สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

อเมริกาจะปิดประเทศ : วีรพงษ์ รามางกูร

จากประชาชาติธุรกิจ

ชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในการเลือกตั้งประธานาธิบดี สมาชิกวุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎร ได้สร้างความกังวลใจให้กับผู้คนจำนวนมาก รวมถึงคนไทยด้วยว่า เศรษฐกิจของโลกจะเสื่อมถอยลง ถ้าหากประธานาธิบดีจะออกมาตรการทางภาษีก็ดี หรือมาตรการอื่นที่ไม่ใช่ภาษี ดึงเงินลงทุนในการผลิตสินค้าและบริการกลับคืนสู่อเมริกา เพื่อให้คนอเมริกันตกงานน้อยลง หรือมีงานทำมากขึ้น ความฝันของ โดนัลด์ ทรัมป์ จะเป็นจริงหรือไม่ เป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย

เป็นเวลาหลายทศวรรษมาแล้วที่ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดของสหรัฐอเมริกาขาดดุลให้กับชาวโลกมาเรื่อย ๆ แต่ในขณะเดียวกันดุลการชำระเงินของสหรัฐอเมริกากลับเกินดุลมาได้เรื่อย ๆ เหมือนกัน

สหรัฐอเมริกาสามารถดำรงการขาดดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดมาเป็นเวลาอันยาวนานได้ ก็เพราะชาวโลกยังคงต้องการถือเงินดอลลาร์สหรัฐไว้ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ 

ธนาคารกลางของประเทศต่าง ๆ ยังคงถือเงินดอลลาร์เป็นทุนสำรองระหว่างประเทศ เอกชนก็ยังต้องการถือเงินดอลลาร์ไว้ใช้เป็นเครื่องมือในการเก็งกำไรค่าเงินและราคาสินค้าโภคภัณฑ์ และสินค้าอื่น ๆ ชาวโลกไม่สามารถหาเงินตราสกุลอื่นใดมาทดแทนเงินดอลลาร์สหรัฐได้ 

แม้ว่ากองทุนการเงินระหว่างประเทศ และธนาคารโลกจะพยายามสร้างเงินที่ไม่เป็นเงินตราของประเทศใด เช่น สิทธิถอนเงินพิเศษ หรือ SDR มาทดแทนก็ไม่ประสบความสำเร็จ ไม่สู้จะเป็นที่นิยมเช่นเงินดอลลาร์สหรัฐ

เพราะเงินที่ชาวโลกเกินดุลกับอเมริกาก็ไหลกลับไปลงทุนซื้อตราสารการเงิน เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้และหุ้นสามัญในตลาดทุนที่อเมริกา


ด้วยเหตุนี้ สหรัฐอเมริกาโดยเฉพาะอย่างยิ่งมหานครนิวยอร์ก จึงเป็นศูนย์กลางทางการเงินที่ใหญ่ที่สุดในโลกแทนกรุงลอนดอน แทนเมืองแฟรงก์เฟิร์ต และที่อื่นไปสิ้น 

การที่มหานครนิวยอร์กกลายเป็นศูนย์กลางทางการเงิน ทำให้เศรษฐกิจของอเมริกาค่อย ๆ เปลี่ยนโครงสร้าง จากการเป็นผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค รวมทั้งสินค้าประเภททุนที่เป็นเครื่องมือ เครื่องจักร กลายเป็นผู้ขายบริการแทน เพราะค่าแรงในสหรัฐอเมริกาสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ทั้งค่าแรงที่เป็นตัวเงินและค่าแรงที่แท้จริง หรือค่าแรงที่ได้ปรับจากอัตราเงินเฟ้อแล้ว

ตลาดทุนที่นิวยอร์กของอเมริกาจึงเป็นศูนย์กลางการจัดระเบียบของการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของตราสารทางการเงิน ตลาดหลักทรัพย์และดัชนีราคาหลักทรัพย์ของตลาดหุ้นและตลาดทุนอย่างอื่น กลายเป็นตลาดหลักของโลกที่หลักทรัพย์และเงินสกุลต่าง ๆ ต้องนำมาเปรียบเทียบ


การที่สหรัฐอเมริกากลายเป็นศูนย์กลางการค้าเหล่านี้ ได้สร้างรายได้และมูลค่าเพิ่มให้กับผู้ออมชาวอเมริกันจำนวนมหาศาล คนอเมริกันสูงอายุจำนวนมากยังชีพอยู่ได้ด้วยผลตอบแทนของเงินออมในอดีตด้วยรูปแบบต่าง ๆ เงินออมจำนวนมหาศาลเหล่านี้ได้ถูกบริหารโดยผู้จัดการกองทุนต่าง ๆ โดยนำไปลงทุนในตลาดทุนของประเทศต่าง ๆ ตามกฎเกณฑ์ในการรับประกันการขายตราสารหนี้ของรัฐบาลและบริษัทต่าง ๆ ที่ต้องการระดมทุน แม้แต่ในประเทศของตนเอง ยกตัวอย่างเช่น บริษัทสัญชาติไทยต้องการระดมทุนโดยการขายหุ้นกู้ ก็ต้องหาผู้ประกันการขายหุ้นกู้ดังกล่าว หากขายได้ไม่หมดต้องรับซื้อไว้เอง บริษัทผู้รับประกันการขายก็ต้องใช้บริษัทอเมริกันในการประกันการขาย ทั้ง ๆ ที่บริษัทเหล่านี้คนไทยก็ทำได้ แต่ก็ต้องใช้บริษัทอเมริกัน 

นอกจากการเป็นศูนย์กลางตลาดทุนของโลกแล้ว บริษัทของอเมริกันยังเป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญามากมาย ทั้งนิมิตสิทธิ์ ลิขสิทธิ์และอื่น ๆ ในฐานะที่เป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากที่สุดในโลก มีการทำวิจัยในสาขาหลักวิชาการต่าง ๆ ทุกสาขา รางวัลโนเบลที่ประกาศทฤษฎีใหม่ในทุกสาขาของโลกมาตลอดหลายสิบปี นักวิจัยที่ทำงานในมหาวิทยาลัยในสหรัฐอเมริกาจะเป็นผู้ชนะได้รางวัลอันทรงเกียรตินี้ตลอดมา อเมริกาจึงมีรายได้จากค่านิมิตสิทธิ์และลิขสิทธิ์เป็นจำนวนมากทุกปี

สิ่งต่าง ๆ เหล่านี้ได้ก่อกำเนิดขึ้น ถูกสะสมต่อเนื่องอย่างช้า ๆ เรื่อยมา จนเป็นเหตุให้สหรัฐอเมริกาเป็นกลไกที่สำคัญที่สุดของเศรษฐกิจการเงินของโลกเกือบจะทุกด้าน แม้ว่าดูผิวเผินแล้วคนอเมริกันจะตกงาน ไม่มีงานทำเป็นจำนวนมาก แต่นั่นก็เป็นเพราะการที่แรงงานอเมริกันมีฐานะทางเศรษฐกิจ ความเป็นอยู่และความมั่นคงในชีวิต มีสุขภาพและที่อยู่อาศัยที่มีมาตรฐานสูงที่สุดในโลก ทั้ง ๆ ที่เป็นประเทศที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก

เงินออมของคนอเมริกันจึงเดินทางออกไปลงทุนในกิจการต่าง ๆ ทั่วโลก ไปสร้างการแข่งขันในเวทีการค้าของโลก เพราะได้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยสูงกว่าการลงทุนในสหรัฐอเมริกาเอง ถ้าว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ จะเปลี่ยนทิศทางการลงทุนของเงินออมชาวอเมริกัน ให้มาลงทุนภายในประเทศ ก็คงต้องใช้เงินภาษีอากรของประชาชนมาอุดหนุนอุตสาหกรรมที่จะกลับมาลงทุนในประเทศ หรือไม่ก็รัฐบาลอเมริกันที่จะต้องกู้ยืมมาสร้างหนี้สินให้กับรัฐบาลเพิ่มขึ้น เพราะการฝืนกลไกตลาดย่อมมีต้นทุนมหาศาล

หาก นายโดนัลด์ ทรัมป์ จะทำจริง ๆ ในการลดปริมาณและมูลค่าการค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกาลง ปฏิกิริยาของชาวโลกก็คงจะเกิดขึ้นในทิศทางที่จะต่อต้านสินค้าและบริการที่ผลิตโดยบริษัทอเมริกัน ปริมาณสินค้าและบริการที่ซื้อขายกันระหว่างประเทศก็จะลดลง ความเสียหายก็จะเกิดขึ้นกับเศรษฐกิจของโลกโดยส่วนรวม

การลดลงของการไหลเข้าออกของสินค้าสำเร็จรูปก็ดี หรือสินค้าโภคภัณฑ์ก็ดี ก็อาจจะกระทบกับจีนในฐานะผู้ผลิตและผู้ส่งออกรายใหญ่ อาจจะส่งต่อเป็นลูกโซ่ไปยังประเทศคู่ค้าของจีนในยุโรปและเอเชีย แต่ในขณะเดียวกันผู้บริโภคในสหรัฐอเมริกาก็จะถูกกระทบ การจะต้องบริโภคสินค้าราคาแพงขึ้นคุณภาพต่ำลงที่ผลิตในประเทศอเมริกาเอง พอการผลิตโดยส่วนรวมลดลงต่ำกว่าความสามารถในการผลิต ก็จะทำให้ราคาสินค้ามีราคาลดลง รายได้ของโลกโดยส่วนรวมก็จะลดลง

ขณะเดียวกัน เงินทุนของอเมริกันถูกดึงกลับประเทศโดยการชดเชยโดยรัฐบาลอเมริกัน จากภาษีอากรหรือจากเงินกู้ ในขณะที่ผลตอบแทนต่อเงินทุนที่ถูกดึงกลับมาลงทุนในอเมริกาก็ต้องได้ผลตอบแทนที่แท้จริง ที่ต่ำกว่าการออกไปลงทุนในประเทศอื่น ๆ 

มิฉะนั้นเงินทุนเหล่านั้นคงจะไม่ออกไปลงทุนในต่างประเทศ การทำเช่นนั้นจะสร้างต้นทุนให้กับคนอเมริกันอย่างมหาศาล จะคุ้มค่ากับการสร้างงานเพิ่มขึ้นให้กับคนอเมริกันอย่างไร นึกไม่ออกว่าเครื่องมือที่จะดึงเงินทุนอเมริกันให้กลับมาสร้างงานให้กับคนอเมริกันนั้น จะใช้เครื่องมือทางด้านการเงินการคลังหรือภาษีอากรอะไร คุ้มหรือไม่คุ้ม ตามหลักที่ว่าในโลกนี้ไม่มีอะไรฟรี ทุกอย่างมีต้นทุนทั้งนั้น ต้นทุนดังกล่าวจะไปอยู่กับใคร จะแบ่งกันรับภาระอย่างไรในบรรดาผู้คนกลุ่มต่าง ๆ 

ทฤษฎีเศรษฐศาสตร์ว่าด้วยการค้าการลงทุนระหว่างประเทศทุกยุคทุกสมัย ชี้ให้เห็นประโยชน์ของการค้าระหว่างประเทศ จากการที่ประเทศต่าง ๆ มีสัดส่วนของทรัพยากร เช่น ทุน แรงงาน รวมทั้งทรัพยากรธรรมชาติ เทคโนโลยี รสนิยมในการบริโภคที่ต่างกัน การค้าระหว่างประเทศจะเป็นกลไกที่ทำให้การผลิตและการบริโภคของประเทศที่เป็นคู่ค้าดีขึ้น ได้ประโยชน์มากขึ้น 

การที่โลกเจริญเติบโตจนผู้คนจำนวนมากมีมาตรฐานการดำรงชีวิตที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ การค้าระหว่างประเทศโดยการซื้อขายแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการกันมีส่วนสำคัญอย่างมาก การค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าระหว่างกันจึงยังเป็นกลไกสำคัญไม่เปลี่ยนแปลง

ขณะเดียวกัน การไหลของเงินทุนจากแหล่งที่ให้ผลตอบแทนต่ำไปสู่ที่ที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่า ก็เป็นธรรมชาติของตลาดเงิน การจะสกัดกั้นเพื่อให้กระแสหรือทิศทางการไหลของเงินเปลี่ยนจากที่ให้ผลตอบแทนสูงไปสู่ที่ที่ให้ผลตอบแทนต่ำ ย่อมทำได้ยาก 

แม้ว่าเงินทุนนั้นเกิดจากการออมของคนอเมริกันก็ตาม การไหลเข้าออกของเงินทุนที่ว่านั้นก็ยังอยู่ในบังคับของกฎเกณฑ์ทางการตลาด การสกัดกั้นการไหลไปมาของเงินทุนนั้นทำยากมาก หากจะเก็บภาษีการเคลื่อนย้ายของเงินทุนก็เป็นต้นทุนสูงสำหรับผู้เสียภาษี ผู้ออมก็จะเป็นผู้เสียประโยชน์เอง

โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศจะดึงเงินทุนกลับประเทศอเมริกา ก็เป็นเช่นเดียวกันกับกระแสการไหลเข้าออกของสินค้าที่มีตัวตน โดยยังไม่ประกาศว่าจะใช้เครื่องมืออะไรชนิดไหน จะใช้ต้นทุนเท่าไหร่สำหรับมาตรการดังกล่าว คนอเมริกันส่วนมากโง่ ไม่เข้าใจเรื่องที่ยุ่งมากเหล่านี้ แต่ถ้ามากระทบตัวเองก็จะไม่ยอม เรื่องนี้คงสนุกไม่ใช่น้อยถ้าจะทำจริง ๆ


สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : อเมริกาจะปิดประเทศ วีรพงษ์ รามางกูร

view