สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

จีนกระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นสิ่งจำเป็นที่สุด ณ ขณะนี้

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ ลงทุนทั่วโลก โดย สุรศักดิ์ ธรรมโม นักกลยุทธการลงทุน ธนาคาร Standard Chartered

ในสัปดาห์ก่อนตลาดการเงินทั่วโลกเผชิญกับความผันผวนหลังจากที่ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ตัดสินใจคงดอกเบี้ยนโยบาย อย่างไรก็ตามเรายังคงมุมมองในระยะกลางว่า ความผันผวนที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้ เป็นเรื่องปกติเมื่อดัชนีผ่านมาถึงจุดกึ่งกลางของวัฏจักรหุ้นขาขึ้นจะมีการปรับฐาน ดังนั้นจากนี้ไปเรามองเป็นโอกาสให้ลูกค้าเริ่มเข้ามาลงทุนในสินทรัพย์ที่เราแนะนำ

ก่อนหน้านี้ดัชนีหุ้นทั่วโลกผันผวน โดยดัชนีหุ้นทั่วโลกปรับลงมาสู่ระดับต่ำสุดใน 2 ปีนี้มาจากปัจจัยดังต่อไปนี้ ได้แก่ ความกังวลในเรื่องการขยายตัวของเศรษฐกิจจีน ความไม่แน่นอนว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายหรือไม่ และถ้าขึ้นจะขึ้นในช่วงใด และผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในไตรมาส 3 ปีนี้ที่จะทยอยประกาศ

แต่สัญญาณบวกใหม่ที่เข้ามาถือเป็นสัญญาณที่ดีต่อการลงทุน อาทิ ดัชนีหุ้นมาถึงระดับแนวรับเชิงเทคนิค และนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่พุ่งเป้าไปที่เฉพาะจุดนั้น อาทิ การลดภาษีมูลค่าเพิ่มในส่วนของรถยนต์ขนาดเล็กมาที่ 5% และการลดวงเงินดาวน์อสังหาริมทรัพย์ลงมาที่ 25% สำหรับผู้ซื้อบ้านหลังแรกในรอบ 5 ปีเป็นผลบวกต่อหุ้นจีนและหุ้นทั่วโลกให้ปรับขึ้นมาจากระดับต่ำที่สุดในรอบ 2 ปีได้ แม้ว่าปริมาณการซื้อขายหุ้นจะเบาบาง แต่มาตรการที่เพิ่มเติมกว่านี้เป็นสิ่งที่จำเป็นถ้ารัฐบาลจีนต้องการที่จะฟื้นความเชื่อมั่นของตลาดให้กลับมาอีกครั้ง

มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนที่มีวงเงินมากกว่านี้เป็นสิ่งจำเป็น แม้ว่าตั้งแต่ ธ.ค. 2014 ธนาคารกลางจีน (PBOC) จะลดดอกเบี้ยนโยบายลง 5 ครั้ง และลดอัตราเงินสดสำรองส่วนเกิน (RRR) ลงก็ตาม แต่ขณะนี้ภาวะตลาดการเงินจีนยังคงอยู่ในระดับที่ตึงตัวและกำไรอุตสาหกรรมจีนยังคงหดตัว ซึ่งนี่น่าจะบ่งชี้ว่าในไตรมาส 4 ของปีนี้การลดดอกเบี้ยนโยบายลงและลด RRR น่าจะเกิดขึ้นและนี่จะเป็นการช่วยหุ้นจีนและหุ้นทั่วโลกให้ปรับเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะเมื่อคำนึงว่าในไตรมาส 4 นี้ โดยปกติแล้วหุ้นทั่วโลกมักจะเป็นขาขึ้นในไตรมาสนี้ ส่งผลให้เราคิดว่าช่วงนี้ให้โอกาสที่ดีในการซื้อหุ้นและสินทรัพย์ที่เราแนะนำ

โดยในส่วนของหุ้นจีนนั้น เราต้องการเห็นการฟื้นตัวของหุ้นจีนอย่างยั่งยืนก่อนที่เราจะแนะนำให้ลูกค้ากลับเข้าลงทุนในหุ้นจีนผ่านดัชนี H-Shares อีกครั้ง

ขณะที่ข้อมูลของยุโรปและญี่ปุ่นบ่งชี้ถึงความเป็นไปได้ที่จะมี มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม โดยความเชื่อมั่นภาคธุรกิจยุโรปเพิ่มขึ้นแต่อัตราเงินเฟ้อลดลงเป็นครั้งแรก ตั้งแต่เดือน มี.ค. ขณะที่ญี่ปุ่นผลผลิตอุตสาหกรรมยังคงหดตัว และแนวโน้มภาคการผลิตที่อ่อนแอ ซึ่งแนวโน้มการที่จะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมนี้ถือเป็นบวกต่อหุ้น ยุโรปและญี่ปุ่นบนพื้นฐานของการป้องกันความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่เราแนะนำอย่างมากให้ลงทุน

สำหรับอินเดียลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงมากกว่าคาด และเป็นปัจจัยบวกต่อสินทรัพย์ในประเทศ โดยธนาคารกลางอินเดีย (RBI) ลดดอกเบี้ยนโยบายลง 0.50% สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี ที่ 6.75% เป็นการช่วยสนับสนุนให้จิตวิทยาของนักลงทุนดีขึ้น โดยหุ้นอินเดียฟื้นตัว

จากระดับต่ำที่สุดในรอบปี ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรอินเดียโดดเด่นมากเมื่อเปรียบเทียบกับพันธบัตรรัฐบาลประเทศอื่นในเอเชีย การลดดอกเบี้ยนโยบายครั้งที่ 4 ในรอบปีนี้ผนวกกับการเพิ่มการใช้จ่ายภาครัฐ ต้นทุนพลังงานที่ต่ำลง และการปฏิรูปที่กำลังดำเนินต่อไป ซึ่งช่วยลดปัญหาความไร้ประสิทธิภาพของระบบสาธารณูปโภค ทั้งนี้ หุ้นอินเดียและพันธบัตรอินเดียเป็นสินทรัพย์ในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ (Emerging Markets) ที่เราแนะนำอย่างมากให้ลงทุน

ในส่วนของสหรัฐแม้ว่าข้อมูลภาคการผลิตสหรัฐ และการจ้างงานจะต่ำกว่าคาด แต่ความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐที่เพิ่มขึ้นนั้น อาจจะทำให้ Fed มีความมั่นใจในการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในช่วงปลายปีนี้ และทำให้ตลาดลดความไม่แน่นอนในเรื่องจังหวะและเวลาในการขึ้นดอกเบี้ยนโยบายของ Fed ซึ่งนี่จะเป็นปัจจัยที่ช่วยลดความผันผวนของตลาด


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : จีน กระตุ้นเศรษฐกิจ เป็นสิ่งจำเป็นที่สุด ณ ขณะนี้

view