สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ต้องหนักเอาเบาสู้

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์สามัญสำนึก โดย สมปอง แจ่มเกาะ

ใจชื้นขึ้นมาบ้างนิดหน่อยครับ สำหรับการแถลงตัวเลขการส่งออกประจำเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา ของกระทรวงพาณิชย์ ที่ระบุว่ามีมูลค่า 18,825 ล้านเหรียญสหรัฐ บวก 6.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ถือเป็นการกลับมาขยายตัวเป็นบวกอีกครั้งในรอบ 5 เดือน และขยายตัวสูงสุดในรอบ 6 เดือน

แต่เมื่อรวมมูลค่าส่งออก 8 เดือนแรกของปีพบว่ามีมูลค่ารวม 141,007 ล้านเหรียญสหรัฐ ติดลบ 1.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

อีก 4 เดือนที่เหลืออยู่ ถือว่ายังพอมีลุ้น

ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนจะยังต้องร่วมแรงร่วมใจและทำงานหนักกันต่อไป

วกกลับเข้าเรื่องครับช่วงนี้ คุยกับพรรคพวกเพื่อนฝูงหลาย ๆ คน บ่นกันมากว่าหาคนงานยากเหลือเกิน และเปรย ๆ ว่าเดี๋ยวนี้ คนไทยเขาไปทำมาหากินอะไรกัน ?

เลยแกล้งตอบไปเล่น ๆ ว่า หากเป็นผู้ชาย ส่วนใหญ่ก็ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งจากตัวเลขของกรมการขนส่งทางบก ระบุว่า เฉพาะในกรุงเทพฯ มีผู้มาขึ้นทะเบียนอย่างถูกต้องมากกว่า 1 แสนคน ส่วนผู้หญิงก็ทำมาค้าขาย เป็นแม่ค้าตามตลาดนัด ขายกาแฟ ขายเสื้อผ้า ขายเบเกอรี่ ฯลฯ

เพราะเป็นอาชีพอิสระ ไม่ต้องเป็นลูกจ้างใคร

แต่จริง ๆ แล้ว เหตุผลสำคัญจะมาจากการที่ประเทศไทยนั้นกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ "แก่มาก เกิดน้อย" ที่ผ่านมา สภาพัฒน์คาดว่าไทยจะก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในปี 2565 หรืออีกประมาณ 6 ปีข้างหน้า โดยในระยะเวลา 30 ปี (2553-2583) ไทยจะมีผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไปสูงถึง 20.5 ล้านคน หรือ 32.12% ของประชากรไทยที่มี 66.37 ล้านคน แต่จะมีประชากรวัยแรงงานเพียง 35.18 ล้านคน หรือลดลง 7.6 ล้านคน เมื่อเทียบกับปี 2553 ที่มีประชากรวัยแรงงานถึง 42.74 ล้านคน ขณะที่ประชากรในวัยเด็กก็จะลดลงจาก 12.6 ล้านคนเมื่อปี 2553 เหลือ 8.2 ล้านคน ในปี 2583

นี่เป็นสาเหตุอย่างหนึ่งที่ทำให้ไทยต้องพึ่งพาแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้าน

หลาย ๆ คนคงเคยประสบพบมากับตัวเองครับว่า ตอนนี้มีร้านอาหารจำนวนไม่น้อยที่หาคนไทยทำงานไม่ได้ และต้องหันไปใช้พนักงานเสิร์ฟ รวมไปถึงแม่ครัว จากประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะเมียนมา พนักงานเสิร์ฟ ทั้งหญิงทั้งชายรับออร์เดอร์ได้อย่างคล่องแคล่ว แม่ครัวก็ปรุงอาหารได้อร่อยไม่แพ้แม่ครัวไทย

ทำให้ย้อนคิดกลับไปเมื่อช่วงประมาณปี 2528-2535 ยุคที่คนอีสาน เข้ามาแสวงโชคในเมืองกรุง ด้วยการเป็น "เด็กปั๊ม" และเปิดร้านส้มตำ น้ำตก เนื้อย่างอยู่ข้าง ๆ ปั๊ม จนมีการเปรียบเปรยกันในยุคนั้นว่า หากวันไหนที่คนอีสานเกิดพร้อมใจสไตรก์หยุดงานพร้อม ๆ กัน คนกรุงเทพฯลำบากแน่

เมื่อก่อนเรา ๆ ท่าน ๆ อาจจะเห็นคนแขกเดินขายถั่ว เข็นรถขายโรตี และค่อย ๆ เลื่อนชั้นมาเป็นขายของเงินผ่อน ปล่อยเงินกู้เก็บดอกเบี้ยรายวัน แต่ทุกวันนี้ คนเมียนมา กัมพูชา ลาว เวียดนาม ก็พลิกผันตัวเองจากกรรมกรใช้แรงงาน ทำงานรับใช้ตามบ้าน มาเป็นพ่อค้าแม่ขาย บ้างขายผลไม้ขายผัก บ้างขายลูกชิ้นทอด บางรายเปิดเป็นร้านอาหารก็มี หากมองผิวเผินแล้วก็ดูไม่ออก คิดว่าเป็นคนไทย ยกเว้นจะได้ยินสำเนียงการพูด

ที่สำคัญเขาเหล่านี้ทนทำงานหนักและเก็บหอมรอมริบและส่งเงินทองกลับประเทศอย่างเป็นกอบเป็นกำ

ตรงกันข้ามกับแรงงานไทยจำนวนไม่น้อย ที่หนักไม่เอา เบาไม่สู้ และตกอยู่ในวังวนของการกู้หนี้ยืมสิน กู้เงินนอกระบบ เป็นหนี้สินรุงรัง

ไม่มีใครปฏิเสธว่า วันข้างหน้าประเทศไทยยังจะประสบภาวะการขาดแคลนแรงงานมากขึ้นเรื่อย ๆ และส่งผลกระทบต่อสถานะทางเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

จะเปลี่ยนค่านิยมการทำงานของคนไทยได้อย่างไรบ้าง?


สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ต้องหนักเอาเบาสู้

view