สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ระวังแชร์แม่ต่าง ๆ จะมาอีก

จากประชาชาติธุรกิจ

คนเดินตรอก ดร. วีรพงษ์ รามางกูร

ข่าวเศรษฐกิจในระยะนี้ แม้ว่าจะเป็นข่าวเงียบ ๆ แต่มีความสำคัญก็คือ ข่าวการลดลงของดอกเบี้ยเงินกู้ที่ธนาคารพาณิชย์ทยอยประกาศลดลง โดยที่ธนาคารกลางยังคงยืนอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นหรืออัตราดอกเบี้ยข้ามคืนไว้ ที่อัตราร้อยละ 1.50 ต่อปี ซึ่งอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ของธนาคารพาณิชย์ยังมีแนวโน้มว่าจะลดลงไปอีก สถานการณ์เช่นนี้เป็นอาการของภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ กล่าวคือ ภาวะเงินเฟ้อไม่มี ดัชนีราคาสินค้าผู้บริโภคลดลงหรือไม่เพิ่มเลย อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับต่ำประมาณ 2-3 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าการส่งออกและนำเข้าสินค้าและบริการลดลงแทนที่จะเพิ่มขึ้น สินค้าคงคลังเพิ่มขึ้น การลงทุนที่เป็นการลงทุนเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตไม่มี เพราะการผลิตอยู่ในระดับต่ำกว่ากำลังการผลิตหรืออยู่ในระดับต่ำกว่าอัตราการ ทำงานอย่างเต็มที่ กล่าวคือ การใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 50-60 เปอร์เซ็นต์ของกำลังการผลิต แทนที่จะเป็นร้อยละ 70 ขึ้นไป การบริโภคของครัวเรือนขยายตัวน้อยหรือไม่ขยายตัวเลย

ในขณะที่ภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง ไม่ว่าจะเป็นปริมาณการค้าระหว่างประเทศ การส่งออกการนำเข้าลดลง การลงทุนของภาคเอกชนไม่มี การบริโภคของครัวเรือนถดถอย เหลือเพียงรายจ่ายของนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งจีนจากผืนแผ่นดินใหญ่ที่ยังช่วยประคับประคองเศรษฐกิจของเราเอาไว้


ภาคเศรษฐกิจการเงินก็มีอาการสอดคล้องกันกล่าวคือเกิดอาการอัตราเงินออมของครัวเรือนมีอัตราสูงกว่าอัตราการลงทุนของภาคเอกชน ที่อัตราการออมของครัวเรือนมีอัตราสูงก็เพราะประชาชนโดยทั่วไปไม่มีความมั่นใจในอนาคตการงาน รวมทั้งผลตอบแทนต่อการลงทุน ครัวเรือนลดการบริโภคลงเมื่อเทียบกับรายได้ของครัวเรือน การออมของครัวเรือนจึงสูงขึ้นในขณะที่การลงทุนของเอกชนลดลง เงินออมจึงไหลเข้าสู่สถาบันการเงิน เช่น ธนาคารพาณิชย์มากขึ้น ธนาคารพาณิชย์ก็ไม่สามารถปล่อยสินเชื่อได้เพราะธุรกิจภาคเอกชนอ่อนแอลง สภาพคล่องส่วนเกินจึงมีมากขึ้น สภาพคล่องส่วนเกินปกติก็ไหลไปฝากที่ธนาคารกลาง โดยธนาคารจะกำหนดอัตราดอกเบี้ยเพื่อให้อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินเคลื่อนไหวตามอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น หรืออัตราดอกเบี้ยข้ามคืนของธนาคารกลาง ซึ่งขณะนี้ธนาคารแห่งประเทศไทยกำหนดไว้ที่อัตราร้อยละ 1.5 ต่อปี เมื่ออัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลดลง ก็เป็นแรงกดดันในอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ ซึ่งมีสัดส่วนมากที่สุดของธนาคารพาณิชย์ลดลง ผู้ออมจึงพยายามหาทางเลือกในการลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่สูงกว่า แม้ความเสี่ยงจะสูงมากกว่าก็ตาม ทางเลือกของผู้ออม นอกจากเงินฝากประจำที่ธนาคารพาณิชย์แล้ว ก็อาจจะลงทุนซื้อพันธบัตรรัฐบาล หรือซื้อหุ้นกู้ของบริษัทเอกชน ซึ่งมีลักษณะคล้าย ๆ กับพันธบัตรรัฐบาล แต่มีความเสี่ยงมากกว่า พันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรที่รัฐบาลค้ำประกัน แต่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า

ในยามที่อัตราการออมสูงกว่าอัตราการลงทุน เมื่อเทียบกับรายได้ประชาชาติ อัตราดอกเบี้ยเงินฝากมีอัตราต่ำ ผู้ออมหรือกองทุนที่บริหารเงินออมต่าง ๆ ก็จะหันมาซื้อพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนมากขึ้น เมื่อความต้องการซื้อพันธบัตรรัฐบาลที่มีอยู่ในตลาดมีมากขึ้น ราคาของพันธบัตรรัฐบาลก็จะมีราคาแพงขึ้น และเนื่องจากอัตราดอกเบี้ยของพันธบัตรกำหนดไว้ตายตัวตั้งแต่วันที่นำออกขายในตลาด ผลตอบแทนของพันธบัตรจึงมีอัตราลดลง ขณะนี้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลหรือที่รัฐบาลค้ำประกันมีอัตราเพียง 1.44 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ส่วนพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุ 10 ปีขึ้นไป ไม่ค่อยมีขายในตลาด ส่วนหุ้นกู้ของบริษัทเอกชนมีผลตอบแทนเพียง 1.8 ถึง 2.0 เปอร์เซ็นต์ สำหรับหุ้นกู้อายุ 3-5 ปี

การที่อัตราดอกเบี้ยในตลาดการเงินลดลงแสดงให้เห็นว่า ความต้องการเงินมีระดับต่ำกว่าการเพิ่มขึ้นของปริมาณเงินในระบบที่ความต้อง การเงินน้อยกว่าการเพิ่มขึ้นเพราะอัตราการขยายตัวของระบบเศรษฐกิจอยู่ใน ระดับต่ำ ผู้คนยังเชื่อว่าในอนาคตข้างหน้าอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจจะยังลดต่ำลงไป อีก

ในสถานการณ์เช่นนี้ ผู้ที่ดำรงชีพอยู่ด้วยผลตอบแทนจากการถือตราสารทางการเงิน เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้ของบริษัท ก็คงจะประสบความลำบาก เพราะผลตอบแทนต่อตราสารการเงินที่ผู้ออมถือจะทยอยกันลดลงตามลำดับ

ถ้าจะเปรียบเทียบภาวะวิกฤตการณ์เศรษฐกิจคราวนี้กับเมื่อปี2525และปี 2540 ที่เราต้องเข้าสู่โครงการไอเอ็มเอฟ เพราะวิกฤตการณ์ทั้ง 2 ครั้งนั้นเรามีปัญหาเรื่องทุนสำรองระหว่างประเทศ กล่าวคือ วิกฤตการณ์การเงินปี 2525-2529 เราไม่มีทุนสำรองเพียงพอ เพราะการขาดดุลการค้าอย่างรุนแรงจากปัญหาราคาน้ำมันแพงในครั้งที่ 2 เพราะกองทุนตรึงมูลค่าโจมตีค่าเงินบาท เพราะค่าเงินบาทถูกตรึงไว้ในระดับที่ไม่สะท้อนความเป็นจริง เมื่อถูกโจมตีธนาคารแห่งประเทศไทยก็ใช้ทุนสำรองเข้าไปต่อสู้ จนทุนสำรองหมด ต้องลดค่าเงินบาทในอัตราที่ธุรกิจไม่อาจจะรับได้

วิกฤตการณ์ที่กำลังจะเกิดในปี 2559-60 นี้ กลับกัน ปัญหาคือ เรามีทุนสำรองมากเกินไป เพราะดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลมาเป็นเวลานาน เงินออมไม่ได้นำเอาไปลงทุนมาเป็นเวลานาน ทำให้เงินออมสูงกว่าเงินลงทุน เศรษฐกิจจึงชะลอตัวลงเรื่อย ๆ อีกทั้งเพราะการเมืองที่ไม่เอื้อต่อการลงทุนเพื่อการส่งออก ซึ่งโครงสร้างเศรษฐกิจในขณะนี้เป็นการลงทุนในภาคอุตสาหกรรมและภาคบริการเพื่อผลิตสินค้าส่งออกเกือบทั้งสิ้น

การที่การส่งออกหดตัวแทนที่จะขยายตัวมีสาเหตุมาจากปัจจัยหลักๆ 3 ประการ กล่าวคือ

ประการแรก การชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกอันได้แก่สหภาพยุโรป เป็นเหตุให้การส่งออกไปประเทศจีนและอาเซียนขยายตัวในอัตราที่ต่ำลง ไม่พอที่จะชดเชยการลดลงของการส่งออกไปยุโรปและสหรัฐอเมริกา

ประการที่สอง ค่าเงินบาทของเราแข็งค่ามาโดยตลอด เมื่อเทียบกับคู่ค้า เช่น จีน เกาหลีใต้ ยุโรป และอเมริกา และเมื่อเทียบกับคู่แข่ง เช่น สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และอื่น ๆ

ประการที่สาม ประเทศในสหภาพยุโรปและอเมริกาถือโอกาสอ้างว่าประเทศไทยมีระบอบการปกครองที่ไม่เป็นประชาธิปไตย เป็นระบอบการปกครองเผด็จการทหาร เช่นเดียวกับพม่าสมัยก่อนมีการปฏิรูปการปกครอง ซึ่งสมัยนั้นสหรัฐ ยุโรป รวมทั้งประเทศไทยเราเองด้วยก็ลดความสัมพันธ์ทางการค้าและการลงทุนกับพม่าเช่นเดียวกัน ตามมติของคณะมนตรีความมั่นคงของสหประชาชาติ บัดนี้ประเทศไทยจากที่เคยเป็นผู้นำการเป็นประชาธิปไตย กลับไปเป็นเผด็จการทหารแทนประเทศพม่า เขาจึงปฏิบัติต่อเราเช่นเดียวกับที่เขาและเราเคยปฏิบัติต่อประเทศพม่า

ใน ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำและซบเซาอย่างที่กำลังเป็นจะรุนแรงยิ่งขึ้นในช่วงครึ่ง หลังของปีนี้และตลอดปีของปีหน้ามักจะเกิดปัญหาที่ผู้ออมหรือผู้มีเงินมักจะ มองหาแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่าและคิดว่ามั่นคงกว่าตลาดหลักทรัพย์ จึงมักจะถูกหลอกลวงให้นำเงินมาลงทุนที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน

เมื่อเกิดวิกฤตการณ์หลังวิกฤตการณ์น้ำมันครั้งที่2เกิดมีแชร์แม่ชม้อย แชร์แม่นกแก้ว แชร์เสมาฟ้าคราม และอื่น ๆ ผู้คนหลงเชื่อแห่กันไปถอนเงินจากธนาคารไปซื้อแชร์เหล่านี้ โดยที่เจ้าของวงแชร์เอาเงินต้นของผู้ฝากทีหลังไปจ่ายดอกเบี้ยและเงินต้นของผู้ที่มาฝากก่อน ตราบใดที่แชร์ยังมีขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ก็ยังสามารถจ่ายเงินต้นและดอกเบี้ยได้ แต่ถ้ากองแชร์ใหญ่ขึ้นถึงจุดหนึ่ง เมื่อผู้ฝากไม่เพิ่มขึ้นเพียงพอหรือลดลง วงแชร์เหล่านี้ก็จะล้มลงผู้ที่หลงเชื่อนำเงินไปลงทุนก็จะเสียหาย

สถานการณ์เศรษฐกิจและการเงินขณะนี้โอกาสที่จะมีแชร์แม่ต่างๆ เกิดขึ้นอันเป็นการฉ้อโกงประชาชน ก็อาจจะมาในรูปแบบใหม่ ๆ ที่เราไม่เคยเห็น มาตามช่องโหว่ของกฎหมายก็ได้ คงต้องรอดูกันต่อไปว่าอะไรจะเกิดขึ้น เป็นการเอาประโยชน์จากความโลภของผู้คน ซึ่งมีอยู่เป็นของธรรมดาของมนุษย์อยู่แล้ว

ถ้าเกิดกิจกรรมทางการเงินแปลก ๆ ต้องคอยระวัง




สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ระวังแชร์แม่ต่าง ๆ จะมาอีก

view