สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

แท็กซี่ทำกร่าง! มี ลูกพี่เป็น ตำรวจ ดันซวยเจอ อัยการ

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

แท็กซี่ทำกร่าง! มี ลูกพี่เป็น “ตำรวจ” ดันซวยเจอ “อัยการ”
        แท็กซี่ไทยมีเรื่องให้เซอร์ไพร์สตลอดเวลา ล่าสุดทำงามหน้า ปฏิเสธผู้โดยสาร แถมหลังจากโดนผู้โดยสารร้องเรียนกลับโทรเรียกตำรวจให้มาจับ แต่ดันซวยซ้ำ เมื่อตำรวจที่ร่วมกระบวนการด้วยกันซักถามผู้โดยสารจนสืบทราบว่าเป็นอัยการ จึงหันมาจับตัวแท็กซี่ไปโรงพักแทน 

แท็กซี่ทำกร่าง! มี ลูกพี่เป็น “ตำรวจ” ดันซวยเจอ “อัยการ”
        เรื่องราวครั้งนี้ถูกเล่าในเฟซบุ๊กของ ทนาย สงกรานต์ อัจฉริยะทรัพย์ โดยเหตุการณ์มีอยู่ว่า “เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่10กุมภาพันธ์ 2560 เวลาประมาณ21.00น.ขณะที่ชายวัย54ปีเศษยืนรอ รถแท็กซี่บริเวณหน้าโรงแรมนารายณ์กรุงเทพมหานคร
       
       ขณะนั้นมีรถแท็กซี่เขียวเหลืองทะเบียน1มก-7978 กทม. จอดให้ผู้โดยสารลงดังนั้นชายวัย54ปีจึงเปิดประตู รถแท็กซี่แล้วบอกว่าให้ไปส่ง ณ ที่หมายซึ่งอยู่อีก ฟากหนึ่งของถนนแต่ปรากฏว่าโชเฟอร์สีเขียว เหลือง ท่านนั้นได้ปฏิเสธรับผู้โดยสารชายวัย54 ปี ท่านนี้!!!
       
       เมื่อโชเฟอร์รถแท็กซี่คันดังกล่าวปฏิเสธชายวัย 54 ปี ดังนั้นชายคนดังกล่าวจึงบอกว่า"ปฏิเสธรับผู้โดยสารผิดกฏหมายนะครับ"!!! .. เท่านั้นล่ะเป็นเรื่อง โชเฟอร์รถแท็กซี่คันดังกล่าว เปิดประตูรถแล้วลงมาพร้อมกับหยิบโทรศัพท์แล้ว กดเบอร์โทรศัพท์ไปหาใครไม่ทราบที่ต่อสายไป แต่ชายคนดังกล่าวได้ยินเสียงโชเฟอร์พูดเสียงดัง ชัดว่า!!!
       
       "... ลูกพี่ว่างไหม ? มีผู้โดยสารคนหนึ่งกวนตีน!! มาจับมันหน่อย!!!.."
       
       ประมาณ15 นาที มีรถจักรยานยนต์สายตรวจ มีนายตำรวจแต่งเครื่องแบบยศร้อยตำรวจโท นั่งซ้อนท้ายพลขับรถมาถึงที่เกิดเหตุแล้วเดินปรี่มา ประกบด้านข้างชายคนดังกล่าวซึ่งเป็นผู้โดยสาร ทำท่าจะจับ!!! ชายคนดังกล่าวเห็นท่าไม่ดีจึงได้ตะโกนบอก ร้อยตำรวจโทคนนั้นว่า"คุณจะมาจับผมเรื่องอะไร?"
       
       "คุณควรจะไปจับโชเฟอร์แท็กซี่ที่ปฏิเสธรับผู้โดยสารมากกว่า มิใช่มาจะมาจับผม.."
       เสียงตำรวจบอกว่า"คุณเป็นใคร?" " อ๋อ!!ผมเป็นอัยการ"ชายคนดังกล่าวตอบและ บอกให้ตำรวจที่สนิทสนมโชเฟอร์เป็นพิเศษนำตัว โชเฟอร์แท็กซี่ท่านนี้ที่ปฏิเสธผู้โดยสารแล้วกร่าง ไปดำเนินคดีตามกฏหมาย!!! "
       
       หลังจากนั้นตำรวจก็พาโชเฟอร์แท็กซี่ไปยังท้องที่
       
       2 วันต่อมาอัยการท่านนี้ก็โทรไปติดต่อสอบถาม ร้อยเวรที่เข้าเวรในวันดังกล่าวถึงเรื่องราวของการ ดำเนินคดีกับโชเฟอร์แท็กซี่รายนี้!!!
       
       แต่เรื่องกลับตาลปัตรเพราะตำรวจสายตรวจคนดังกล่าวที่สนิทกับโชเฟอร์แท็กซี่ มิใช่ตำรวจท้องที่เกิดเหตุและมิได้นำไปลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน อีกด้วยมิได้มีการดำเนินคดีตามกฎหมายแต่อย่างใด
       
       ทนายสงกรานต์แสดงความคิดเห็นต่อข้อสงสัยถึงเหตุการณ์ในครั้งนี้ว่า นายตำรวจท่านนั้น ที่อยู่ในชุดสายตรวจมาได้อย่างไร? ไม่ใช่ตำรวจท้องที่เกิดเหตุ และหากผู้โดยสารคนนี้ไม่ใช่อัยการ แต่เป็นผู้โดยสารทั่วไปแล้วเจอตำรวจจะเข้ามาจับแบบนี้ จะแก้ปัญหาอย่างไร
       
       สุดท้าย อัยการท่านนี้ไม่ยอมและได้ดำเนินคดีอาญาต่อศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง (ถนนรัชดาภิเษก กทม. เร็วๆ นี้ 

       
       
       ล่าสุด ทนายสงกรานต์ ได้โพสเล่าถึงเรื่องราวความคืบหน้าของคดีนี้ เมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาว่า “กระผมได้มีโอกาสคุยกับท่านอัยการ (ชื่อย่อ พ.) เป็นอัยการผู้เชี่ยวชาญฯ ระดับ 9 แล้วมาวิเคราะห์ว่า " ...ที่โชเฟอร์แท็กซี่รายนี้กร่างก็เพราะเห็นว่าท่านมีอายุแล้ว" (แต่งตัวธรรมดา เรียบง่าย แบบสุภาพเรียบร้อย รูปร่างผอมสูง ประมาณ 170 เซนติเมตร สวมแว่นตา และ ผิวขาว เนื่องจากเป็นคนจีน)
       
       เชื่อว่าโชเฟอร์ อาจจะคิดว่าเป็นชาวต่างชาติ แต่พอรู้ว่าเป็นคนไทย แล้วเจอคำพูดของท่านอัยการ (พ.)ในการพูดจี้ใจดำ "ปฏิเสธรับผู้โดยสาร ผิดกฏหมาย.." เลยโชว์พาวซะหน่อยแต่ไปๆ มาๆ กลับมาเจอตออย่างจังเบ้อเร่อเข้าให้ดังโครม!!
       
       เพราะอัยการฯ (พ.) เป็นอดีตอัยการจังหวัดมาแล้วหลายจังหวัด นอกจากนี้ท่านอัยการ หลังตกเป็นข่าวได้เล่าว่า...ทางนายตำรวจชุดจู่โจมยศร้อยตำรวจโท (ชื่อ ย่อว่า ส.) นายนี้ได้โทรศัพท์มาหาท่านอัยการฯแล้วร่ำไห้กล่าวต่างๆนานา" แล้วจะเดินทางไปพบท่านอัยการที่สำนักงานฯ ในเร็วๆ นี้ พร้อมจดแจ้งว่าจะดำเนินการกับโชเฟอร์แท็กซี่ (มีชื่อย่อว่า ต.รายนี้) ตามกฎหมายในความผิดที่เกี่ยวข้อง"
       
       ด้านนายณันทพงศ์ เชิดชู รองอธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้สั่งการให้กองตรวจการกรมการขนส่งทางบก เร่งดำเนินการสอบสวนหาข้อเท็จจริง โดยตรวจสอบจากกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าโรงแรมที่เกิดเหตุ แต่ก็ยังไม่พบว่ามีการกระทำผิดแต่อย่างใด ทางกรมการขนส่งทางบกจะติดตามคนขับรถแท็กซี่คันดังกล่าวมาสอบสวน
       
       หากผิดจริงจะมีความผิดและโทษปรับสูงสุด 1,000 บาท ส่วนการข่มขู่ผู้โดยสารมีโทษปรับสูงสุดอีก 1,000 บาท ซึ่งหากพบว่าเป็นการกระทำผิดซ้ำ จะพิจารณาพักใช้ใบอนุญาตขับขี่รถโดยสารสาธารณะทันที
       

       
       

สถิติ แท็กซี่ไม่รับผู้โดยสาร ครองแชมป์ ยอดร้องเรียนรถสาธารณะ
       

เมื่อวันที่11กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบกก็เพิ่งรายงานผล4เดือนแรกของงบประมาณปี60 (ระหว่างเดือนตุลาคม2559 -เดือนมกราคม2560)พบว่า ประชาชนร้องเรียนรถโดยสารในกทม.ผ่านศูนย์1584รวมทุกช่องทางกว่า18,000ครั้ง โดยแท็กซี่ได้รับการร้องเรียน12,900เรื่อง โดยเรื่องของการปฏิเสธไม่รับผู้โดยสารยังคงครองแชมป์ การแสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ มาเป็นอันดับสอง และการไม่ใช้มาตรค่าโดยสารรองลงมาตามลำดับ
       

สนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้กล่าวถึงขั้นตอนกระบวนการร้องเรียนเรื่องแท็กซี่ไว้ว่า “ทุกปัญหาการร้องเรียนของประชาชน กรมการขนส่งทางบก เร่งตรวจสอบและแจ้งผลการดำเนินการให้ผู้ร้องเรียนทราบทางSMSภายใน1-2วัน และแจ้งความคืบหน้าการดำเนินการเป็นระยะจนกว่าจะแก้ไขเรื่องร้องเรียนแล้วเสร็จ กรณีเรื่องร้องเรียนเร่งด่วนที่เป็นความผิดร้ายแรง หรือเป็นภัยต่อสังคม เช่น ทำร้ายผู้โดยสาร ทำอนาจาร หรือลวนลามผู้โดยสาร แนะนำให้มีการแจ้งความดำเนินคดีร่วมด้วย และสำหรับความผิดอาญา หรือทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างร้ายแรง จะส่งตัวดำเนินคดีและเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที ทั้งนี้ ขอให้ผู้ร้องเรียน ระบุรายละเอียดรถและผู้ขับรถคันที่ทำความผิดไว้อย่างละเอียด”
       

หากนำสถิติมาบวก ลบ คูณ หารแล้ว ตลอดสี่เดือนจะมีผู้ร้องเรียนกว่า12,900ราย เฉลี่ยรายวันจะมีการร้องเรียนเรื่องแท็กซี่ถึง107ครั้ง!
       

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ผู้โดยสารหลายคนจึงต้องเลือกใช้บริการ แท็กซี่ทางเลือกทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นUber Taxi, Grab TaxiหรือEasy Taxiที่ไม่ต้องถูกปฏิเสธ มารยาทดี รู้ประวัติคนขับ จ่ายผ่านบัตรเครดิต แถมยังมีโปรโมชั่นส่วนลดเพียบ
       


       

เมื่อปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสารของแท็กซี่ไทยดูท่าจะจบยาก แต่คดีนี้ ท่านอัยการลั่น ต้องเอาให้จบแน่ ส่วนเรื่องราวคดีจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องติดตามกันต่อว่าตำรวจไทยจะพึ่งพาได้จริงรึเปล่า?
       


       



แท็กซี่ทำกร่าง! มี ลูกพี่เป็น “ตำรวจ” ดันซวยเจอ “อัยการ”
        โลกโซเชียล ลุ้นเอาผิดตำรวจ “ลูกพี่” ให้ถึงที่สุด
       
       กรณีดังกล่าวไม่เพียงแต่คนขับแท็กซี่เท่านั้น ที่โดนกระหน่ำคอมเมนต์ให้เอาเรื่องจนถึงที่สุด แต่ตำรวจยศร้อยตำรวจโทคนดังกล่าวก็โดนชาวเน็ตรุมเช็คบิลด้วย จากหลายๆ ความคิดเห็นภายใต้สเตตัสของทนายสงกรานต์ ที่คาดโทษรอ
       
       XXX     ติดตามค่ะ อยากให้เป็นคดีตัวอย่าง สำหรับแท็กซี่ปฏิเสธผู้โดยสาร บ่อยมากที่เจอ เจอมาหน้าสนามบินดอนเอง แจ้งแล้วเรื่องก็เงียบ เพราะความไม่ใส่ใจของเจ้าหน้าที่ เพราะเห็นว่าเป็นเรื่องเล็กๆ และตรวจสอบสายตรวจคนนั้นว่าเป็น ตร. จริงหรือปลอม ถ้าจริง!! อย่าว่าให้เห็นใจอาชีพเดียวกันนะคะ แต่เกลียดมาก พวกเอาอาชีพตัวเองมาใช้ผิดๆ อยากให้มีบทลงโทษหนักๆ ถ้าประชาชนพึ่ง ตร. ยังไม่ได้ ก็ลาออกไปเป็นมาเฟียดีกว่าค่ะ
       
       XXX    นี่ไง ถ้าเป็นตาสียายสาทำไงกันคะ คงหาเรื่องเอาคดีให้เค้าแน่นอน ดีนะเป็นท่านอัยการดำเนินการให้ถึงที่สุดเลยครับท่าน ทั้งโชเฟอร์และตำรวจ
       
       XXX    ถ้าเป็นเรื่องแบบจริง จะจับใครก่อนดี เริ่มจากตำรวจยศร้อยโท ทำงานนอกพื้นที่ไม่ได้ ก็หมายถึงประพฤติมิชอบ หรือคนขับไม่รับผู้โดยสาร
       
       XXX    ถ้าจะทำงานกันจริงจังกว่านี้ หน่วยงานที่กำกับดูแลควรสุ่มตรวจช่วงเวลาหลังเลิกงานราชการด้วยนะคะ ท่านจะเห็นปัญหาที่ชัดเจนและมากมาย มากกว่าที่จะนั่งรอคำร้องเรียนจากปชช. อย่าเช่นครั้งนี้ที่ท่านอัยการเจอโดยบังเอิญ ถึงแม้จะไม่ใช่หน้าที่โดยตรงของท่านแต่ท่านก็ไม่ยอมให้มันผ่านไปเฉยๆ เพื่อให้สังคมได้ประโยชน์จากเหตุการณ์นี้บ้าง .. ขอฝากกรมขนส่งด้วยนะคะ ถ้าท่านควบคุมได้ดีกว่านี้ ประชาชนคงไม่แห่ซื้อรถส่วนตัวกันมากไปกว่าทุกวันนี้ค่ะ 

แท็กซี่ทำกร่าง! มี ลูกพี่เป็น “ตำรวจ” ดันซวยเจอ “อัยการ”
        สถิติ แท็กซี่ไม่รับผู้โดยสาร ครองแชมป์ ยอดร้องเรียนรถสาธารณะ
       
       เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบกก็เพิ่งรายงานผล 4 เดือนแรกของงบประมาณปี 60 (ระหว่างเดือนตุลาคม 2559 - เดือนมกราคม 2560) พบว่า ประชาชนร้องเรียนรถโดยสารในกทม. ผ่านศูนย์ 1584 รวมทุกช่องทางกว่า 18,000 ครั้ง โดยแท็กซี่ได้รับการร้องเรียน 12,900 เรื่อง โดยเรื่องของการปฏิเสธไม่รับผู้โดยสารยังคงครองแชมป์ การแสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ มาเป็นอันดับสอง และการไม่ใช้มาตรค่าโดยสารรองลงมาตามลำดับ
       
       สนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้กล่าวถึงขั้นตอนกระบวนการร้องเรียนเรื่องแท็กซี่ไว้ว่า “ทุกปัญหาการร้องเรียนของประชาชน กรมการขนส่งทางบก เร่งตรวจสอบและแจ้งผลการดำเนินการให้ผู้ร้องเรียนทราบทาง SMS ภายใน 1-2 วัน และแจ้งความคืบหน้าการดำเนินการเป็นระยะจนกว่าจะแก้ไขเรื่องร้องเรียนแล้วเสร็จ กรณีเรื่องร้องเรียนเร่งด่วนที่เป็นความผิดร้ายแรง หรือเป็นภัยต่อสังคม เช่น ทำร้ายผู้โดยสาร ทำอนาจาร หรือลวนลามผู้โดยสาร แนะนำให้มีการแจ้งความดำเนินคดีร่วมด้วย และสำหรับความผิดอาญา หรือทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างร้ายแรง จะส่งตัวดำเนินคดีและเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที ทั้งนี้ ขอให้ผู้ร้องเรียน ระบุรายละเอียดรถและผู้ขับรถคันที่ทำความผิดไว้อย่างละเอียด”
       
       หากนำสถิติมาบวก ลบ คูณ หารแล้ว ตลอดสี่เดือนจะมีผู้ร้องเรียนกว่า 12,900 ราย เฉลี่ยรายวันจะมีการร้องเรียนเรื่องแท็กซี่ถึง 107 ครั้ง!
       
       ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ผู้โดยสารหลายคนจึงต้องเลือกใช้บริการแท็กซี่ทางเลือกทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นUber Taxi, Grab Taxi หรือ Easy Taxi ที่ไม่ต้องถูกปฏิเสธ มารยาทดี รู้ประวัติคนขับ จ่ายผ่านบัตรเครดิต แถมยังมีโปรโมชั่นส่วนลดเพียบ
       
       เมื่อปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสารของแท็กซี่ไทยดูท่าจะจบยาก แต่คดีนี้ ท่านอัยการลั่น ต้องเอาให้จบแน่ ส่วนเรื่องราวคดีจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องติดตามกันต่อว่าตำรวจไทยจะพึ่งพาได้จริงรึเปล่า? 


       
       

สถิติ แท็กซี่ไม่รับผู้โดยสาร ครองแชมป์ ยอดร้องเรียนรถสาธารณะ
       

เมื่อวันที่11กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา กรมการขนส่งทางบกก็เพิ่งรายงานผล4เดือนแรกของงบประมาณปี60 (ระหว่างเดือนตุลาคม2559 -เดือนมกราคม2560)พบว่า ประชาชนร้องเรียนรถโดยสารในกทม.ผ่านศูนย์1584รวมทุกช่องทางกว่า18,000ครั้ง โดยแท็กซี่ได้รับการร้องเรียน12,900เรื่อง โดยเรื่องของการปฏิเสธไม่รับผู้โดยสารยังคงครองแชมป์ การแสดงกิริยาวาจาไม่สุภาพ มาเป็นอันดับสอง และการไม่ใช้มาตรค่าโดยสารรองลงมาตามลำดับ
       

สนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ได้กล่าวถึงขั้นตอนกระบวนการร้องเรียนเรื่องแท็กซี่ไว้ว่า “ทุกปัญหาการร้องเรียนของประชาชน กรมการขนส่งทางบก เร่งตรวจสอบและแจ้งผลการดำเนินการให้ผู้ร้องเรียนทราบทางSMSภายใน1-2วัน และแจ้งความคืบหน้าการดำเนินการเป็นระยะจนกว่าจะแก้ไขเรื่องร้องเรียนแล้วเสร็จ กรณีเรื่องร้องเรียนเร่งด่วนที่เป็นความผิดร้ายแรง หรือเป็นภัยต่อสังคม เช่น ทำร้ายผู้โดยสาร ทำอนาจาร หรือลวนลามผู้โดยสาร แนะนำให้มีการแจ้งความดำเนินคดีร่วมด้วย และสำหรับความผิดอาญา หรือทำลายภาพลักษณ์การท่องเที่ยวอย่างร้ายแรง จะส่งตัวดำเนินคดีและเพิกถอนใบอนุญาตขับรถทันที ทั้งนี้ ขอให้ผู้ร้องเรียน ระบุรายละเอียดรถและผู้ขับรถคันที่ทำความผิดไว้อย่างละเอียด”
       

หากนำสถิติมาบวก ลบ คูณ หารแล้ว ตลอดสี่เดือนจะมีผู้ร้องเรียนกว่า12,900ราย เฉลี่ยรายวันจะมีการร้องเรียนเรื่องแท็กซี่ถึง107ครั้ง!
       

ด้วยเหตุผลเหล่านี้ ผู้โดยสารหลายคนจึงต้องเลือกใช้บริการ แท็กซี่ทางเลือกทั้งหลาย ไม่ว่าจะเป็นUber Taxi, Grab TaxiหรือEasy Taxiที่ไม่ต้องถูกปฏิเสธ มารยาทดี รู้ประวัติคนขับ จ่ายผ่านบัตรเครดิต แถมยังมีโปรโมชั่นส่วนลดเพียบ
       


       

เมื่อปัญหาการปฏิเสธผู้โดยสารของแท็กซี่ไทยดูท่าจะจบยาก แต่คดีนี้ ท่านอัยการลั่น ต้องเอาให้จบแน่ ส่วนเรื่องราวคดีจะเป็นอย่างไรนั้น คงต้องติดตามกันต่อว่าตำรวจไทยจะพึ่งพาได้จริงรึเปล่า?
       


       


สำนักงานสอบบัญชี,#สอบบัญชี,สำนักงานบัญชี,#ทำบัญชี,#ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : แท็กซี่ทำกร่าง ลูกพี่เป็น ตำรวจ ซวย อัยการ

view