จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์
น่าน - อดีตผู้อำนวยการ รพ.น่าน ย้อนอดีตสมัยทหาร-ตำรวจสู้รบกับคอมมิวนิสต์ รพ.น่าน ต้องรักษาผู้บาดเจ็บเกือบทุกวัน จนในหลวงและพระราชินีเสด็จเยี่ยมประชาชนที่น่าน พร้อมกับพระราชทานเงินเพื่อเป็นทุนในการสร้างอาคารเพิ่ม จำมิรู้ลืมพระราชดำรัส “ฉันไว้ใจเธอ”
วันนี้ (27 ต.ค.) นพ.บุญยงค์ วงศ์รักมิตร วัย 83 ปี อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน เล่าถึงความภูมิใจที่ได้ เคยถวายงาน และซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่มีต่อพสกนิกรชาวน่าน ทหารและตำรวจที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบกับผู้ก่อการร้ายคอมมิวนิสต์ในเขตพื้นที่จังหวัดน่าน และโปรดเกล้าฯ พระราชทานเงิน 240,000 บาทเพื่อสร้างตึกผู้ป่วยขนาด 24 เตียง 1 หลัง สำหรับรองรับทหาร ตำรวจ พลเรือนที่ได้รับบาดเจ็บจากการสู้รบเป็นการเฉพาะ ทรงพระราชทานนามตึกหลังนี้ว่า “พิทักษ์ไทย”
อดีตผู้อำนวยการโรงพยาบาลน่าน เล่าย้อนไปเมื่อ พ.ศ. 2510 ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมทหารที่กองทัพภาคที่ 3 ส่วนหน้าที่ อ.เชียงกลาง และมีนายทหารเข้ามากราบบังคมทูลว่ามีนายทหารถูกยิงได้รับบาดเจ็บสาหัส นำตัวออกจากแนวหน้าไม่ได้ พระองค์ได้เสด็จขึ้นเฮลิคอปเตอร์พร้อมสมเด็จพระราชินี และนายทหารคุ้มกัน ไปรับตัวนายทหารที่บาดเจ็บออกมา โดยเดิมจะส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า แต่อาการหนักมากไปไม่ไหวต้องมารักษาที่โรงพยาบาลน่านก่อน
หมอและพยาบาลทำการรักษาโดยไม่เห็นแก่เหนื่อยยาก ก็ทราบถึงพระเนตรพระกรรณ หลังเสด็จพระราชดำเนินกลับได้ให้สมุหราชองครักษ์ พลเรือเอก หม่อมเจ้ากาฬวรรณดิศ ดิศกุล นำหนังสือจากสำนักงานสมุหราชองครักษ์ แจ้งว่าในหลวงทรงพอพระราชหฤทัยต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลน่าน และมีพระประสงค์ที่จะสนับสนุนเครื่องมือแพทย์และความต้องการอื่นๆ ซึ่งในครั้งนั้นก็ได้กราบบังคมทูลไปว่าขาดแคลนทั้งเครื่องมือแพทย์ และทุนทรัพย์ขยายอาคารเพื่อรองรับผู้บาดเจ็บ
หลังจากนั้น ในหลวงได้เสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมผู้บาดเจ็บจากการสู้รบที่ รพ.น่านอีกครั้ง เมื่อวันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2511 และได้โปรดเกล้าฯ พระราชทานเครื่องเอกซเรย์เคลื่อนที่ เครื่องดูดเลือดและน้ำจากปอด เครื่องรมยาสลบ และเงินจำนวน 240,000 บาท เพื่อขยายอาคารรับผู้ป่วย ยังความปลาบปลื้มแก่เจ้าหน้าที่ โรงพยาบาลทุกคน แต่ที่เหนืออื่นใดเมื่อพระองค์ท่านพระราชทานสิ่งของให้แล้วก็ตรัสว่า “เงินที่ขอไปนั้นฉันนำมามอบให้แล้ว ขอให้หมอดำเนินการก่อสร้างเองนะ ไม่ต้องผ่านราชการ ฉันไว้ใจเธอ”
นพ.บุญยงค์เล่าต่อว่า คำที่ในหลวงตรัส “ฉันไว้ใจเธอ” ได้ฟังแล้วในเวลานั้นรู้สึกตื้นตันปลื้มปีติและไม่อาจบิดพลิ้วต่อการทำงานต่างๆ มากมาย และพระองค์รับสั่งอีกว่า “สร้างเสร็จแล้วให้บอกด้วยนะ ฉันจะมาเปิด”
พร้อมเล่าต่อว่า “ผมขอพระราชทานเงินไป 2 แสน 4 หมื่นบาท เพื่อใช้ต่อเติมอาคารไม้รองรับผู้ป่วยได้อีก 20-25 คน เอาแค่พอใช้ ไม่ได้คิดว่าจะทาสีด้วยซ้ำไป แต่พอพระองค์ท่านตรัสว่าจะมาเปิด เวลานั้นนึกไม่ออกเลยว่าจะทำอย่างไร แต่ปัญหาทั้งมวลก็ลุล่วงไปด้วยความช่วยเหลือของคนไข้รายหนึ่ง คนไข้ที่เราดูแลเขาอยู่และเข้ามาพบ พาลูกชายมาด้วยชื่อนายทองจุล สิงหกุล เป็น ผอ.กรมโยธาฯ ถามว่ามีอะไรให้ช่วยเหลือก็ขอให้บอก ตนจึงบอกว่าได้เงินพระราชทานมาขยายอาคาร ต้องเขียนแปลน ตอนนี้จะทำเป็นไม้แค่พอใช้ไม่ได้แล้ว นายทองจุลก็ได้ช่วยเหลือเรื่องแบบ หาช่างรับเหมามาทำให้อย่างดี เพราะยิ่งรู้ว่าเป็นเงินพระราชทาน ผู้รับเหมาถึงขนาดควบคุมดูแลการก่อสร้างอย่างดี ระหว่างการดำเนินการก่อสร้างก็ได้รับพระราชทานนามอาคารใหม่ว่า “พิทักษ์ไทย” เป็นอาคารที่ใช้รองรับผู้บาดเจ็บจากการสู้รบต่อเนื่องมาอีกหลายปี
กระทั่งในปีถัดมา วันที่ 10 มีนาคม พ.ศ. 2512 อาคารใหม่สร้างเสร็จแล้ว เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่จังหวัดน่านได้กราบบังคมทูลเชิญในหลวงเพื่อทรงเป็นองค์ประธานในการเปิดอาคารศาลากลางจังหวัดและอาคารโรงเรียนราชานุบาล ทางจังหวัดก็ถามว่าจะกราบบังคมทูลเชิญเพื่อทรงเปิดอาคารตึกพิทักษ์ไทยด้วยไหม เห็นว่าพระองค์ท่านต้องเสด็จฯ ถึงสองแห่งแล้ว ก็บอกไปว่าคงไม่ต้องกระมัง แจ้งทางจังหวัดไปอย่างนั้น
“ปรากฏว่า ม.ล.ปีย์ มาลากุล กรมวังผู้ใหญ่ ท่านมาบอกว่า คุณหมอ ในหลวงรับสั่งกับผมว่า “แล้วตึกฉันล่ะ จะไม่ให้ฉันเปิดหรือ” ผมได้ยินอย่างนั้นก็ตกใจ เราไม่ได้เตรียมอะไรเลย ท่านก็แนะนำว่าไม่ต้องเตรียมอะไร ให้หาป้ายและพรมมาผืนหนึ่ง เพราะท่านจะประทับยืนทรงพระสุหร่าย หาสมุดมาเล่มหนึ่งสำหรับทรงลงพระนามปรมาภิไธย ส่วนอื่นๆ จะจัดมาจากกรุงเทพฯ ซึ่งก็จัดเตรียมตามคำแนะนำทุกอย่างเพียงชั่วโมงเดียว ลงทุน 35 บาท ซื้อสมุด 1 เล่ม ครั้นเสร็จพิธียังได้พระราชทานเงินอีก 5 หมื่นบาท เพื่อซื้อสิ่งของที่จำเป็นอื่นๆ
นพ.บุญยงค์ได้กล่าวทิ้งท้ายว่า พระราชดำรัสของพระองค์มีความหมายต่อชีวิตทั้งชีวิต ยิ่งถ้อยพระราชดำรัสว่า “ฉันไว้ใจเธอ” ก็ยิ่งทวีความหมาย “ทุกวันนี้พระสุรเสียงของพระองค์ยังดังก้องอยู่ไม่มีวันลืม และจะจดจำตราบชั่วชีวิตจะหาไม่”
สำหรับ นพ.บุญยงค์ ใช้ชีวิตราชการที่น่านต่อเนื่องจากปี 2507 จนถึงปี 2537 เป็นนายแพทย์ที่ปฏิเสธความก้าวหน้าบนเส้นทางวิชาชีพและการเมือง ปัจจุบันยังทำงานในฐานะที่ปรึกษา รพ.น่าน ตลอดระยะเวลา 51 ปีที่อยู่เมืองน่าน นพ.บุญยงค์ จึงกลายเป็นผู้อาวุโสที่คนน่านทุกระดับยอมรับนับถือเป็นผู้ที่ให้แนวคิด แนวทางพัฒนา แก้ไขปัญหาให้แก่หลายองค์กร
สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน