สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ตำรวจกับระบบกินเมือง

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์สามัญสำนึก โดย อิศรินทร์ หนูเมือง

เรื่อง "ส่วย-สินบน" เป็นวาระร้อนแรงเสมอในวงการตำรวจ

ครั้งหนึ่ง ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช เคยเรียกกรมตำรวจไว้ว่า "กรมทศกีฬา คือวิ่งกันทั้งสิบทิศ"

วาระปฏิรูปตำรวจ ถูกพูดทั้งในงานวิจัย-วงวิจารณ์ ไปจนถึง "วาระแห่งชาติ"

ฐานข้อมูลสำคัญในการเสนอแนวทางปฏิวัติการคอร์รัปชั่นวงการตำรวจ มักเป็นงานวิจัยของ 2 ปัญญาชน คือ "ดร.ผาสุก พงษ์ไพจิตร" และ "ดร.สังศิต พิริยะรังสรรค์"

เพราะแนวรบรูปแบบสินบน-ส่วยไม่เคยเปลี่ยนแปลง ยังคงวนเวียนอยู่ที่บ่อน หวย โผ และโควตาของผู้มีอิทธิพลทางการเงิน-เจ้าพ่อ และนักการเมือง

เมื่อ 22 ปีก่อน "ดร.ผาสุก-ดร.สังศิต" ตีแผ่งานวิจัยชื่อ "คอรัปชั่นกับประชาธิปไตยไทย" รวบรวมรูปแบบการคอร์รัปชั่นของวงการการเมือง-ทหารผ่านเจ้าพ่อและธุรกิจท้องถิ่น และการกินหัวคิวโครงการรัฐ

1 ในบทสำคัญของงานวิจัยชิ้นนี้ คือ "ตำรวจกับระบบกินเมือง" ที่เจียระไนสารพัด "การกิน" ในวงการแยกตามโครงสร้างอำนาจของ "กรมตำรวจ" ในอดีต อาทิ

กลุ่มที่มีรายได้จากบ่อนพนัน หวยเถื่อน หวยใต้ดิน โรงแรมม่านรูด โรงน้ำชา ผู้ที่ต้องการจะเปิดบ่อนต้องเสียเงินให้กับตำรวจท้องที่ กองปราบปราม และกองกำกับการสอบสวน ทั้งจ่ายรายสัปดาห์และรายเดือน โดยวิธีการคือ นายทุนจะเข้าไปติดต่อกับผู้บังคับบัญชาระดับสูง หรือกองบัญชาการขึ้นไป และต้องจ่ายให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจท้องที่ด้วย

กรณีต่างจังหวัดจะมีการค้าไม้เถื่อนร่วมกับนายทุน เก็บค่าหัวคิวรถประจำทาง รีดไถผู้ประกอบการรถบรรทุก การตั้งด่านตรวจค้น หรือตั้งจุดสกัด กลุ่มนี้ขึ้นอยู่กับ "งานฝ่ายป้องกันและปราบปราม"

งานวิจัยระบุว่า ฝ่ายที่มีโอกาสทุจริตสูงกว่าสายงานอื่น คือ "งานฝ่ายสืบสวน" มีหน่วยงานปฏิบัติการใต้ดินอย่างลับ ๆ ทั้งจากบ่อน โรงงาน การค้าทอง หมู่บ้านจัดสรร การจ่ายเงินในสายนี้เหมือนกับงานในฝ่ายป้องกันและปราบปราม แต่ในส่วนของผู้บังคับบัญชาระดับสูงต้องจ่ายต่างหาก

การเป่า-วิ่งคดีให้ผู้มีฐานะทางสังคม-ชนชั้นนำ-พ่อค้า ที่มักสั่นสะเทือนวงการตำรวจ ถูกชี้ป้ายไปทาง "งานฝ่ายสอบสวน" ที่งานวิจัยเขียนไว้ว่า "มีผลกระทบต่อรูปคดีอย่างมาก หรือบางครั้งสามารถทำให้ผู้ต้องหาหลุดพ้นจากการถูกลงโทษตามกฎหมายได้ เพื่อให้มีการล้มคดีหรือพลิกสำนวนจากผิดให้พ้นผิดหรือลดโทษได้ กรณีคดีมีหลักฐานมาก โอกาสที่ตำรวจจะเรียกรับผลประโยชน์ก็มากตามไปด้วย"

การส่งส่วยจะมีการส่งรายได้ให้กับผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้น โดยแบ่งตามสัดส่วน ผู้บังคับบัญชาระดับสูงจะได้มาก ลดหลั่นลงมาตามลำดับ นายตำรวจที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยวางแผนของกรมตำรวจให้ข้อมูลว่า สาเหตุที่นายตำรวจชั้นผู้ใหญ่คอร์รัปชั่นแล้วจับไม่ได้ "เนื่องจากตำรวจชั้นผู้น้อยหาส่งส่วยให้นาย"

ผลประโยชน์จากการเลื่อนขั้น แต่งตั้ง โยกย้าย มีการพิจารณาจากระบบ "โควตา" ที่มีทั้ง "เด็กฝาก" หรือบางรายที่มีการส่งสัญญาณว่า "มีผู้ใหญ่ขอมา" ซึ่งจะมีการเสนอรายชื่อเป็น "โผ" ส่งให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณา ว่ากันว่า ราคาของตำแหน่งมีการปั่นสูงขึ้นทุกสมัย

ข้อมูลในปีที่ทำวิจัย (2537) ระบุว่า การเสียเงินวิ่งเต้นให้ได้ตำแหน่งในท้องที่เกรดเอ ต้องจ่าย 1-5 ล้านบาท บางรายต้องมีการโอนที่ดินให้เป็นจำนวนมาก เพื่อแลกกับตำแหน่ง ขณะที่ตำแหน่งในกองบัญชาการสอบสวนกลาง, นครบาล และกองบัญชาการตำรวจภูธร ต้องมีการซื้อเก้าอี้ไม่ต่ำกว่า 10 ล้านบาท พร้อมกับต้องมีการส่งส่วยที่ได้จากผลประโยชน์ในกองบัญชาการนั้นให้กับผู้บังคับบัญชาอีกต่างหาก เป็นรายเดือนเป็นหลักล้านขึ้นไป

กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เคยอธิบายคำ "กินเมือง" สมัยโบราณว่า "ราษฎรต้องตอบแทนคุณเจ้าเมืองด้วยการแบ่งสิ่งของข้าวปลาให้เป็นของกำนัล...จึงเกิดเป็นประเพณีหากินด้วยอาศัยตำแหน่งในราชการ"

ข้อมูลเมื่อ 2 ทศวรรษก่อนสะท้อนว่า "ระบบตำรวจไทยมีลักษณะบางด้านที่คล้ายคลึงกับระบบกินเมืองในสมัยโบราณ"


สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ตำรวจกับระบบกินเมือง

view