จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์สามัญสำนึก โดย สมปอง แจ่มเกาะ

"ประชาชาติธุรกิจ" ฉบับนี้วางแผง คงตรงกับช่วงการแถลงผลงานครบรอบ 1 ปีของรัฐบาล ที่มีกำหนดการจัดระหว่างวันที่ 23 ธันวาคม งานนี้รัฐบาล โดยทุกกระทรวงทบวงกรม คงได้ชี้แจงแถลงไขว่าในห้วงเวลา 1 ปี มีผลงานชิ้นโบแดงอะไรบ้าง และกำลังจะทำอะไรต่อไปอีก

คงไม่ใช่เพียงเพื่อแสดง ผลงานให้เห็นเป็นรูปธรรมเท่านั้น สิ่งที่รัฐบาลวาดหวังอีกอย่างหนึ่งก็เพื่อสร้างความเชื่อมั่น สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศในอนาคต

อีกไม่กี่วัน ก็จะสิ้นปีเก่า ศักราชใหม่ ปี 2559 กำลังจะย่างก้าวเข้ามา ทั้งภาครัฐ ภาคธุรกิจ ประชาชน ยังมีปัญหา ยังมีอุปสรรคอีกหลายอย่างที่จะต้องฝ่าฟันไปให้ได้

แม้หลาย ๆ ฝ่ายจะคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจไทยในปีหน้าจะขยายตัวดีกว่าปีนี้ โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ หรือไอเอ็มเอฟ คาดว่าจีดีพีจะโต 3.2% แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงทั้งภายนอกและภายในที่ต้องติดตามอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นของการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน คู่ค้าสำคัญ ขณะที่เศรษฐกิจยุโรปและสหรัฐที่ยังไม่ฟื้นตัวดีนัก เรื่องภัยก่อการร้าย รวมถึงเรื่องร่างรัฐธรรมนูญ ที่อาจทำให้อุณหภูมิทางการเมืองร้อนขึ้นมาได้

จะใช้คำว่าหนทางในวันข้างหน้าไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบก็คงไม่ผิดนัก

ปี หน้านอกจากการลงทุนของภาครัฐ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน การท่องเที่ยว ที่หัวใจหลักในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประเทศแล้ว การส่งออกที่เป็นพระเอกในการสร้างรายได้เข้าประเทศปีละมากกว่า 2 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ก็เป็นอีกความหวังหนึ่งเช่นกัน

จึงไม่แปลกที่ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี จะตั้งโจทย์การส่งออกปีหน้าไว้ที่ 5% จากปีนี้ที่เป้าส่งออกติดลบ 3% จากเดิมที่คาดว่าจะขยายตัว 1.2% หรือประมาณ 230,000 ล้านเหรียญสหรัฐ

จากนี้ไปคงเป็นภารกิจหลัก ของกระทรวงพาณิชย์ และเบื้องต้น กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (สค.) อยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจากสมาคมที่เกี่ยวข้อง โดยจะใช้บริการสุขภาพและสปา อุตสาหกรรมบันเทิง-ดิจิทัลคอนเทนต์ เป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนที่จะให้น้ำหนักมากขึ้น จากเดิมที่รายได้จากการส่งออกหลัก ๆ มาจากรถยนต์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ เครื่องคอมพิวเตอร์ อุปกรณ์และส่วนประกอบ อัญมณีและเครื่องประดับ ฯลฯ

นอก จากการทำมาค้าขาย การหาตลาดใหม่ ๆ ที่มีศักยภาพเพิ่มแล้ว หากพิจารณาถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นบนโลกใบนี้ จากการศึกษาขององค์การสหประชาชาติพบว่า ปัจจุบันสัดส่วนประชากรสูงอายุ (มากกว่า 60 ปีขึ้นไป) มีจำนวนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นในเกือบทุกประเทศทั่วโลก จากเมื่อปี 2556 ที่มีผู้สูงอายุประมาณ 841 ล้านคน คาดว่าตัวเลขจะทะลุ 1 พันล้านคน ภายในไม่ถึง 10 ปี

ว่ากันว่า เอเชียเป็นภูมิภาคที่มีคนสูงอายุอยู่มากที่สุด หรือเป็นสัดส่วนถึง 56% ของประชากรคนสูงอายุทั่วโลก หรือประมาณ 460 ล้านคน ในจำนวนนี้อยู่ในจีนกว่า 230 ล้านคน ในอินเดียอีกราว 100 ล้านคน ส่วนเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ก็ไม่น้อยหน้า มีตัวเลขราว 55 ล้านคน

ตามด้วยยุโรป 20% อเมริกาเหนือ 8% ละตินอเมริกาและแคริบเบียน 8% แอฟริกา 7% และโอเชียเนีย 1%

ไม่ เพียงเฉพาะญี่ปุ่นที่ได้ชื่อว่ามีจำนวนผู้สูงอายุมากที่สุดในโลก และมีกำลังซื้อสูงแล้ว ผู้สูงอายุในยุโรป ทั้งเยอรมนี สวิตเเซอร์แลนด์ ฟินแลนด์ สวีเดน ฝรั่งเศส เบลเยียม ฮังการี รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ก็เป็นประเทศที่กลุ่มผู้สูงอายุที่มีกำลังซื้อ และมีแนวโน้มมีจำนวนเพิ่มขึ้นเช่นกัน

นี่คือโอกาสทางธุรกิจที่น่าสนใจไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ผลิตสินค้าและบริการ

นอก จากนี้ ยังมีอีกหลายตลาดที่ไม่ควรมองข้าม หนึ่งในนั้น คือ ตลาดกลุ่ม LGBT (Lesbian Gay Bisexual Transgender) หรือกลุ่มคนรักเพศเดียวกัน เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีรายได้สูง มีพฤติกรรมจับจ่ายใช้สอยเยอะ และเป็นกลุ่มที่นับวันจะเติบใหญ่และได้รับการยอมรับมากขึ้น

จะขายได้มาก ขายได้น้อยไม่เป็นไร ที่สำคัญ คือ ควรเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้ วันข้างหน้ารายได้จะเป็นกอบเป็นกำตามมา

สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน