สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

เที่ยวไทยฉลุยกว่าที่คิด

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...ทีมข่าวโพสต์ทูเดย์

เมื่อภาคบริการท่องเที่ยวกลายเป็นตัวจักรเดียวที่ยังช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจ หลังจากส่งออกยังซึม การใช้จ่ายภาครัฐยังไม่ได้ดั่งใจ ดังนั้นมาตรการกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยว ทั้งจากต่างประเทศมาไทยและคนไทยเที่ยวไทย จึงออกมาคึกคัก

เช่น การขยายนำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวไปหักภาษีได้ 1.5 หมื่นบาท ไปอีก 1 ปี นำค่าใช้จ่ายช่วงสงกรานต์ (วันที่ 9-17 เม.ย.นี้ คือ 1.ค่าอาหาร และเครื่องดื่ม แต่ไม่รวมสุรา เบียร์ ไวน์ 2.ค่าบริการที่จ่ายให้ธุรกิจนำเที่ยวในประเทศ หรือ 3.ค่าที่พักโรงแรม) ไปหักลดหย่อนได้ 1.5 หมื่นบาท หรือการแนะนำแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ผ่านซองสินค้า เพื่อเพิ่มทางเลือกให้อีกมากมาย

ด้วยปัจจัยเร่งเร้าต่างๆ ประชาชนทั่วไปควรเที่ยวไทยอย่างไรถึงจะคุ้ม

ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เล่าถึงแผนช่วงครึ่งปีหลังว่า เดือน พ.ค.นี้ ททท.เตรียมเปิดตัวโครงการรวมใจเที่ยวไทย เศรษฐกิจไทยยั่งยืน กระตุ้นการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ ภายใต้การสร้างกระแสท่องเที่ยวในแต่ละเดือนให้สอดคล้องในแต่ละเทศกาล เริ่มจากเดือน พ.ค. ภายใต้ธีม เที่ยวกันก่อนเปิดเทอม เจาะกลุ่มครอบครัว วัยรุ่น เดือน มิ.ย. เที่ยวชวนชิมอาหารถิ่นทั่วไทย เน้นนำเสนออาหารดีประจำท้องถิ่น เดือน ก.ค. เที่ยวตามรอยบุญ นำเสนอเทศกาลเข้าพรรษา เดือน ส.ค. สิงหาพาแม่เที่ยว เดือนของผู้หญิง (Lady Month) ให้สิทธิพิเศษกับนักท่องเที่ยวกลุ่มสตรี และเดือน ก.ย. เที่ยวไทยก่อนเกษียณ โดยแต่ละเดือนได้เพิ่มกิมมิกหรือ ลูกเล่นกิจกรรมหลากหลายเพิ่ม เพื่อเจาะนักท่องเที่ยวทุกกลุ่มให้วางแผนเดินทางเที่ยวในประเทศ

ขณะที่แต่ละเดือนจะจัดกิจกรรมเพิ่มเติมขึ้นมา เช่น วันที่ 1 มิ.ย. โครงการไทยแลนด์ เซลฟี่ เดย์ ให้นักท่องเที่ยวถ่ายภาพเซลฟี่ในการเดินทางวันนั้นเพียงวันเดียว ร่วมชิงโชคแพ็กเกจท่องเที่ยว สินค้าและบริการ รูปแบบ เดอะ เบส ออฟ ไทยแลนด์ โดยการเลือกสินค้าหรือบริการที่ได้รับยกย่องว่าดีในโลกที่อยู่ในไทย เช่น สปา โรงแรมดาราเทวี จ.เชียงใหม่ ห้องพักราคาแพง

รวมถึงนักท่องเที่ยวคนไทยสามารถถ่ายรูปพร้อมใบเสร็จโรงแรมที่พักที่ถูกต้องตามกฎหมาย ร่วมลุ้นเงินทุนเพื่อการท่องเที่ยวเดือนละ 1 ล้านบาท และโชคชั้นที่ 2 ชิงรางวัลรถยนต์วีออสเดือนละ 1 คัน ตั้งแต่เดือน พ.ค.-ก.ย.ที่จะถึงนี้

“ต้องยอมรับว่าภาพรวมการเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศยังไม่คึกคักมากนัก เมื่อเทียบกับตลาดต่างประเทศที่มีกระแสการเดินทางเติบโตทุกตลาด โดยมองว่าคนไทยยังกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างช้าๆ ปัญหาภัยแล้ง รวมถึงวันหยุดยาวในหลายเทศกาล ทำให้นักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อบางส่วนวางแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ”ยุทธศักดิ์ กล่าว 

นอกจากนี้ ททท.จะสร้างกระแสปลุกจิตสำนึกให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศผ่านแคมเปญฝากหนังสือเดินทาง (พาสปอร์ต) ไว้กับ ททท. เพื่อแสดงออกถึงการตั้งปณิธานไม่เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ พร้อมวางแผนท่องเที่ยวในประเทศ ช่วยสร้างรายได้หมุนเวียนให้กับระบบเศรษฐกิจไทย โดยกิจกรรมแต่ละเดือน ททท.เตรียมใช้ดารานักแสดงร่วมเป็นพรีเซนเตอร์เจาะกลุ่มการเดินทางในแต่ละเป้าหมาย เช่น สิงหาพาแม่เที่ยว เตรียมใช้แม่ลูกขวัญใจชาวไทย โบว์ แวนด้า และน้องมะลิ พาขวัญ สหวงษ์ ร่วมรณรงค์ให้คนไทยเดินทางท่องเที่ยว

การส่งเสริมตลาดอย่างจริงจังในครั้งนี้ เพื่อผลักดันให้รายได้ทางการท่องเที่ยวตลาดในประเทศเป็นไปตามเป้าหมาย 8.5-9 แสนล้านบาท คนไทยเดินทาง 140 ล้านคน/ครั้ง ส่วนเทศกาลสงกรานต์ซึ่ง ททท.เตรียมจัดงานใหญ่ใน 13 พื้นที่ ภายใต้ชื่อ เทศกาลเย็นทั่วหล้า มหาสงกรานต์ เช่น กรุงเทพฯ ภูเก็ต สุโขทัย เชียงใหม่ เป็นต้น แต่ละพื้นที่เตรียมนำเสนอศิลปวัฒนธรรมของดีของเด่นของจังหวัดตัวเอง ซึ่งคาดว่าตลอดเทศกาลสงกรานต์ตั้งแต่ วันที่ 13-17 เม.ย.นี้ จะมีนักท่องเที่ยวคนไทยเดินทาง 2.14 ล้านคน/ครั้ง เพิ่มขึ้น 2% สร้างรายได้สะพัด 6,980 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ต้องยอมรับว่า คนไทยหลายคนเมื่อเห็นราคาห้องพักในไทยแล้ว บางครั้งมองว่าแพงจนทำให้ตัดสินใจไปเที่ยวต่างประเทศแทน แต่หากได้ดูราคาห้องพักเปรียบเทียบกับต่างประเทศแล้ว จะรู้ว่าหากเป็นโรงแรมในมาตรฐานที่เท่ากัน โรงแรมไทยถูกกว่าต่างประเทศมาก

ฮอร์วาร์ท สถาบันให้คำปรึกษาด้านโรงแรม ท่องเที่ยว และการพักผ่อนหย่อนใจ ได้สำรวจราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (เอดีอาร์) ของจุดหมายท่องเที่ยวในเอเชียปีที่ผ่านมา ซึ่งหากนำจุดหมายหลักๆ ในเอเชียมาเทียบกัน ราคาห้องพักในไทยค่าพักแค่ 50% ของสิงคโปร์ ฮ่องกง และไทเป (ไต้หวัน) ยังต่ำกว่าโซล (เกาหลีใต้) โตเกียว (ญี่ปุ่น) มะนิลา (ฟิลิปปินส์) บาหลี (อินโดนีเซีย) โฮจิมินห์ (เวียดนาม) แต่สูงกว่ากัวลาลัมเปอร์ (มาเลเซีย) ปักกิ่ง (จีน) จาการ์ตา (อินโดนีเซีย) เล็กน้อย และเมื่อมีมาตรการรัฐเสริม ยิ่งทำให้เที่ยวไทยคุ้มค่าขึ้นไปอีก

ศึกษิต สุวรรณดิษฐกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดีวาน่า กรุ๊ป ผู้ดำเนินธุรกิจโรงแรมดีวาน่า และรีเซนต้า ในภูเก็ตและกระบี่ กล่าวว่า การที่รัฐและเอกชนผนึกกำลังออกมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวเป็นสิ่งที่ดี โดยเฉพาะการต่ออายุมาตรการนำค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวหักลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 1.5 หมื่นบาท ไปอีก 1 ปี คาดจะช่วยเพิ่มความต้องการท่องเที่ยวใหม่ เช่น เดิมวางแผนเที่ยวต่างประเทศ ก็คงยังไป แต่จะเพิ่มแผนเที่ยวในประเทศด้วย หรือเดิมไม่มีแผนไปเที่ยวก็จะมีแรงจูงใจเที่ยว หรือมีแผนเที่ยวในประเทศอยู่แล้วก็จะเพิ่มจำนวนครั้งในการเที่ยว

“ช่วงสงกรานต์ปกติห้องพักจะเต็ม แต่ต้องรอเวลาคนจองช่วงใกล้ๆ ซึ่งการออกมาตรการของรัฐมาน่าจะช่วยให้คนไทยตัดสินใจจองห้องพักช่วงสงกรานต์เร็วขึ้น ประกอบกับวันที่ 14-17 เม.ย. มีงานไทยแลนด์ บอลลูน มิวสิค เฟสติวัล ที่ภูเก็ต พาราไดซ์ พาร์ค ก็เป็นอีกแรงจูงใจให้คนเลือกจองมาเที่ยวพื้นที่นี้ รวมทั้งมาตรการเดือน พ.ค.-ต.ค. ที่เป็นช่วงโลว์ซีซั่น ซึ่งมีการกระตุ้นให้ท่องเที่ยวมากขึ้นด้วย อย่างไรก็ตามอยากให้รัฐเพิ่มวงเงินหักลดหย่อนภาษีสำหรับค่าใช้จ่ายท่องเที่ยวได้มากกว่านี้ เพราะจะส่งผลดีมากขึ้นไปอีก ทำให้คนเพิ่มวันพัก หรือเพิ่มจำนวนครั้งท่องเที่ยวได้” ศึกษิต กล่าว

ทั้งนี้ หากคนไทยเที่ยวไทย จะมีค่าใช้จ่ายคุ้มค่ากว่าไปต่างประเทศ เพราะต้นทุนเดินทางต่ำกว่า ไม่จำเป็นต้องวางแผนล่วงหน้านานเหมือนไปเที่ยวต่างประเทศ จองล่วงหน้า 1-2 วัน หรือในวันที่เดินทางเที่ยวก็ได้ โดยเฉพาะช่วงโลว์ซีซั่น ซึ่งที่พักหาไม่ยาก ไม่ต้องใช้เวลาจองนาน และราคาก็ไม่แพง เพราะในไทยการแข่งขันของโรงแรมสูง ผู้ประกอบการปรับคุณภาพเพิ่ม เพื่อให้รู้สึกคุ้มค่ายิ่งขึ้น

ปิยะมาน เตชะไพบูลย์ กรรมการผู้จัดการ เดอะรีเจ้นท์ ชะอำ บีช รีสอร์ท กล่าวว่า เป็นสัญญาณที่ดีที่เห็นเอกชนเข้ามาร่วมกับรัฐกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างเป็นรูปธรรม เชื่อว่าการนำภาพแหล่งท่องเที่ยวเสนอบนบรรจุภัณฑ์ของเครือสหพัฒน์ จะช่วยสร้างการรับรู้แหล่งท่องเที่ยวได้ดีขึ้น ส่วนการต่ออายุมาตรการให้นำค่าห้องพักมาลดหย่อนภาษี เชื่อว่าจะทำให้คนที่ไม่คิดจะเที่ยวช่วงสงกรานต์นี้ จะเกิดความต้องการเที่ยว กระตุ้นได้ลักษณะเดียวกับนำค่าช็อปปิ้งลดหย่อนภาษีช่วงปลายปี เพียงแต่อาจไม่ได้มากเท่า เพราะกำลังซื้อในประเทศเงียบมาก

ขณะเดียวกัน อยากให้รัฐให้ความสำคัญประชาสัมพันธ์เรื่องมาตรการลดหย่อนภาษีด้านท่องเที่ยวให้ประชาชนรับรู้ทั่วถึงขึ้น จะได้ไม่ลืมเรียกใบเสร็จจากที่พัก รวมทั้งเลือกที่พักที่ถูกกฎหมายก่อน

ปิยะมาน กล่าวว่า หากเทียบโรงแรมมาตรฐานเดียวกันระหว่างไทยกับหลายประเทศ ราคาห้องพักในไทยคุ้มค่ากว่าแน่นอน เช่น แม้ต้นทุนไปเที่ยวภูเก็ตจะแพงกว่าฮ่องกง แต่หมายความว่าระดับโรงแรมที่ได้พักก็ต่างกัน เช่น ราคาค่าที่พักเดียวกัน ที่ภูเก็ตได้พักโรงแรม 5 ดาว แต่ฮ่องกงได้พักโรงแรม 3 ดาว

ดังนั้น เมื่อเทียบภาพรวมทั้งหมด มาตรการลด-แลก-แจก-แถม-ชิงโชค-หักภาษี จึงทำให้เที่ยวไทยปีนี้คุ้มค่า และที่สำคัญยังเพิ่มค่าให้กับเศรษฐกิจของประเทศ ถือเป็นการเที่ยวช่วยชาติ!!!

แหล่งท่องเที่ยวใหม่ ไปเช็กอินก่อนใครสงกรานต์นี้

เที่ยวเมืองไทยไม่ไปไม่รู้ ต้องรีบไปตื่นตาตื่นใจกับแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่ๆ เช็กอิน โพสต์ลงโซเชียลเน็ตเวิร์กทั้งหลายก่อนใครๆ

บึงน้ำสีฟ้า แกรนด์แคนยอน อุบลฯ

ฮือฮากันใหญ่โตกับ “แกรนด์แคนยอนเมืองไทย” แห่งใหม่ล่าสุดที่ บึงแสนโคตร บ้านหนองไหล ต.หนองขอน อ.เมืองอุบลราชธานี จ.อุบลราชธานี แท้จริงเป็นหนองน้ำสาธารณะประจำตำบล ขนาดกว้างประมาณ 700 ไร่ ที่มีการขุดดินเพื่อทำบ่อกักเก็บน้ำในการอุปโภคบริโภคของชาวบ้าน ทำให้เกิดเป็นคันดินและบ่อน้ำจำนวนมาก ส่วนน้ำสีฟ้าเป็นเรื่องธรรมชาติอันเกิดจากน้ำบาดาลที่ซึมขึ้นมาตลอดปี ทั้งนี้นักท่องเที่ยวสามารถเดินถ่ายภาพบนคันดิน แต่ไม่อนุญาตให้ลงเล่นน้ำ เนื่องจากระดับน้ำลึกและจะทำให้น้ำขุ่นไม่สวยงาม

จากกระแสในโลกออนไลน์ทำให้มีนักท่องเที่ยวไปเยี่ยมชมอย่างรวดเร็ว ทำให้ทางองค์การบริหารส่วนตำบลหนองขอนเร่งพัฒนาพื้นที่บริเวณทางเข้าให้เป็นที่จอดรถเพื่อรองรับนักท่องเที่ยวช่วงสงกรานต์ จากปกติที่มีมากถึงวันละประมาณ 3,000-4,000 คน โดยช่วง 4 โมงเย็นเป็นต้นไปจะมีนักท่องเที่ยวมาก เพราะอากาศไม่ร้อนจัดและบรรยากาศช่วงพระอาทิตย์กำลังตกดินสวยที่สุด ในประเทศไทยมีแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับสมญานามว่าแกรนด์แคนยอนอีกที่ อ.หางดง จ.เชียงใหม่ และระนองแคนยอน อ.เมือง จ.ระนอง

6 สันหลังมังกร เมืองตรัง

ปรากฏการณ์ธรรมชาติน้ำขึ้น-น้ำลงสรรค์สร้างสันทรายกลางทะเลที่มนุษย์เรียกว่า สันหลังมังกร ล่าสุด จ.ตรัง ได้ประกาศเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวอันซีนแห่งใหม่เป็นสันหลังมังกร 6 ตัว 6 สี ได้แก่ สันหลังมังกรเหลือง หมู่ 2 บ้านหยงสตาร์ ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียน สันหลังมังกรเกล็ดทองคำ หมู่ 4 บ้านทุ่งรวงทอง ต.ท่าข้าม อ.ปะเหลียน สันหลังมังกรนิล หมู่ 4 บ้านตะเสะ ต.ตะเสะ อ.หาดสำราญ สันหลังมังกรหยก หมู่ 1 บ้านเสียมไหม ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน สันหลังมังกรทับทิมสยาม หมู่ 4 บ้านหาดทรายทอง ต.เกาะสุกร อ.ปะเหลียน และตัวสุดท้าย สันหลังมังกรเผือก หมู่ 3 บ้านมดตะนอย ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ทั้งนี้สีที่แตกต่างกันเป็นสีสันของหาดทราย เศษปะการัง เปลือกหอยที่ทับถมกันตามธรรมชาติทำให้แต่ละตัวมีเอกลักษณ์ต่างกัน

อย่างไรก็ตาม ก่อนที่จะขนานนามว่าสันหลังมังกร สันทรายนั้นต้องมีความยาวไม่ต่ำกว่า 1 กม. เป็นสันทรายกลางทะเลที่ถูกคลื่นซัดเข้าทั้งสองฝั่ง และต้องมีเกาะอยู่ด้านในด้านหนึ่งเปรียบเป็นหัวมังกรเพื่อประกอบเป็นมังกรทั้งตัว ซึ่งจะแตกต่างกับทะเลแหวกที่มีความยาวสั้นกว่าและไม่มีส่วนหัว นักท่องเที่ยวสามารถโดยสารเรือไปเก็บภาพได้ในช่วงพระจันทร์เต็มดวง ก่อนและหลัง 3 วันทั้งข้างขึ้นและข้างแรม

ย้อนอดีตสมัย ร.5 เมืองมัลลิกา รศ. 124

กาญจนบุรีเตรียมเปิดตัวแหล่งท่องเที่ยวใหม่ เมืองมัลลิกา โครงการใหญ่ยักษ์บนพื้นที่ 60 ไร่ ที่ได้สร้างเมืองจำลองสมัย ร.ศ. 124 สมัยที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงเลิกทาสได้สำเร็จ ทั้งด้านสถาปัตยกรรม อาหาร ศิลปะ วัฒนธรรม การละเล่น โดยเรือนไทยทุกหลังออกแบบโดยอาจารย์มหาวิทยาลัยศิลปากร และทีมงานทั้งหมดกว่า 400 คน จะแต่งกายแบบโบราณและดำรงชีวิตเสมือนจริงในยุคที่ผู้คนเริ่มมีความสุข และเริ่มมีวัฒนธรรมของชาวต่างชาติหลั่งไหลเข้ามา เพื่อนักท่องเที่ยวจะได้เห็นภาพในอดีตโดยไม่ต้องจินตนาการอีกต่อไป

เมืองมัลลิกาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมจะเปิดให้บริการวันที่ 15 มิ.ย. 2559 ซึ่งคาดว่าจะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ปีละ 2 ล้านคน ตั้งอยู่บริเวณริมทางหลวงหมายเลข 323 (แสงชูโต) ระหว่างหลักกิโลเมตรที่ 32-33 ห่างจากตัวเมือง 33 กม. ต.สิงห์ อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ติดต่อ 09-4992-1115

บุรีรัมย์ คาสเซิล แลนด์มาร์คใหม่อีสานล่าง

คอมมูนิตี้มอลล์แห่งใหม่ของคนบุรีรัมย์ บุรีรัมย์ คาสเซิล ตั้งอยู่ระหว่างสนามฟุตบอลไอ-โมบาย
สเตเดี้ยม และสนามแข่งรถ ช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นโครงการที่ออกแบบโดยอิงรูปแบบจากชุมชนรอบปราสาทหินในอดีต ประกอบด้วย ปราสาทสายฟ้า ที่ได้ก่อสร้างตามรูปแบบของปราสาทขอมในอดีต โดยช่างฝีมือแกะสลักหินทุกก้อนและจัดเรียงตามหลักการสร้างปราสาทโบราณ อีกทั้งยังได้คำนวณวันที่พระอาทิตย์ตกผ่านช่องประตูเช่นเดียวกับปราสาทหินพนมรุ้ง

คอมมูนิตี้มอลล์ บุรีรัมย์ คาสเซิล ศูนย์รวมร้านอาหาร ร้านขายสินค้า ร้านขายของที่ระลึกบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เมกาสโตร์ บนพื้นที่รวมกว่า 3.5 หมื่นตารางเมตร (ตร.ม.) และสวนศิวะ 12 สวนสาธารณะขนาดใหญ่พร้อมเส้นทางวิ่งออกกำลังกาย รายรอบด้วยแผ่นศิลาหินทรายกามาสูตรซึ่งเปรียบเป็นจุดกำเนิดแห่งจักรวาล อีกทั้งยังเป็นที่ตั้งของมหาศิวลึงค์ทำจากหินทราย สูงกว่า 9 ม. ซึ่งใหญ่ที่สุดในโลก บุรีรัมย์ คาสเซิล จึงกลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของบุรีรัมย์และยังเป็นเหล่งแฮงเอาต์ของแฟนฟุตบอลทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด GU12 โดยทุกร้านจะให้ส่วนลดพิเศษแค่ใส่เสื้อที่มีโลโก้สโมสร

โลมาเริงร่า ดอลฟินส์ เบย์ ภูเก็ต

สุดยอดโชว์โลมาในอาเซียนอยู่ที่ ดอลฟินส์ เบย์ ภูเก็ต (Dolphins Bay Phuket) ด้วยการแสดงที่มีความแตกต่าง ไม่ซ้ำกันในทุกวัน การแสดงแบบโชว์ผาดโผนของโลมากับครูฝึก และลูกเล่นในแต่ละรอบที่ทำให้ผู้ชมได้ยิ้มตามตลอดเวลา ประกอบด้วยโลมา 5 ตัว แมวน้ำ 2 ตัว ครูฝึกโลมา 3 คน ซึ่งทั้งโลมาและคณะมาจากยูเครนทั้งหมด แต่ละรอบใช้เวลาประมาณ 45 นาที โดยระหว่างการแสดงจะมีการอธิบายเรื่องราวของโลมาเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้คนร่วมกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมทางทะเล

เปิดการแสดงวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00 น. 14.00 น. และ 17.00 น. ราคาบัตรเข้าชม 1,200 บาท สำหรับผู้ใหญ่ และ 700 บาท สำหรับเด็กอายุ 4-12 ปี นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมว่ายน้ำกับโลมา และในช่วงสงกรานต์นี้จะมีกิจกรรมประเพณีไทยให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประเพณีที่ดีงามร่วมกับการแสดงโลมาด้วย ทั้งนี้ ดอลฟินส์ เบย์ ภูเก็ต ได้ทำการขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถูกต้องตามกฎหมาย และมีการดูแลโลมาตามมาตรฐานของกรมประมง ตั้งอยู่ที่ซอยป่าหล่าย ต.ฉลอง อ.เมือง จ.ภูเก็ต โทร. 076-374-300 เว็บไซต์ : www.dolphinsbay-phuket.com

สกายวอล์กชมเกล็ดพญานาค หนองคาย

ไม่น่าเชื่อว่าอำเภอเล็กๆ อย่าง อ.สังคม จ.หนองคาย จะมีแหล่งท่องเที่ยวสุดเจ๋งอย่างสกายวอล์กหรือทางเดินกระจกใสแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ที่วัดผาตากเสื้อ อ.สังคม จ.หนองคาย บริเวณดังกล่าวเป็นจุดชมทิวทัศน์แม่น้ำโขงมาก่อนแล้ว สามารถมองเห็นบ้านเมืองสองฝั่งไทย-ลาว เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก และช่วงหน้าแล้งจะเห็นรอยทรายที่มีลวดลายคล้ายเกล็ดพญานาคซึ่งถือเป็นอันซีนของหนองคาย

รูปแบบของสกายวอล์กเป็นลักษณะเกือกม้า ระยะทางเดิน 16 ม. ยื่นออกจากหน้าผา 6 ม. พื้นและราวกั้นเป็นกระจกแทมเปอร์ลามิเนตไรท์โหลด หนา 4 ซม. รองรับน้ำหนัก 500 กก./1 ตร.ม. โดยจะจัดระบบให้เข้าชมครั้งละ 2 คน ทั้งนี้ทางเดินดังกล่าวเป็นโครงการพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวของ จ.หนองคาย ใช้งบประมาณกลุ่มพัฒนาจังหวัด 17 ล้านบาท หวังสร้างเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่และแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญแห่งหนึ่งของหนองคาย


สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : เที่ยวไทย ฉลุยกว่าที่คิด

view