จาก กรุงเทพธุรกิจออนไลน์

รพี สุจริตกุล

ครั้งที่แล้ว ผมได้เล่าไว้ว่าในยุคที่เกิดภาวะดอกเบี้ยต่ำเป็นเวลานาน ทำให้ผู้ลงทุนถูกกดดันให้ต้องแสวงหาผลตอบแทนจากการลงทุนที่สูงขึ้น (search for yield) เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายทางการเงินที่วางไว้ได้ โดยการพยายาม search for yield นี้ ก็อาจมาพร้อมกับความเสี่ยงจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นด้วย ซึ่งผู้ลงทุนควรมีความเข้าใจในความเสี่ยงของสินทรัพย์ที่ลงทุน และคอยติดตามข่าวสารเพื่อประเมินสถานการณ์และพิจารณาปรับพอร์ตการลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงและโอกาสที่จะได้รับผลตอบแทนที่ยอมรับได้ 

เรื่องของ search for yield นี้ อาจจะนำพามาซึ่งความเสี่ยงอย่างอื่นอีกด้วยนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการถูกชักชวนให้ลงทุนแล้วบอกว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงโดยไม่มีความเสี่ยง ซึ่งช่วงนี้จะพบเห็นและปรากฏเป็นข่าวหลายกรณี โดยรูปแบบของการชักชวนก็คล้าย ๆ กัน อาทิ โฆษณาลงในโซเชียลมีเดียว่า ลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนสูงถึง15% บ้าง 20% บ้าง ไม่มีความเสี่ยง เงินต้นอยู่ครบ ซึ่งโฆษณากันแบบนี้ ในยุคที่ผู้ลงทุน โดยเฉพาะผู้ฝากเงิน หรือผู้ลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้ กำลังเจออัตราดอกเบี้ยต่ำเช่น ฝากประจำหนึ่งปีก็ได้ดอกเบี้ยประมาณ 1% กว่า ๆ ก็อาจทำให้เริ่มหน้ามืดในการที่จะหลงเชื่อการโฆษณาที่ไม่น่าเป็นจริงเป็นจังได้เลย และกลับกลายเป็นจังหวะหรือช่องทางให้ผู้ที่ไม่ประสงค์ดี สามารถหาเงินได้ง่าย ๆ นะครับ 

การเสนอผลตอบแทนสูง ๆ หลายครั้งก็มาจากผู้ที่ตั้งใจจะมาฉ้อโกง ลงทุนไปแล้วสักพักก็อาจจะตามตัวไม่ได้ โทรไปก็ไม่รับสาย หายสาบสูญไปเลย หรือในหลาย ๆ ครั้ง ก็มีการเสนอแพ็คเกจในทำนองที่ว่า จะได้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นอีกหากสามารถหาสมาชิกเพิ่มเติมมาเป็นทอด ๆ ได้ หรือบางทีก็เน้นแต่เพียงหาสมาชิกอย่างเดียว หาเยอะ ๆ ผลตอบแทนยิ่งเยอะ ไม่ได้สนใจเรื่องของการลงทุนเลย แบบนี้ก็อาจเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ซึ่งแม้ที่ผ่านมาก็มีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่ามีผู้เสียหายจำนวนมากมายจากบรรดาแชร์แม่นั้นแม่นี้ หรือแชร์ชื่อดูอินเตอร์มานักต่อนักแล้วและแชร์ลูกโซ่นี้ก็จะเข้าข่ายความผิดตามมีพระราชกำหนดการกู้ยืมเงินที่เป็นการฉ้อโกงประชาชน พ.ศ. 2527 ด้วย แต่ก็ยังคงมีให้เห็นอยู่เรื่อย ๆ นะครับ 

แต่ถ้าเป็นกรณีเสนอขายหลักทรัพย์ต่อสาธารณะหรือระดมทุนจากประชาชน อย่างเช่นการลงคำชักชวนผ่านอินสตาแกรม ไลน์ หรือเฟซบุ๊ค ก็ต้องบอกว่า การระดมทุนโดยเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนทั่วไป อยู่ภายใต้กฎหมายหลักทรัพย์ ซึ่งจะต้องได้รับอนุญาตจาก ก.ล.ต. ก่อนจึงจะสามารถระดมทุนได้หรือถ้าหากเป็นการรับจัดจำหน่ายหลักทรัพย์ให้กิจการอื่น เพื่อกระจายให้ประชาชน ก็ต้องได้รับใบอนุญาตจาก ก.ล.ต. ก่อนเช่นกันครับ 

ผมอยากให้ท่านที่เห็นโฆษณาหรือได้รับการชักชวน ตั้งข้อสงสัยไว้ก่อนว่า การเชิญชวนให้ลงทุนในหลักทรัพย์ที่รับประกันผลตอบแทนสูงเกินกว่าจะเกิดขึ้นได้จริง มาจากผู้ประกอบการที่มีใบอนุญาตหรือไม่ หรือการเสนอขายหลักทรัพย์นั้นได้รับอนุญาตหรือไม่ เพราะอาจเป็นช่องทางสู่การโกงโดยมิจฉาชีพได้ โดยการตรวจสอบก็ทำได้ง่าย ๆ ครับ ก.ล.ต.ได้แสดงรายชื่อผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับใบอนุญาต และข้อมูลหนังสือชี้ชวนของหลักทรัพย์ที่ได้รับอนุญาตให้เสนอขายต่อประชาชนไว้แล้วบนเว็บไซต์ของ ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th หรือหากไม่มั่นใจ ก็สามารถโทรศัพท์ติดต่อสอบถามหรือขอคำแนะนำได้ที่สายด่วนของ ก.ล.ต. หมายเลขโทรศัพท์ 1207 

เรื่องของการชักชวนให้ลงทุนโดยเสนอผลตอบแทนสูง ๆ นี้ ก.ล.ต. ก็ได้รับเรื่องร้องเรียนหรือมีผู้มาขอคำปรึกษาอยู่เนือง ๆ ครับ และหากพบเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายหลักทรัพย์ก.ล.ต. ก็พร้อมดำเนินคดีทันทีโดยไม่ต้องมีผู้เสียหายมาร้องทุกข์ก่อน และในบางกรณีก็อาจจะเกี่ยวพันกับกฎหมายหลายฉบับ ภายใต้การกำกับดูแลของหลายหน่วยงานด้วยกัน ซึ่ง ก.ล.ต. ก็จะได้หารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในการร่วมกันทำงานแบบบูรณาการ เพื่อรักษาความมั่นคงของระบบเศรษฐกิจโดยรวมและเสริมสร้างความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนครับ 

“ก.ล.ต. ดูแลตลาดทุน เพื่อให้คุณมั่นใจ”

สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน