สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

New S-Curve คือทางรอดของธุรกิจ

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ โดย วีรพงษ์ ธัม www.facebook.com/100Li

ถ้าถามว่าบริษัทที่มี Innovation สูงในสินค้าอิเล็กทรอนิกส์ในยุค 100 ปีที่แล้วคืออะไร ? คงไม่มีใครนึกถึงบริษัทที่ชื่อว่า Zenith Radio Corporation บริษัทแห่งนี้ก่อตั้งปี 1918 และให้กำเนิดวิทยุแบบพกพาเครื่องแรกของโลก ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูงเกือบครึ่งศตวรรษก่อนที่เราจะรู้จัก Sony Walkman หรือ iPod หลังจากนั้น บริษัทก็สามารถย้ายจุดโฟกัสและผลิตทีวีได้สำเร็จใน 2 ทศวรรษถัดมา บริษัทคิดค้นสิ่งที่สุดยอดที่สุดในยุคนั้น คือ "รีโมตทีวี" และเริ่มผลิตทีวีสีในปี 1975 จนครองส่วนแบ่งตลาดทีวีสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา

แต่ในยุค 1970 นี่เองที่ "ลมเริ่มเปลี่ยนทิศ" ทีวีจากประเทศญี่ปุ่นเริ่มเข้ามาตีตลาดด้วยราคาที่ถูกกว่า ทำให้ผู้ผลิตทีวีของอเมริการวมถึง Zenith เสียส่วนแบ่งไปอย่างรวดเร็ว บริษัทญี่ปุ่นได้ส่วนแบ่งถึง 45% ในปลายยุค 1970ซึ่งเติบโตหลายเท่าตัวในช่วงเวลาไม่กี่ปี บริษัท Zenith จึงหาทางออกโดยเริ่มเข้าสู่ธุรกิจ Personal Computer (PC) ในขณะเดียวกัน ธุรกิจทีวีก็เริ่มหาทางออกใหม่ คือ "HDTV" หรือทีวีความละเอียดสูงเหมือนที่เราใช้ในปัจจุบัน

การเข้าสู่ HDTV เหมือนว่าเร็วเกินไปสำหรับผู้บริโภค เพราะสื่อต่าง ๆ ในยุคนั้นยังไม่รองรับ และเทคโนโลยีมีราคาแพงมาก ที่แย่ไปกว่านั้นกว่าจะรอให้ผู้บริโภคพร้อม ฐานะการเงินของบริษัทก็เริ่มยากลำบาก และในที่สุดคู่ค้าจากเกาหลีที่ชื่อ LG Electrics ก็เริ่มเข้าซื้อหุ้น Zenith ทีละน้อยเพื่อครอบครองเทคโนโลยี HDTV

ในปี 1999 บริษัท Zenith เข้าสู่กระบวนการล้มละลาย และ LG ก็ควบรวมเอาหุ้นที่เหลือ และ Zenith ก็เข้าเป็นบริษัทลูก LG ตั้งแต่นั้นมา

บริษัท Zenith เป็นตัวอย่างหนึ่งของหลายตัวอย่างบริษัทในโลกใบนี้ เช่น Kodak ในธุรกิจกล้องดิจิตอล APPLE ในยุคที่ผลิต Newton และแพ้ Palm inc. แต่ในที่สุดก็กลับมาชนะด้วย iPhone และ iPad หรือแม้กระทั่งรัฐชาติ เช่น ไต้หวัน สิงคโปร์ ญี่ปุ่น สวีเดน นอร์เวย์ เยอรมนี รวมถึงสหรัฐอเมริกา ที่ผ่านช่วงเวลาที่รุ่งเรืองและชะลอตัวจนหาความรุ่งเรืองใหม่ได้ ซึ่งในทางทฤษฎีเรียกว่า "New S-Curve" ธุรกิจหรือรัฐไหนที่ไม่มี S-Curve ใหม่ หรือมี "ช้าเกินไป" ย่อมเกิดปัญหาในการเติบโต เพราะบริษัทหรือรัฐที่จะยิ่งใหญ่ในระยะยาว "ชนะครั้งเดียว" นั้น "ไม่เพียงพอ"

ช่วงที่ผ่านมาบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ไทย เช่น ค้าปลีก ก็มีการขยายไป "ต่างประเทศ" เพราะต้องการ S-Curve ใหม่ แม้ว่าจะขาดทุนช่วงแรกเพราะบริษัททราบดีว่า ถ้าเราต่อ S-Curve ช้าเกินไปย่อมเกิดปัญหาในการเติบโตและความอยู่รอดในระยะยาว

ในทางกลับกันบริษัทค้าปลีกต่างชาติหลายแห่งในประเทศเพื่อนบ้าน อย่างเวียดนามก็ม้วนเสื่อกลับบ้านเพราะ "ตลาดยังไม่พร้อม" ที่จะรับ S-Curve ใหม่ คล้ายกับกรณี HDTV ของ Zenith หรือกรณีล่าสุดธุรกิจสื่อสารบ้านเราที่มีผู้เล่นรายใหม่พยายามเข้ามาต่อ S-Curve ของตัวเอง ความพยายามเหล่านี้ย่อมเกิดโอกาสและความเสี่ยงมหาศาลในธุรกิจ

การวิเคราะห์ว่าบริษัทจะสามารถ "กระโดด" ไปสู่ S-Curve ใหม่ได้หรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อันแรกที่สำคัญคือขนาดธุรกิจใน S-Curve ใหม่จะต้อง "ใหญ่" และมี "โอกาส" เพียงพอตัวอย่างหนึ่งคือ Novo Nordisk ที่กระโดดสู่ S-Curve ใหม่โดยทำยารักษาโรคเบาหวาน ซึ่งบริษัทมองว่าชีวิตความเป็นอยู่ของคนในปัจจุบันมีแนวโน้มเป็นเบาหวานสูงขึ้นเรื่อย ๆ

ปัจจัยที่ 2 คือ "ความสามารถของบริษัท" จะต้องสูงกว่าและสามารถส่งมอบ "คุณค่า" ได้อย่างชัดเจน แต่บริษัทไม่จำเป็นต้องทำทุกเรื่องให้ดีกว่า แค่ "บางเรื่อง" ที่มีความสำคัญสูง บริษัทก็สามารถชนะได้ ตัวอย่างเช่น Wal-Mart สามารถส่งมอบสินค้า "ราคาถูก" กว่าคู่แข่ง ผู้บริโภคไม่ได้สนใจความสวยงามของห้างหรือความหรูของห้องน้ำ หรือบริการของพนักงานขาย เป็นต้น

ปัจจัยที่ 3 ที่ผมคิดว่าสำคัญที่สุดคือ บริษัทจะต้องมี "Talent" หรือบุคคลที่มีความสามารถสูง มีผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์แรงบันดาลใจ มีแรงขับเคลื่อน มีพนักงานขายที่สู้ยิบตา มีวิศวกรที่มีความคิดสร้างสรรค์ มีวัฒนธรรมองค์กรที่แข็งแรง เพื่อที่จะขับเคลื่อนบริษัทไปได้ บริษัทที่มี S-Curve ใหม่ ๆ ด้ตลอดเวลาจึงเป็นบริษัทที่มีความสามารถในการ "ดึงตัวคนเก่ง" เข้ามาและ "รักษาคนเก่ง" ได้ตลอดเวลา บริษัทเหล่านั้นจะมีพนักงานที่มีความพึงพอใจในบริษัทสูง


ทุก ๆ New S-Curve จะมี "ระเบิดเวลา"ของ S-Curve เก่าเสมอ ๆ บริษัทที่เกาะ S-Curve เก่าไปเรื่อย ๆ โดยไม่สามารถสร้าง S-Curve ใหม่ได้ก็จะยากลำบาก ในแง่กลยุทธ์บริษัทจะต้องหา "แกนกลางธุรกิจ" หรือความสามารถเฉพาะของตัวเองให้ได้ว่าคืออะไร พร้อม ๆ ไปกับการหา "ความต้องการ" ของตลาดเร็วกว่า ดีกว่าคนอื่น ผมคิดว่าบริษัทในประเทศไทยหลายบริษัทกำลังหา New S-Curve หรือกำลังสร้างมันอยู่ รวมไปถึง "ประเทศไทย" เองก็กำลังสร้าง New S-Curve ไปพร้อม ๆ กัน ซึ่งถ้าบริษัทเหล่านี้ทำสำเร็จ นี่ไม่เป็นเพียงทางรอดของธุรกิจ แต่นี่กำลังเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้กับประเทศไทย


สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : New S-Curve ทางรอดของธุรกิจ

view