สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

โปรดเกล้าฯ ประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

โปรดเกล้าฯ ประกาศเฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

จากประชาชาติธุรกิจ

สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ประกาศว่า โดยที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้มีประกาศเมื่อวันที่ ๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ ว่า พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้แล้วตามกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช ๒๔๖๗ จึงได้มีการประชุมเพื่อรับทราบ และได้กราบบังคมทูลอัญเชิญพระรัชทายาท โดยประกาศให้ทราบทั่วกันว่า สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร ได้ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์เป็นพระมหากษัตริย์แล้วนั้น 


ทรงพระราชดําริว่าในระหว่างที่ประชาชนยังมิได้ถวายพระปรมาภิไธย เนื่องในการพระราชพิธีพระบรมราชาภิเษก อันจะพึงมีต่อไปตามพระราชประเพณีเป็นการสมควรที่จะเฉลิมพระปรมาภิไธยเป็นการชั่วคราว เพื่อความสะดวกในการเรียกขานพระนาม จึงมีพระราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้เฉลิมพระปรมาภิไธยว่า 


สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร



ประกาศ ณ วันที่ ๑ ธันวาคม พุทธศักราช ๒๕๕๙ เป็นปีที่ ๑ ในรัชกาลปัจจุบัน


ผู้รับสนองพระราชโองการ

พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

นายกรัฐมนตรี


ที่มา http://www.ratchakitcha.soc.go.th/DATA/PDF/2559/A/102/2.PDF


ภาพประวัติศาสตร์ อัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็น "สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว" ร.10

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ภายหลังสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวารถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง และเสด็จฯ กลับเวลา 18.43 น.

ต่อมาเวลา 19.16 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ออก ณ ห้อง UPPER MAIN CR.M (ห้อง วปร.) พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยมี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา เข้าเฝ้าฯ

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประทับยืนหน้าพระที่นั่งกง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กราบบังคมทูลอัญเชิญพระรัชทายาท เสด็จขึ้นทรงราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์ สืบราชสันตติวงศ์

“โดยที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จสวรรคตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15.52 น. โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2557 มาตรา 2 วรรค 2 ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 23 วรรค 1 ได้บัญญัติเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ว่า ในกรณีที่ราชบัลลังค์ว่างลง และกรณีที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ ตามกฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2461 แล้ว ให้คณะรัฐมนตรีแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบและให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อรับทราบและให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไปและให้ประธานรัฐสภาประกาศให้ประชาชนทราบบัดนี้คณะรัฐมนตรีได้แจ้งให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งทำหน้าที่ประธานรัฐสภาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทราบเมื่อวันที่29พฤศจิกายนพุทธศักราช2559ว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงแต่งตั้ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระรัชทายาทไว้ตามกฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467แล้ว

ข้าพระพุทธเจ้าได้ดำเนินการเรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อรับทราบในคราวประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติครั้งที่76/2559เป็นพิเศษเมื่อวันที่29พฤศจิกายนพุทธศักราช 2559 และสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้รับทราบการแต่งตั้งพระรัชทายาทแล้ว

ข้าพระพุทธเจ้าประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่ประธานรัฐสภาในนามของปวงชนชาวไทยจึงขอพระราชทานอัญเชิญใต้ฝ่าละอองพระบาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบราชสันตติวงศ์สืบไปเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์พระพุทธศักราช2467และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราวพุทธศักราช2557มาตรา 2 วรรค 2 ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 23 วรรค 1 ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559”

ในการนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชดำรัสตอบรับการขึ้นทรงราชย์ ว่า “ตามที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภาและกล่าวในนามของปวงชนชาวไทย เชิญข้าพเจ้าขึ้นครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์ ถ้าเป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น ข้าพเจ้าขอตอบรับเพื่อสนองพระราชปณิธานและเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทยทั้งปวง”

จากนั้นเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ไปประทับราบ ณ พระสุจหนี่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงกราบถวายบังคม ทรงเปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ ทรงกราบราบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นทรงมีพระราชปฏิสันถารกับคณะผู้มาเฝ้าฯ เสด็จฯ ขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ได้ทำการถ่ายทอดสดพร้อมกันทุกสถานีไปทั่วประเทศ ในเวลา 22.05 น. เพื่อให้ประชาชนได้รับชมพิธีมหามงคลครั้งนี้

ภายหลังเสร็จสิ้นการกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จขึ้นทรงราชย์แล้วโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)แถลงการณ์ของพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ประกาศพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และเพลงสรรเสริญพระบารมี




























ชมนาทีประวัติศาสตร์ “สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” รัชกาลที่ 10 เสด็จขึ้นทรงราชย์

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์


เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ภายหลังสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ไปในการพระราชพิธีทรงบำเพ็ญพระราชกุศลปัญญาสมวารถวายพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง และเสด็จฯ กลับเวลา 18.43 น.


ต่อมาเวลา 19.16 น. สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร เสด็จฯ ออก ณ ห้อง UPPER MAIN CR.M (ห้อง วปร.) พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต โดยมี พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และนายวีระพล ตั้งสุวรรณ ประธานศาลฎีกา เข้าเฝ้าฯ

สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ประทับยืนหน้าพระที่นั่งกง นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ กราบบังคมทูลอัญเชิญพระรัชทายาท เสด็จขึ้นทรงราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์ สืบราชสันตติวงศ์

“โดยที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้เสด็จสวรรคตเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559 เวลา 15.52 น. โดยที่รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราว พุทธศักราช 2557 มาตรา 2 วรรค 2 ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 23 วรรค 1 ได้บัญญัติเรื่องการสืบราชสันตติวงศ์ว่า ในกรณีที่ราชบัลลังค์ว่างลง และกรณีที่พระมหากษัตริย์ได้ทรงแต่งตั้งพระรัชทายาทไว้ ตามกฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2461 แล้ว ให้คณะรัฐมนตรีแจ้งให้ประธานรัฐสภาทราบและให้ประธานรัฐสภาเรียกประชุมรัฐสภาเพื่อรับทราบและให้ประธานรัฐสภาอัญเชิญองค์พระรัชทายาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบไปและให้ประธานรัฐสภาประกาศให้ประชาชนทราบบัดนี้คณะรัฐมนตรีได้แจ้งให้ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติซึ่งทำหน้าที่ประธานรัฐสภาตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญทราบเมื่อวันที่29พฤศจิกายนพุทธศักราช2559ว่า พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช มหิตลาธิเบศรรามาธิบดี จักรีนฤบดินทร สยามินทราธิราช บรมนาถบพิตร ได้ทรงแต่งตั้ง สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราลงกรณ สยามมกุฎราชกุมาร เป็นพระรัชทายาทไว้ตามกฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ พระพุทธศักราช 2467แล้ว

ข้าพระพุทธเจ้าได้ดำเนินการเรียกประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อรับทราบในคราวประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติครั้งที่76/2559เป็นพิเศษเมื่อวันที่29พฤศจิกายน พุทธศักราช 2559 และสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้รับทราบการแต่งตั้งพระรัชทายาทแล้ว

ข้าพระพุทธเจ้าประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติทำหน้าที่ประธานรัฐสภาในนามของปวงชนชาวไทยจึงขอพระราชทานอัญเชิญใต้ฝ่าละอองพระบาทขึ้นทรงราชย์เป็นพระมหากษัตริย์สืบราชสันตติวงศ์สืบไปเพื่อให้เป็นไปตามบทบัญญัติของกฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์พระพุทธศักราช2467และรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยฉบับชั่วคราวพุทธศักราช2557 มาตรา 2 วรรค 2 ประกอบกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2550 มาตรา 23 วรรค 1 ตั้งแต่วันพฤหัสบดีที่ 13 ตุลาคม พุทธศักราช 2559”

ในการนี้ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชดำรัสตอบรับการขึ้นทรงราชย์ ว่า “ตามที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภาและกล่าวในนามของปวงชนชาวไทย เชิญข้าพเจ้าขึ้นครองราชย์ เป็นพระมหากษัตริย์ ถ้าเป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร และเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์ กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น ข้าพเจ้าขอตอบรับเพื่อสนองพระราชปณิธานและเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทยทั้งปวง”

จากนั้นเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ไปประทับราบ ณ พระสุจหนี่หน้าพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงกราบถวายบังคม ทรงเปิดกรวยกระทงดอกไม้ ธูปเทียนแพ ทรงกราบราบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ กราบบังคมทูลถวายพระพรชัยมงคล จากนั้นทรงมีพระราชปฏิสันถารกับคณะผู้มาเฝ้าฯ เสด็จฯ ขึ้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย (ทรท.) ได้ทำการถ่ายทอดสดพร้อมกันทุกสถานีไปทั่วประเทศ ในเวลา 22.05 น. เพื่อให้ประชาชนได้รับชมพิธีมหามงคลครั้งนี้

ภายหลังเสร็จสิ้นการกราบบังคมทูลอัญเชิญเสด็จขึ้นทรงราชย์แล้วโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทยได้ออกแถลงการณ์สภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.)แถลงการณ์ของพล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร และเพลงสรรเสริญพระบารมี

























สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : โปรดเกล้าฯ ประกาศ เฉลิมพระปรมาภิไธยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

view