สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ว่าที่นายกฯอังกฤษยันไม่ออกตลาดร่วมอียู

จาก โพสต์ทูเดย์

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศโพสต์ทูเดย์

หลังจากที่ผลการลงประชามติประกาศออกมาอย่างเป็นทางการให้อังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (อียู) หรือเบร็กซิต เป็นฝ่ายชนะ ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ บอริส จอห์นสัน ตัวเต็งผู้ที่จะเข้ารับตำแหน่งแทนนายกรัฐมนตรี เดวิด คาเมรอน และผู้นำโครงการรณรงค์ออกจากสหภาพยุโรป ซึ่งได้ออกมายืนยันว่า อังกฤษจะไม่หันหลังให้กับยุโรปอย่างสิ้นเชิง โดยอังกฤษจะรักษาการเข้าถึงตลาดร่วมของอียูไว้

จอห์นสัน ระบุว่า หลังจากนี้อังกฤษจะมีความสัมพันธ์ในรูปแบบพันธมิตรทางการค้ากับอียู แทนที่ความสัมพันธ์ในระบบสหพันธรัฐแบบเดิม และเศรษฐกิจของอังกฤษจะยังสามารถขยายตัวได้จากข้อตกลงการค้าต่างๆ แม้จะอยู่นอกอียูแล้ว นอกจากนี้ยังยืนยันว่าเศรษฐกิจยังอยู่ในระดับที่ดี จากการดำเนินการของรัฐบาลชุดปัจจุบันที่ได้ลดการใช้จ่ายภาครัฐลงไปจำนวนมาก

อย่างไรก็ตาม แม้จะยังไม่ได้ระบุถึงรายละเอียดในเชิงนโยบาย แต่จอห์นสันส่งสัญญาณว่า จะยกเลิกการเคลื่อนไหวเสรีแรงงาน โดยระบุว่า รัฐบาลจะต้องปรับใช้นโยบายการรับผู้อพยพให้สอดคล้องกับความต้องการภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม

ขณะที่ จอร์จ ออสบอร์น รัฐมนตรีคลังอังกฤษ ออกแถลงการณ์ครั้งแรกตั้งแต่เบร็กซิต เพื่อยืนยันกับตลาดถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจอังกฤษ โดยระบุว่า อังกฤษพร้อมปรับนโยบายเศรษฐกิจให้เข้ากับสถานการณ์หลังจากนี้ โดยได้ส่งสัญญาณว่าจะไม่มีการเรียกเก็บงบประมาณฉุกเฉินอย่างกะทันหัน อย่างไรก็ดี การดำเนินนโยบายเศรษฐกิจใหม่อาจเกิดขึ้นหลังนายกรัฐมนตรีคนใหม่เข้าดำรงตำแหน่งในเดือน ต.ค.นี้

ด้าน คริสติน ลาการ์ด ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) เตือนให้อังกฤษและอียูเร่งสร้างความชัดเจนเกี่ยวกับสถานะของอังกฤษ หลังการลงประชามติออกจากการเป็นสมาชิกอียู โดยขอบเขตของผลกระทบดังกล่าวขึ้นอยู่กับระดับความชัดเจนเกี่ยวกับความสัมพันธ์ใหม่ทางเศรษฐกิจ การค้า และการเมือง

ลาการ์ด เสริมว่า แรงเทขายในตลาดหุ้นและเงินปอนด์เป็นความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันกะทันหัน แต่ไม่น่าวิตก เนื่องจากธนาคารกลางต่างๆ เตรียมตัวพร้อมรับสถานการณ์แล้ว โดยได้เตรียมเสริมสภาพคล่องในตลาด ทำให้ตลาดยังคงเคลื่อนไหวได้ดีกว่าในระดับวิกฤตเศรษฐกิจปี 2008 อยู่มาก อย่างไรก็ดี ท่าทีของอังกฤษและ อียูในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ จะเป็นตัวบ่งชี้ทิศทางความเสี่ยงในตลาดต่อไป โดยยังมีแนวโน้มเกิดความผันผวนทางเศรษฐกิจโลกต่อ และเศรษฐกิจอังกฤษและอียูจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน

ธนาคารกลางเตรียมรับมือ

ด้านผู้ว่าการธนาคารกลางเกาหลีใต้ (บีโอเค) ที่ยืนยันจะรักษาสภาพคล่องในตลาดให้เพียงพอ โดยระบุว่า ตลาดเริ่มปรับตัวผันผวนน้อยลงจากเมื่อวันที่ 24 มิ.ย. และการเคลื่อนไหวในตลาดยังอยู่ในระดับที่ควบคุมได้ เช่นเดียวกับธนาคารกลางอินโดนีเซีย เปิดเผยว่า ผู้ว่าการธนาคารกลาง 30 แห่งทั่วโลก เตรียมพร้อมรักษาเสถียรภาพของตลาดทุนและทำงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อสนับสนุนมาตรการของบีโออี

ขณะเดียวกัน นายกรัฐมนตรี ชินโสะ อาเบะ ของญี่ปุ่น ก็ได้ออกคำสั่งให้บีโอเจรับรองเสถียรภาพของตลาดทุน และร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกลุ่มประเทศอุตสาหกรรมชั้นนำทั้ง 7 ชาติ (จี7)  เพื่อออกนโยบายตอบสนองอย่างรวดเร็วและเหมาะกับสถานการณ์ หลังรัฐบาลและธนาคารกลางได้ร่วมประชุมมาตรการฉุกเฉินรับมือเบร็กซิต

แหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับรัฐบาลญี่ปุ่น เปิดเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์สว่า รัฐบาลกำลังพิจารณาออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมในปีนี้ โดยอาจจะมีมูลค่ามากกว่า 10 ล้านล้านเยน (ราว 3.47 ล้านล้านบาท) เพื่อรับมือกับเบร็กซิต อย่างไรก็ดี คาสึโอะ โมมา อดีตฝ่ายบริหารของบีโอเจ ระบุว่า มีความเป็นไปได้ที่บีโอเจจะไม่ออกมาตรการกระตุ้น หากความวุ่นวายในตลาดจากเบร็กซิตเกิดขึ้นเพียงชั่วคราว อย่างไรก็ตาม มีความเป็นไปได้ที่บีโอเจจะเข้าแทรกแซงตลาด เพื่อจัดการกับค่าเงินเยนที่แข็งค่าอย่างหนัก

ทั้งนี้ ค่าเงินเยนปรับตัวอยู่ที่ 101.78 เยน/เหรียญสหรัฐ เมื่อเวลา 07.08 น. ในตลาดลอนดอน เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา หลังแข็งค่าขึ้นมากที่สุดตั้งแต่ปี 1973 แตะระดับ 99 เยน/เหรียญสหรัฐ ในระหว่างการซื้อขายเมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา ด้านนักกลยุทธ์และนักลงทุนจากเอชเอสบีซี ซิตี้ กรุ๊ป และจีซีไอ แอสเซท แมเนจเมนต์ มองว่าค่าเงินเยนยังมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก โดยอาจเพิ่มขึ้นแตะระดับ 95 เยน/เหรียญสหรัฐ ในสิ้นปีนี้

ขณะที่ค่าเงินปอนด์ฟื้นตัวขึ้นมาจากระดับต่าสุดในรอบ 31 ปี ขึ้นมาอยู่ที่ 1.3455 เหรียญสหรัฐ/ปอนด์ ในตลาดเอเชีย เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา เช่นเดียวกับสกุลเงินยูโร และตลาดหุ้นยุโรปที่ปรับตัวลดลง ด้านดัชนีฟุตซี 100 ในกรุงลอนดอน ลดลง 1.1% และดัชนีสต๊อกซ์ ยุโรป 600 ลดลง 2% เมื่อเวลา 15.23 น. ตามเวลาในไทย

ด้านตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ฟื้นตัวขึ้นจากระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือน ส.ค.ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยดัชนีเอ็มเอสซีไอ เอเชีย แปซิฟิก ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% เมื่อเวลา 16.27 น. ตามเวลาฮ่องกง ขณะที่ดัชนีโทปิกซ์ปิดตลาดเพิ่มขึ้น 1.8% ส่วนดัชนีเซี่ยงไฮ้คอมโพสิต ปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.5% หลังเครดิตสวิสและซิตี้กรุ๊ป แนะนำนักลงทุนซื้อหุ้นจีนหลังการเทขายในสัปดาห์ที่แล้ว

โรเจอร์สแนะเก็งดอลลาร์แทนทอง

ด้านบลูมเบิร์ก เปิดเผยว่า ราคาทองคำงวดส่งมอบทันทีปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.9% อยู่ที่ 1,327.62 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เมื่อเวลา 07.20 น. ตามเวลาท้องถิ่นกรุงลอนดอน หลังขึ้นไปแตะระดับสูงสุดตั้งแต่เดือน มี.ค. 2014 อยู่ที่ 1,358.54 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ เมื่อวันที่ 24 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า ราคาทองคำอาจจะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,424 เหรียญสหรัฐ/ออนซ์ ในสิ้นปีนี้

อย่างไรก็ดี จิม โรเจอร์ส นักลงทุนชื่อดัง แนะนักลงทุนเก็งกำไรเงินเหรียญสหรัฐแทนทองคำ หลังเบร็กซิตสร้างความผันผวนในตลาดทุนและดันราคาทองพุ่งขึ้นอยู่ในระดับสูง โดยคาดการณ์ว่าราคาทองคำจะปรับตัวลดลงจากระดับปัจจุบันภายในสิ้นปีนี้ สวนทางกับนักลงทุนส่วนใหญ่ที่คาดการณ์ว่า ราคาทองคำจะปรับตัวเพิ่มขึ้นโดยเฉลี่ยมากกว่า 7% จากระดับปัจจุบัน


สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ว่าที่นายกฯอังกฤษยัน ไม่ออก ตลาดร่วมอียู

view