สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

วิชา ย้ำแก้ทุจริต ต้องเปลี่ยนทัศนคติชุมชน

วิชา'ย้ำแก้ทุจริต ต้องเปลี่ยนทัศนคติชุมชน

จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

"วิชา" ย้ำแก้จริต ต้องเปลี่ยนทัศนคติชุมชน ยกฮ่องกงโมเดลเป็นต้นแบบ ด้าน"จุรี"แนะต้องปลูกฝังค่านิยมไม่ฟุ้งเฟ่อ

ขณะที่ "ประมนต์" แนะ จัดซื้อจัดจ้าง ควรมีบุคคลที่ 3 ร่วมตรวจสอบกระบวนการเพื่อความโปร่งใส

ที่ห้องมัฆวานรังสรรค์ สโมสรทหารบก มีการเปิดตัวมูลนิธิต่อต้านการทุจริต โดยนายวิชา มหาคุณ กรรมการป.ป.ช. ในฐานะประธานมูลนิธิฯ ซึ่งมีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ร่วมเป็นประธานในการเปิดตัวครั้งนี้ โดยหลังจากนั้นมีการเสวนาในหัวข้อ “ทำอย่างไร...ประเทศไทยไร้ทุจริต” ประกอบด้วยนายวิชา นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่นประเทศไทย และนางจุรี วิจิตรวาทการ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ(กรธ.)

นางจุรี กล่าวว่า การจะเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคนในสังคมได้ต้องใช้สิ่งที่นอกเหนือกฎหมายคือ มาตรการทางสังคม แต่ที่ผ่านมาเราไม่ค่อยมีบทลงโทษด้วยสังคม เรายังยกมือไหว้คนทุจริต เพราะเขามีอำนาจ บางประเทศนักการเมืองทำผิด ต้องลาออก เพราะละอายต่อสังคม แต่เรายังอ่อนในเรื่องนี้ รวมถึงต้องปลูกฝังจิตสำนึก ที่ต้องเริ่มต้นจากที่บ้านหรือครอบครัว พ่อแม่ต้องเป็นต้นแบบ ถ้าบอกว่ามักง่ายโกงนิดโกงหน่อยไม่เป็นไร เด็กก็จะถูกปลูกฝัง ดังนั้น กระบวนการปลูกจิตสำนึกจากครอบครัวจะเป็นเบ้าหลอมที่ดี เพราะถ้าเด็กมีจิตสำนึกแล้ว จะเหมือนมีเครื่องเตือนใจหรือภูมิคุ้มกันจากภายในไม่ให้ทุจริต ในประเทศเดนมาร์ก ซึ่งมีดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น(CPI) อันดับ1ของโลกหลายปีต่อเนื่องได้นั้น เนื่องจากระบบการสอนคนในสังคมให้มีค่านิยมไม่ต้องฟุ้งเฟ้อ มั่งคั่งร่ำรวย หรือต้องโอ้อวด นักการเมืองไม่โชว์ออฟ ซึ่งเขาหล่อหลอมกันมาตั้งแต่เด็กก็สามารถช่วยแก้ปัญหาได้อย่างมาก คนในสังคมต่างยึดถือค่านิยมนี้ไม่แตกแถว จนกฎหมายถูกบังคับใช้น้อยมาก จึงอยากเห็นสังคมไทยก้าวไปสู่จุดนั้น เพราะทุกวันนี้เราบังคับใช้กฎหมายเยอะมาก แต่ไม่สามารถแก้ปัญหา และต่อให้กฎหมายดีแค่ไหนคนก็บิดเบือนได้ ทั้งนี้ เราต้องให้คนดีมีที่ยืนในสังคม และออกมาร่วมมือเสียสละเพื่อส่วนรวมและต้องเปลี่ยนความคิดที่ว่ารู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี มาเป็นเปลืองตัวหน่อยเพื่อช่วยสังคม อีกทั้งจะต้องลดระบบอุปถัมป์ รวมถึงความต้องการทรัพย์สินเงินทองที่ไม่มีที่สิ้นสุดลง ซึ่งตรงนี้ถือเป็นหัวใจของการคอร์รัปชั่น และความไม่เป็นธรรมในสังคม

นายประมนต์ กล่าวว่า ประเทศเราถูกคนอื่นตราหน้าว่าเป็นคนป่วยของเอเชีย เพราะปัญหาการทุจริต ซึ่งเป็นเรื่องที่คนไทยเจ็บช้ำ จึงต้องหาทางแก้ไข เราเลยมีการเสนอให้ภาคเอกชนที่เป็นส่วนหนึ่งของปัญหา โดยเฉพาะการจัดซื้อจัดจ้าง ที่เอกชนถูกมองว่ามักสมยอมหรือยินยอมร่วมกับเจ้าหน้าที่รัฐทุจริต จึงต้องการให้การประมูลโครงการขนาดใหญ่ของรัฐมีบุคคลที่สามหรือประชาชนเข้าร่วมตรวจสอบหรือสังเกตการณ์ว่ากระบวนการมีความโปร่งใสหรือไม่ การตั้งราคากลาง มีที่มาที่ไปอย่างไร เพราะอดีตมักตั้งสูงกว่าความเป็นจริง เช่น ราคากลาง 1,000 ล้านบาท แต่กลับตั้ง 1,500 ล้านบาท ซึ่งจะมีส่วนต่างถึง 500 ล้านบาทที่สามารถทุจริตได้ โดยเรื่องนี้คณะรัฐมนตรีได้อนุมัติและถูกบรรจุไว้ในพร.บ.จัดซื้อจัดจ้าง ฉบับใหม่ นอกจากนั้น เราต้องปลุกสังคมให้ตื่นขึ้นเพื่อให้ตระหนักถึงปัญหาการทุจริตด้วย ต้องเริ่มที่เยาวชนและต้องทำทันที จะรอต่อไปไม่ได้แล้ว

นายวิชา กล่าวว่า ตนได้ยินเสียงสะท้อนว่าอย่าทิ้งงานนี้ อย่าให้บ้านเมืองกลับเข้ารูปเข้ารอยเดิมอีก ซึ่งการปฏิวัติที่ผ่านมาก็แก้ปัญหาได้ระดับหนึ่ง เหมือนการโยนหินลงน้ำ จอกแหนก็กระจายตัว แล้วก็กลับมารวมกันใหม่ แต่เราไม่ได้ทำให้น้ำใสสะอาดเลย คำตอบเรื่องนี้จึงอยู่ที่ชุมชน ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ ได้ถามตนว่าจะทำอย่างไรกับปัญหาทุจริต ก็ได้บอกไปว่า เราต้องทำจากข้างล่างเพื่อจะหล่อหลอมคนในสังคม คือเริ่มตั้งแต่ ครอบครัว วัด โบสถ์ มัสยิด โรงเรียน ที่ผ่านมาเราได้พูดหรือให้ความรู้กับภาคส่วนเหล่านี้ ก็คิดว่าเพียงพอแล้ว แต่ปัญหาก็เหมือนเดิม หนำซ้ำกลับร้ายกว่าเดิม เพราะกระบวนการทุจริตมีการหลบเลียงจนตามไม่ทัน กรณีอดีตรัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขที่ติดคุกเพราะรับสินบนบริษัทยา ปัญหายาก็ไม่ได้เบาบางลง กลับหนักขึ้นกว่าเดิมด้วยการทุจริตเชิงนโยบาย จนตามหลังไล่จับไม่ทัน แล้วจะทำอย่างไรถึงจะดักหน้าได้ ก็ต้องเปลี่ยนแปลงชุมชน และทัศนคติชุมชน ซึ่งไม่มีโมเดลไหนสู้ฮ่องกงได้ เพราะเมื่อ30ปีก่อนประชาชนทนไม่ได้ จนลุกฮือเพราะถูกรีดไถ่จากตำรวจ และจะไม่ยอมจ่ายภาษี ถ้าจะเก็บภาษีก็ต้องแก้ปัญหาทุจริตให้ได้ เจ้าอาณานิคมอังกฤษจึงต้องส่งรองอัยการสูงสุดมาแก้เรื่องนี้ โดยทำลายผู้มีอิทธิพล ที่ซึมลึกไปในระบบการเมือง ราชการ และเข้ามาแก้ระบบตำรวจ “กรรมการป.ป.ช.คนแรกของฮ่องกง ที่เป็นคนอังกฤษ บอกว่า คุณไม่มีทางเอาชนะในสงครามการทุจริตได้ ถ้าไม่เปลี่ยนทัศนคติของชุมชน เพื่อให้ชุมชนฟาดฟันกับทุจริต”

นายวิชา กล่าวว่า เราต้องสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมา และเปลี่ยนความคิดที่ว่า ออกไปเป็นเจ้าคนนายคน แต่ต้องให้ออกไปรับใช้ประชาชน


“ประมนต์” หนุนจับตาประมูลรัฐ-เอกชน สกัดโกง “วิชา” แนะใช้ฮ่องกงโมเดลปราบ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์

“กรธ. จุรี” ชู 3 ระดับไม่ให้โกง ทั้งกฎหมาย บทลงโทษทางสังคม และปลูกฝังจิตสำนึก ด้านประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันประเทศไทย ชี้ เอกชนต้องมีส่วนร่วมรับผิดชอบ ให้ประชาชนมีส่วนร่วมจับตาการประมูล ขณะที่ประธานมูลนิธิต่อต้านการทุจริต บอกอย่าท้อแท้ ต้องเปลี่ยนแปลงทัศนคติชุมชน แนะใช้โมเดลฮ่องกงจัดการ หวังองค์กรต่อต้านจับมือร่วมกันต่อสู้
       
       วันนี้ (4 พ.ย.) ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดี เมื่อเวลา 13.00 น. คณะกรรมการมูลนิธิต่อต้านการทุจริต จัดงานเปิดตัวมูลนิธิต่อต้านการทุจริตอย่างเป็นทางการ โดยมี นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะประธานกรรมการมูลนิธิ กรรมการ และตัวแทนหน่วยงานรัฐ เอกชน และกลุ่มองค์กรต่าง ๆ เข้าร่วมงาน โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานเปิดมูลนิธิ
       
       สำหรับมูลนิธิการต่อต้านการทุจริต มีนายวิชาเป็นประธานมูลนิธิ โดยการจัดตั้งได้รับการผลักดันจากผู้เข้ารับการศึกษาหลักสูตรการอบรมนัก บริหารยุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามการทุจริตระดับสูง (นยปส.) ซึ่งจะทำหน้าที่สนับสนุนกิจกรรม ปลูกฝังค่านิยม คุณธรรม จริยธรรม ให้คนในชาติ โดยเฉพาะเยาชน ส่งเสริมการวิจัย สร้างองค์ความรู้ และพัฒนา บุคลากร ด้านการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและยกย่องเผยแพร่หน่วยงาน บุคคลดีเด่น ที่มีความซื่อสัตย์ และบริหารงานตามหลักธรรมาภิบาล ทั้งนี้ การดำเนินการของมูลนิธิจะไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง ซึ่งในการเปิดตัวมูลนิธิได้มีการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือในการต่อต้าน การทุจริต ระหว่างมูลนิธิ สถาบันการศึกษา และมูลนิธิประเทศไทยใสสะอาด จำนวน 11 หน่วยงาน
       
       ต่อมาเวลา 14.40 น. มีเสวนาในหัวข้อ “ทำอย่างไร... ประเทศไทยไร้ทุจริต” โดย นางจุรี วิจิตรวาทการ กรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) กล่าวว่า การจะเปลี่ยนพฤติกรรมบุคคล การทำไม่ให้โกงมี 3 ระดับ คือ 1. การใช้กฎหมายและระเบียบบังคับ แต่ไทยไม่ได้เคารพกฎหมายจากจิตวิญญาณ 2. เรื่องบทลงโทษทางสังคม ไทยเราการลงโทษทางสังคมยังไม่เข้มข้น บางประเทศนักการเมืองโกงต้องลาออกทันที เพราะเขาละอาย แต่สิ่งเรานี้เรายังไม่มี ยังอ่อนด้อยอยู่ และ 3. การปลูกฝังจิตสำนึก แม้ทำยากแต่ต้องทำ โดยเริ่มต้นจากครอบครัว พ่อแม่ต้องชี้ให้ลูกเห็นว่าอะไรผิดอะไรถูก สถาบันครอบครัวต้องเข้มแข็งในการหล่อหลอมเด็ก
       
       นางจุรี กล่าวว่า ดูอย่างประเทศเดนมาร์กที่เขาได้รับการประเมินค่าดัชนีภาพลักษณ์คอร์รัปชัน โลก (CPI) เป็นอันดับหนึ่งเสมอ เพราะค่านิยมในสังคมเขาคล้ายกัน เขาจะสอนคนในสังคมว่า การอยู่ต้องไม่ฟุ้งเฟ้อ ต้องไม่แสดงความมั่งคั่ง นักการเมืองจะต้องไม่อู้ฟู่ หรือโชว์ออฟ เขามีการหล่อหลอมตั้งแต่เด็ก ซึ่งจะช่วยในระดับหนึ่ง ค่านิยมสังคมเขาทำให้คนไม่แตกแถว และต้องคิดถึงใจคนอื่น ส่วนการลงโทษไม่ต้องไปถึงกฎหมาย แต่สังคมจะลงโทษ เจ้าตัวจะลงโทษตัวเอง ทั้งนี้ เราต้องเปลี่ยนสังคมสำหรับความคิดที่ว่า รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดคน เป็นเปลืองตัวหน่อยไม่เป็นไร หากเราทำเรื่องดีเพื่อช่วยสังคม
       
       ด้าน นายประมนต์ สุธีวงศ์ ประธานองค์กรต่อต้านคอร์รัปชันประเทศไทย กล่าวว่า เราต้องยอมรับว่า ประเทศไทยถูกคนอื่นตราหน้า ว่า เป็นคนห่วยในเอเชียในเรื่องคอร์รัปชัน เพราะมองว่าการทุจริตคอร์รัปชันในไทยมีสูง เทียบกับเพื่อนบ้านด้วยกันเราสูงมาก เป็นเรื่องที่ประเทศไทยเจ็บช้ำเรื่องนี้พอสมควร ซึ่งตนยังยินดีว่า หลายปีที่ผ่านมา มีกระบวนการรณรงค์ออกมาต่อสู้กับการทุจริต มีภาคีเครือข่ายเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตนอยากเน้นเรื่องป้องกันว่า ในระหว่างรอเยาวชนที่กำลังปลูกฝังให้เขามีจิตสำนึก แต่ก็จะปล่อยให้ประเทศเป็นอย่างนี้ไม่ได้ ต้องหาทางป้องกันรวมถึงปราบปรามด้วย
       
       นายประมนต์ กล่าวว่า สำหรับภาคเอกชนถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของปัญหา การทุจริตเกิดขึ้น เพราะเป็นการสมยอมระหว่างคนให้กับคนรับ ซึ่งเอกชนเองก็ต้องมีความรับผิดชอบ ต้องทำให้กระบวนการต่าง ๆ ระหว่างรัฐกับเอกชนมีความโปร่งใส การทุจริตก็จะเกิดขึ้นได้ยาก โดยตั้งแต่ ครม. ชุดนี้เข้ามา และตั้งคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) มีเรื่องหนึ่งที่ทำแล้วมีผล คือ เรื่องการจัดซื้อจัดจ้างที่ในอดีตมีปัญหาสมยอมกันระหว่างรัฐกับเอกชน แต่ต่อไปต้องให้ประชาชนเข้าไปมีส่วนร่วมในการเข้าไปสังเกตการณ์ว่า กระบวนการประมูลนั้น ๆ มีความโปร่งใสหรือไม่ มีการเขียนทีโออาร์อย่างไร และกระบวนการจัดประมูลสมบูรณ์หรือไม่ สามารถตรวจสอบได้หรือไม่ ราคากลางมีที่มาที่ไปอย่างไร เพราะในอดีตมีการตั้งราคากลางสูงเกินความเป็นจริง ซึ่งตอนนี้มีมาตรการแล้ว โครงการใหญ่ที่อยู่ในความสนใจประชาชนต้องมีกระบวนการเหล่านี้ และต่อไปจะมี พ.ร.บ. จัดซื้อจัดจ้างออกมา
       
       ขณะที่ นายวิชา มหาคุณ กรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และประธานมูลนิธิต่อต้านการทุจริต กล่าวว่า การทุจริตมีทุกหย่อมหญ้า เป็นปัญหามหาศาลจริง ๆ ซึ่งเป็นสิ่งที่ท้าทายที่จะแก้ปัญหา แต่เราต้องไม่ท้อแท้หรือสิ้นหวัง เวลาตนลงพื้นที่จะมีชาวบ้านบอกว่า ท่านอย่าทิ้งงานนี้ อย่าปล่อยให้บ้านเมืองกลับสู่รอยเดิม จึงเป็นโจทย์ว่า จะทำอย่างไรไม่ให้เข้าสู่รอยเดิม การปฏิวัติเหมือนโยนหินลงจอกแหน แต่จอกแหนไม่ได้หายไปไหน เพราะเราไม่ได้เก็บมัน ไม่ได้ทำให้น้ำใสสะอาด โจทย์นี้คำตอบจึงอยู่ที่ชุมชน ตนได้บอกกับนายกฯไปว่า เราจะทำจากข้างล่างเพื่อขึ้นไปข้างบน ตรงนี้เป็นพื้นฐานสำคัญมาก เพราะสิ่งที่จะหล่อหลอมจิตสำนึกสังคมก็มาจากคอบครัว โรงเรียน และศูนย์กลางของศาสนาต่าง ๆ
       
       “ในอดีตมีการทุจริตเรื่องจัดซื้อยาของกระทรวงสาธารณสุขที่เราจับได้ จนติดคุก แต่ปัญหาการทุจริตก็ไม่ลดลง เรายังจับได้ตลอด หรือการทุจริตการประมูล การก่อสร้างเขาก็หาผลประโยชน์อย่างนี้ตลอด ที่หนักกว่านั้นคือ ทุจริตเชิงนโยบายเราก็ตามจับเหมือนกับว่าตามหลังเขา ทำอย่างไรเราถึงจะดักหน้าเขาได้ จะไม่เดินตามหลังพวกทุจริต หรือกลุ่มที่จะทำลายบ้านเมืองอีกต่อไปแล้ว ดังนั้น สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้เราต้องเปลี่ยนแปลงทัศนคติชุมชน” นายวิชา กล่าว
       
       นายวิชา กล่าวอีกว่า ตนคิดว่า โมเดลของฮ่องกงเหมาะกับไทยมากที่สุด เขาทำลายมาเฟีย ทำลายพวกมีอิทธิพลที่ซึมลึกในระบบราชการ ประชาชนของเขาเข้มแข็งไม่ยอมเรื่องการทุจริต ดังนั้น การเสริมสร้างการป้องกันการทุจริตต้องมาจากรากหญ้า ต้องมาจากพื้นฐานประชาชน ต้องสร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมา แต่ไม่ใช่สร้างคนรุ่นใหม่ขึ้นมาแล้วบอกเขาว่า ขอให้เจริญ ๆ นะลูก โตเป็นเจ้าคนนายคน แต่ต้องบอกว่า ให้ออกไปรับใช้ประชาชนถึงจะใช้ได้
       
       “เรายังมีเส้นทางเดินอีกยาวไกล บ้านเมืองของเรามีปัญหามานานที่จะต้องแก้ไขอีกเยอะแยะ มูลนิธิต่อต้านการทุจริตหรือองค์กรต่าง ๆ จะจับมือกันแบบหลวม ๆ คงไม่ได้ แต่ต้องทำงานร่วมกันอย่างจริงจัง ต้องเป็นเครือข่ายแท้จริง ไม่ใช่แบบเทียม ต้องผนึกด้วยจิตวิญญาณของนักต่อสู้ เมื่อเราเห็นประเทศไทยเป็นรัฐล้มเหลว แล้วเราต้องรู้สึกทนไม่ได้ ต้องคิดว่าเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องต่อสู้ ร่วมจิตร่วมใจกัน ผมเชื่อว่า ประเทศไทยมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ คุ้มครองอยู่ คนไทยเก่ง มีสติปัญญา ไม่อย่างนั้นคงรักษาบ้านเมืองไม่ได้จนบัดนี้ แต่จะเอาตัวรอดแบบแต่พอตัวไม่ได้ ต้องรอดทั้งชาติ ต้องขอฝากการเปิดตัวของมูลนิธิครั้งนี้เป็นจุดเริ่มต้น ต้องทำงานร่วมกันอย่างเข้มเข็งจนกว่าลมหายใจสุดท้ายของพวกเรา” นายวิชา กล่าว


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : วิชา ย้ำ แก้ทุจริต ต้องเปลี่ยนทัศนคติชุมชน

view