จากประชาชาติธุรกิจ
คอลัมน์ ชั้น5ประชาชาติ โดย ณัฏฐ์พิชญ์ วงษ์สง่า Montien_dea@yahoo.com
อีไอซี (Economic Intelligence Center : EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ได้วิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจในปี 2559 ล่าสุดว่า น่าจะมีการเติบโตเฉลี่ยที่ 3% จากเดิมที่คาดการณ์ไว้ว่าน่าจะอยู่ที่ 2.8%
พร้อมยังคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงที่เหลือของปีนี้มีแนวโน้มเติบโตได้ช้าลง และยังมีปัจจัยลบรุมเร้าอยู่หลายด้าน ทั้งรายได้ครัวเรือนที่ยังคงถูกกดดันจากสภาวะตลาดแรงงานที่ชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงกับการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชน การลงทุนภาคเอกชนที่ยังคงซบเซาจากภาคการส่งออกสินค้าที่ยังหดตัว
ขณะที่รัฐบาลก็ยังคงเดินหน้าสร้าง (ภาพ) ความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นในทุกภาคส่วน แต่ดูเหมือนว่าเครื่องยนต์ทางเศรษฐกิจของไทยจะเริ่มอยู่ในภาวะนิ่งและถดถอยเสียเป็นส่วนใหญ่
โดยเฉพาะด้านการส่งออกที่ยังคงชะลอตัวต่อเนื่อง เงินเฟ้อที่ยังสูงต่อเนื่องเพราะราคาสินค้าอุปโภคบริโภคยังคงไต่ระดับสูงขึ้นเป็นลำดับ
ที่สำคัญไปกว่านั้น ราคาพืชผลทางการเกษตรไม่ว่าจะเป็นข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ฯลฯ ยังคงดิ่งเหว คนทำมาค้าขายก็บ่นกันเป็นทิวแถวว่ายอดขายตกกันระเนระนาด
ส่งผลให้คนในประเทศต้องตกอยู่ในภาวะเงินในกระเป๋าลดน้อยลงเรื่อย ๆ รัดเข็มขัดให้แน่นขึ้น ระวังการใช้จ่ายทุกอย่าง
ผู้เขียนได้มีโอกาสพูดคุยกับนักการตลาดท่านหนึ่งเขาเล่าว่า ตอนนี้เศรษฐกิจของไทยเดินเข้ามาถึงจุดอันตรายแล้วจริง ๆ ถ้าดูจากแคมเปญการตลาดต่าง ๆ ที่ตอนนี้บรรดาค้าปลีกและซัพพลายเออร์ต่าง ๆ งัดเอาออกมาใช้จะเห็นชัดเจนมาก
สินค้าแห่มาทำแคมเปญซื้อ 1 แถม 1 หรือลด 50-80% กันมีท่วมตลาด แถมของยังเหลือค้างอยู่ในสต๊อก บางแบรนด์อยู่มาได้ 20-30 ปีก็ยังมีปิดตัวให้เห็น
ปรากฏการณ์ทางการตลาดและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้เป็นสัญญาณที่น่ากลัวมาก โดยเฉพาะในด้านแรงงานที่มีแนวโน้มคนจะตกงานกันมากขึ้น หรือได้รับค่าตอบแทนที่น้อยลง แต่ยังต้องกินต้องใช้ทุกวันเหมือนเดิม ไม่มีเหลือเก็บเหมือนเดิม
และเขายังฟันธงด้วยว่า หากรัฐบาลยังคิดแบบเดิม ๆ ทำแบบเดิม ๆ เหมือนที่ผ่านมาปลายปีนี้ต่อเนื่องต้นปีหน้ามี "ตาย" กันระเนระนาดอีกแน่
เพราะนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลในขณะนี้เป็นกลยุทธ์รูปแบบเดิม ๆ คือ คิดอะไรไม่ออกก็ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจออกมาเป็นระยะ ในระยะ 2 ปีที่ผ่านมามาตรการแบบนี้จะน่าออกมาราว 3-4 รอบแล้ว
อย่างล่าสุดนี้รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ โดยให้นำค่าใช้จ่ายจากการซื้อสินค้าและบริการในวงเงินไม่เกิน 15,000 บาท ให้สามารถนำไปลดหย่อยภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอีกระลอก ซึ่งเป็นมาตรการระยะสั้นเฉพาะเดือนธันวาคมนี้เท่านั้น
นักการตลาดรายนี้ท่านวิเคราะห์ว่า มาตรการดังกล่าวนี้ก็เป็นวิธีการแบบเดิม ๆ ที่ทางรัฐบาลพยายามออกมาเป็นระยะ ซึ่งในเชิงการตลาดมองว่ามาตรการรูปแบบนี้ส่งผลให้เกิดภาวะเศรษฐกิจหยุดชะงักในช่วงก่อนและหลังที่มีมาตรการ ซึ่งไม่ได้ส่งผลดีในเชิงเศรษฐกิจ
เพราะเป็นการสร้างดีมานด์เทียมขึ้นมาเอาตัวรอดไปในแต่ละช่วง มากกว่าที่จะสร้างให้เศรษฐกิจมีเสถียรภาพและเติบโตอย่างยั่งยืน
ฟังนักการตลาดท่านนี้วิเคราะห์แล้ว มาคิดผนวกกับข้อมูลเชิงวิเคราะห์ และคาดการณ์ทางเศรษฐศาสตร์ของหลาย ๆ สำนักแล้ว รู้สึกได้ทันทีว่าอนาคตของคนชั้นกลาง-ล่าง ซึ่งเป็นกลุ่มใหญ่ของประเทศอย่างเรา ๆ เริ่มอยู่ยากขึ้นทุกวัน !
สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน