สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ลงทุนรอบใหม่

จากประชาชาติธุรกิจ


คอลัมน์ คิด วิเคราะห์ แยกแยะ โดย วีระพงษ์ ธัม www.facebook.com/10000Li

องค์ประกอบสำคัญที่สุดส่วนหนึ่งของบริษัทที่จะเติบโตได้คือ บริษัทต้องมีการ "ลงทุน" เพื่อขยายงาน ถ้าบริษัทเติบโตในขณะที่การลงทุนอยู่ในระดับต่ำ แสดงว่าบริษัทนั้นกำลัง "กินบุญเก่า" ยิ่งไปกว่านั้น การลงทุนยังช่วย "ปกป้องรักษา" ความสามารถในการแข่งขัน เสมือนเป็นการเพิ่มป้อมคูเมืองให้แข็งแรง การประหยัดอดออม "ค่อย ๆ โต" อาจจะใช้สำหรับการอยู่รอดในการแข่งขันในอดีต แต่โลกธุรกิจในยุคใหม่ การลงทุนเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เพราะการ "แข่งขัน" รุนแรงกว่าเดิม

อย่างไรก็ดี การลงทุนนั้นคู่กับความเสี่ยงที่อาจไม่ได้ "ผลตอบแทน" ที่คุ้มค่า และที่สำคัญกว่านั้น การลงทุนต้องมีสัดส่วนที่ "เหมาะสม" คือไม่มากเกินไป และไม่น้อยจนเกินไป ประเทศไทยและบริษัทจดทะเบียนเติบโตช้าลงในหลายปีที่ผ่านมา ผมคิดว่านี่คือสัญญาณที่บอกว่า สิ่งที่เราต้องให้ความสำคัญที่สุดในวันนี้คือการเริ่มต้น "ลงทุนรอบใหม่"

ประวัติศาสตร์มักจะเขียนถึงความโหดร้ายของเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ "ลงทุนเกินตัว" ทำให้เกิด "วิกฤตต้มยำกุ้ง" ที่รุนแรงในปี 2540 แต่ขณะเดียวกัน ประวัติศาสตร์อีกด้านหนึ่งที่ไม่ค่อยมีคนพูดถึงนัก คือ "ผลพวง" ของการการลงทุนครั้งนั้น ช่วยให้ประเทศไทยเติบโตมาได้เป็น 10 ปี การส่งออกเติบโตขึ้นมาจากสัดส่วนประมาณ 50% ต่อ GDP มาเป็น 70%

แต่ข่าวร้ายที่แอบอยู่ในเรื่องนี้ คือการลงทุนไทยลดลงเรื่อย ๆ ตามลำดับ เนื่องจากที่ผ่านมาเราพึ่งพาการลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) เมื่อกระแสเงินค่อย ๆ "เปลี่ยนทิศ" ไปยังประเทศที่ค่าแรงถูกกว่า การลงทุนจึงตกต่ำ นิคมอุตสาหกรรมเริ่มว่าง พื้นที่เช่าในหลาย ๆ ปีก่อนซึ่งเต็มมาตลอด มาปัจจุบันก็ว่างมากขึ้น การลงทุนลดลงจากสัดส่วน 40% เหลือประมาณ 20% ต่อ GDP

ผมไม่มีตัวเลขแยกที่ชัดเจน แต่คิดว่าการลงทุนใหม่ ๆ ของบริษัทไทยก็ลดลงเช่นเดียวกัน สังเกตจากที่นักธุรกิจรุ่นพ่อลดการขยายงาน เงิดสดท่วมบริษัท และเริ่มเอาเงินเข้าตลาดหุ้น ทำให้ "ราคาหุ้น" ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาเพิ่มสูงขึ้นมาตลอด มีการลงทุนไหลไปเข้าบริษัทนอกตลาด อย่างเช่น Startup ทำให้มูลค่าบริษัทเหล่านี้สูงลิ่ว

ที่จริงแล้วในสภาวะนี้ การลงทุนในภาคการผลิตจริง ๆ จะมีความคุ้มค่าสูงขึ้นมาก เพราะถ้าขยายงานได้หรือธุรกิจสำเร็จ ธุรกิจจะมี "มูลค่าสูงมาก" เพราะมีนักลงทุนพร้อมซื้อหุ้นและให้ราคา สภาวะนี้จะดึงให้นักธุรกิจเริ่มจริงจังกับการขยายธุรกิจมากขึ้น เพราะลงทุนทำธุรกิจเองแม้เหนื่อย แต่ "คุ้ม"

นอกจากนั้นการลงทุนภาครัฐ ซึ่งเป็น "หัวรถจักร" นำขบวนก็เริ่มต้นขึ้นแล้ว โครงสร้างพื้นฐานแข็งแรงขึ้น และเกิดการสนับสนุนมากมาย ธุรกิจส่วนใหญ่เหมือนกับว่าจะรอ "ลมฟ้าอากาศ" ให้เศรษฐกิจดีขึ้นก่อน แต่ประวัติศาสตร์บอกว่า การลงทุนดี ๆ มักจะเกิดขึ้นในเวลาที่ฟ้าฝนไม่เป็นใจ เพราะธรรมชาติของการลงทุนนั้น "กว่าจะพร้อม" ก็ "สาย" ไปเสียแล้ว น่าดีใจที่มีนักธุรกิจรุ่นใหม่เริ่มลงทุน "สร้าง" ธุรกิจยุคใหม่ ตั้งแต่ e-Commerce ทำโฮสเทล Startups ต่าง ๆ ซึ่งดูเหมือนจะไปได้ดี นักธุรกิจขนาดกลางและขนาดใหญ่กำลังหา "โอกาสใหม่" เพื่อเปิดช่องทางการเติบโต เพราะอุตสาหกรรมในโลกมีการเปลี่ยนแปลงไปสูง

สิ่งที่เคยผลิตได้อาจจะขายไม่ได้ในอนาคต ธุรกิจไม่ควรรอแค่ "อัตราการใช้กำลังการผลิตให้เต็ม" เพราะบางครั้งการรอเฉย ๆ อาจนำไปสู่ความยากลำบากในอนาคต อย่างไรก็ดี การลงทุนที่ "ฝืน" เช่น ลงทุนในสิ่งที่ไม่ชำนาญ ไม่มีความสามารถในการแข่งขัน ย่อมจบลงด้วยหายนะเช่นเดียวกัน

สำหรับนักลงทุนการ "เลือก" บริษัทที่จะลงทุน นอกจากดู "รูปร่างหน้าตา" ของบริษัทในปัจจุบันแล้ว สิ่งที่จำเป็นมากกว่าคือดู "ความสามารถของบริษัทในการลงทุน" ว่าการลงทุนนั้นมีประสิทธิภาพแค่ไหน มีผลตอบแทนต่อเงินลงทุน (ROIC) คุ้มค่ากับต้นทุนการเงินหรือไม่ และมีช่องทางการลงทุนหรือโอกาสให้เลือกมากมายหรือไม่ เพราะนี่คือหัวใจของ "การเติบโต" ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต นักลงทุนควรจะสนับสนุนราคาหุ้นให้สูงขึ้นสำหรับบริษัทที่มีอนาคตที่ดี มีการลงทุนที่ดี นี่คือตัวช่วยหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ เพราะ "บริษัทที่ลงทุนขยายงานได้ดี" สมควรจะได้ "รางวัลชิ้นงาม" จากนักลงทุน

สำหรับคนทั่ว ๆ ไป สิ่งแรกที่ควรเริ่มคิดจะลงทุนรอบใหม่ คือ การลงทุน "ความรู้" ที่เป็นการลงทุนที่ดีที่สุด และวิธีได้ความรู้ที่ถูกและคุ้มค่าที่สุด คือ "การอ่าน" ปัจจัยความสำเร็จในการลงทุนแบบนี้ คือใช้เวลา "เลือก" หนังสือที่ดีมาอ่าน สิ่งที่สองคือ หาวิธีการลงทุนเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานขึ้นทุก ๆ วัน ถ้าเราทำงานเร็วขึ้น เวลาก็จะเหลือให้เราสามารถลงทุนทำอย่างอื่นได้ หาทักษะใหม่ ๆ ที่จำเป็น เช่น ด้านเทคโนโลยีและภาษา อนาคตชีวิตคนมีแนวโน้มว่าจะยืนขึ้น คนอายุ 60 ที่จะเกษียณและหยุดเรียนรู้อาจต้อง "คิดใหม่" เพราะอาจมีเวลาในชีวิตเหลือมากกว่านั้น ดังนั้นเวลา "เรียนรู้" ก็ควรจะยาวขึ้นเช่นกัน สิ่งสุดท้ายคือ ให้เวลากับการ "คิด" มากขึ้น เหมือนกับที่ ชาร์ลี มังเจอร์ พูดว่า สิ่งที่สวยงามที่สุดของการอ่านและการคิด คือ ถ้าคุณทำมันได้ดี คุณจะแทบไม่ต้องทำอย่างอื่นมากมายเลย



สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ลงทุนรอบใหม่

view