.ใหม่ก็ยังคงหลักการเดิม คือ ถ้าไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์ก็จะมีการจัดเก็บในอัตราก้าวหน้า เพื่อกดดันให้ผู้ที่ถือครองที่ดินอยู่มากนำมาใช้ประโยชน์ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ ซึ่งโดยหลักการแล้วเห็นด้วยกับเรื่องดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม สำหรับที่ดินที่เป็นทรัพย์สินส่วนกลางของโครงการหมู่บ้านจัดสรร หรือคอนโดมิเนียม เช่น ถนน สวนสาธารณะในโครงการ ยังไม่ชัดเจนว่าร่างฉบับนี้จะมีการจัดเก็บด้วยหรือไม่ แต่โดยความเห็นส่วนตัวแล้ว หากมีการจัดเก็บ ถือเป็นการจัดเก็บที่ซ้ำซ้อน เพราะผู้อยู่อาศัยจะต้องเสียภาษีจากบ้านหรือคอนโดมิเนียมที่อยู่อาศัยอยู่แล้ว

ขณะที่ที่ดินที่เป็นทรัพย์ส่วนกลางนั้นมีไว้เพื่ออำนวยความสะดวก และเป็นส่วนที่สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับที่ดินและที่อยู่อาศัยในโครงการซึ่งต้องเสียภาษีอยู่แล้ว จึงไม่เห็นด้วยที่จะต้องจัดเก็บภาษีในส่วนของที่ดินและสิ่งปลูกสร้างที่เป็นทรัพย์ส่วนกลางในโครงการบ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม เพราะซ้ำซ้อนและเพิ่มภาระให้กับผู้อยู่อาศัย

นายกกิตติมศักดิ์สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร เสนอแนะว่า อยากให้กระทรวงการคลังทำโมเดลการเสียภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง โดยการกำหนดพื้นที่จริงในการเก็บภาษีที่ดินในแต่ละประเภท เช่น พื้นที่อยู่อาศัยในเมือง-นอกเมือง พื้นที่พาณิชยกรรม พื้นที่เกษตรกรรมในต่างจังหวัด พื้นที่อุตสาหกรรมที่ จ.ระยอง เป็นต้น เพื่อที่จะได้ภาพที่ชัดเจนว่า หากมีการเก็บตามอัตราภาษีที่กำหนดแล้วจะเกิดผลกระทบมากน้อยแค่ไหน และเปิดรับฟังความเห็นจากผู้ที่เกี่ยวข้อง

นอกจากนี้ จะต้องมีความชัดเจนในเรื่องสิ่งปลูกสร้างว่าจะจัดอยู่ในประเภทใด เช่น ที่อยู่อาศัยถ้านำมาทำเป็นโฮมออฟฟิศ จะต้องเสียในอัตราที่อยู่อาศัย หรือพาณิชยกรรม หรืออาคารพาณิชย์ที่ใช้เป็นที่อยู่อาศัยจะเก็บภาษีเป็นที่อยู่อาศัย หรือเป็นพาณิชย์ เป็นต้น เพื่อไม่ให้เกิดข้อถกเถียงตามมา ส่วนที่ดินที่ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์นำมาพัฒนาเป็นโครงการที่อยู่อาศัยนั้น หากยังเป็นที่ดินเปล่าก็ต้องเสียภาษีตามหลักเกณฑ์ แต่ถ้าเริ่มต้นมาพัฒนาเป็นสินทรัพย์ ก็ต้องชัดเจนว่าจะต้องเสียภาษีในหลักเกณฑ์ใดเช่นกัน

“โดยหลักการแล้วเห็นด้วยกับการจัดเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง เพราะจะทำให้ท้องถิ่นมีอิสระในการบริหารการคลังมากขึ้น แต่ในรายละเอียดควรจะต้องมีการทดลองใช้เพื่อให้ทราบปัญหาและผลกระทบต่างๆ ก่อนที่จะประกาศใช้จริง” อิสระกล่าว

ด้าน ธำรง ปัญญาสกุลวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมอาคารชุดไทย ให้ความเห็นว่า หาก ครม.มีมติเห็นชอบ พ.ร.บ.ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ตามที่กระทรวงการคลังนำเสนอมาจะถูกคัดค้านจากประชาชน เนื่องจากมองว่าการเก็บภาษีดังกล่าวรายได้จะตกอยู่กับท้องถิ่น ไม่ได้นำรายได้สู่ส่วนกลาง จะยิ่งเป็นการสร้างปัญหาทุจริตได้ ซึ่งเป็นปัญหาที่เกิดกับท้องถิ่นหลายแห่งในเวลานี้ ทางที่ดีควรจัดเก็บภาษีเดิมทั้งหมดที่มีอยู่แล้วให้ดีที่สุดก่อน

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน