สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ฟอร์ซพอยต์ เผยผลการศึกษาไซเบอร์ ซิเคียวริตีในเอเชีย แปซิฟิก

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

       ข้อมูลนี้แสดงให้เห็นถึงการพบที่สำคัญของตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมาจากการศึกษาทั่วโลกของฟอร์ซพอยต์ ในด้านของมนุษย์ ในส่วนของพฤติกรรม เจตนารมณ์ และข้อมูลเรื่อง The Human Point : An Intersection of Behaviours, Intent & Data ซึ่งรวบรวมจากผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ จำนวน 1,252 คน
       
       ทั้งนี้ ฟอร์ซพอยต์ ดำเนินการศึกษาข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ จำนวน 1,252 คนทั่วโลก เมื่อเดือนมกราคม 2560 เอกสารวิจัยชิ้นนี้เป็นการศึกษาข้อมูลจากผู้ตอบแบบสอบถามในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเท่านั้น สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกที่เข้าร่วมการศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีตำแหน่งระดับเจ้าหน้าที่ด้านสารสนเทศและเทคโนโลยีในระดับ C จนถึงผู้มีอำนาจในการตัดสินใจ และวิศวกรด้านไอทีระดับอาวุโส และทำงานอยู่ในหลากหลายอุตสาหกรรม ตั้งแต่สาธารณูปโภค ร้านค้าปลีก และการก่อสร้าง ตลอดจนด้านกฎหมาย หน่วยงานราชการ และการเงิน สำหรับขนาดองค์กรที่เข้าร่วมในการศึกษาวิจัยครั้งนี้ มีตั้งแต่ขนาดเล็ก (พนักงานน้อยกว่า100 คน) จนถึงขนาดใหญ่ (พนักงานมากกว่า 25,000 คน)
       
       ผลการศึกษาพบว่า ระบบ “เครือข่าย” กำลังถูกกัดกร่อนอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของการใช้บริการคลาวด์สาธารณะ และส่วนตัว การนำอุปกรณ์ส่วนตัวมาใช้งานภายในองค์กร หรือบีวายโอดี (BYOD) และสื่อบันทึกข้อมูลแบบถอดได้ (Removable Media) ซึ่งผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์ และไอทีต้องทบทวนกับคำจำกัดความใหม่ของระบบเครือข่าย
       
       ปัจจุบัน มีองค์กรธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกประมาณ 38% กำลังใช้บริการคลาวด์ส่วนตัวเพื่อจัดเก็บและเข้าถึงข้อมูลสำคัญ โดยมีสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 (26%) ที่อนุญาตให้มีการใช้ บีวายโอดี โดย 20% กำลังใช้ระบบคลาวด์สาธารณะ และ 26% กำลังใช้สื่อบันทึกข้อมูลแบบถอดได้ การเพิ่มจำนวนการใช้บีวายโอดี (BYOD) รวมถึงนโยบายองค์กรที่อนุญาตให้พนักงานสามารถใช้โซเชียลมีเดียได้นั้น กำลังสร้างความกังวลให้กแก่กลุ่มผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์
       
       องค์กรธุรกิจมากถึง 65% มีความกังวลอย่างมากถึงมากที่สุดจาก “การผสมรวม” แอปพลิเคชันส่วนตัวและธุรกิจเข้าไว้ด้วยกันในอุปกรณ์ที่ใช้งานอยู่ และองค์กรธุรกิจที่เหลือ (35%) มีความกังวลปานกลางหรือเล็กน้อย ซึ่งขณะนี้ความสามารถในการมองเห็นขององค์กรกำลังถูกท้าทายอย่างมาก เนื่องจากข้อมูลได้ขยายครอบคลุมทั้งที่เป็นส่วนของบริษัท ของพนักงาน และของแอปพลิเคชัน (องค์กร และผู้ใช้)
       
       มีองค์กรธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพียง 6% เท่านั้นที่มีความสามารถในการมองเห็นอย่างดีเยี่ยมครอบคลุมลักษณะการใช้งานข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญของพนักงานในอุปกรณ์ของบริษัท อุปกรณ์ของพนักงาน บริการที่บริษัทให้การอนุมัติใช้งานได้ เช่น เอ็กซ์เชนจ์ (Exchange) และบริการที่พนักงานใช้งานอยู่ เช่น กูเกิล ไดรฟ์ (Google Drive) จีเมล (Gmail) และมีประมาณ 51% ที่สามารถมองเห็นการใช้งานข้อมูลธุรกิจที่สำคัญได้ปานกลางหรือเล็กน้อย ผู้ตอบแบบสอบถามส่วนใหญ่ในสัดส่วน 37% จัดอันดับให้อีเมลมีความเสี่ยงต่อข้อมูลสำคัญทางธุรกิจสูงสุด ตามด้วยโซเชียลมีเดีย อุปกรณ์เคลื่อนที่ และแล็บท็อป โดยความเชื่อมั่นสูงสุดอยู่ที่แอปของบุคคลที่สามที่ติดตั้งภายในองค์กร ซึ่งมีเพียง 7% ที่มองว่าเป็นข้อกังวลอันดับหนึ่งของตน
       
       สิ่งที่เป็นอันตรายต่างๆ เช่น มัลแวร์ ครอบคลุมจนถึงสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่คาดคิด เช่น พฤติกรรมที่ไม่ตั้งใจของผู้ใช้ ทำให้องค์กรกำลังต่อสู้กับการกระทำของบุคลากรที่อาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านการรักษาความปลอดภัยได้ บรรดาผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกจัดอันดับให้มัลแวร์มีความเสี่ยงด้านการรักษาความปลอดภัยสูงสุด (30%) ตามด้วยพฤติกรรมที่ไม่ตั้งใจของมนุษย์ (24%) การดำเนินการที่ผิดกฎหมายของพนักงาน (10%) และพนักงานที่ทุจริต (12%)
       
       การลงทุนด้านเทคโนโลยี (ข้อมูลขนาดใหญ่ หรือ Big Data) มีแนวโน้มค่อนข้างต่ำองค์กรธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเพียง 18% เท่านั้นที่เห็นด้วยอย่างยิ่งว่าต้องนำเทคโนโลยีเพิ่มเติมมาใช้เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการรักษาความปลอดภัยให้แก่องค์กรธุรกิจของตน และมีองค์กรธุรกิจเพียง 34% ที่กำลังรวมข้อมูลขนาดใหญ่ไว้ในแนวทางการบริหารจัดการด้านความปลอดภัยของตน ขณะที่ 29% มองว่าข้อมูลขนาดใหญ่เป็นอุปสรรคต่อการรักษาความปลอดภัยสำหรับองค์กรของตน
       
       ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์เห็นด้วยว่าเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งที่จะต้องเข้าใจพฤติกรรม และเจตนาของบุคคลเมื่อดำเนินการต่อทรัพย์สินทางปัญญาและข้อมูลทางธุรกิจอื่นๆ แต่มีจำนวนเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่สามารถเข้าใจในสิ่งดังกล่าวได้อย่างแท้จริง ประมาณ 74% ขององค์กรธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกตระหนักถึงความสำคัญของการทำความเข้าใจในพฤติกรรม และเจตนาของพนักงานในมุมมองด้านความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม มากกว่า 60% ไม่เชื่อว่าพวกเขามีความเข้าใจมากพอเกี่ยวกับพฤติกรรมและเจตนาของบุคลากรที่กระทำต่อข้อมูลทางธุรกิจ และปัจจุบันองค์กรธุรกิจปล่อยให้ตัวเองต้องตกอยู่ในความเสี่ยงต่อภัยคุกคามอันเนื่องมาจากการกระทำของพนักงานภายในเครือข่าย โดย 61% ไม่มั่นใจเกี่ยวกับการรับรู้ถึงการกระทำที่ต้องสงสัย หรือผิดปกติภายในเครือข่าย
       
       เมื่อพิจารณาแนวโน้มในอนาคต ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมองเห็นข้อดีอย่างชัดเจนในการให้ความสำคัญต่อผู้ใช้และพฤติกรรม ทั้งด้านการเงินและการดำเนินงาน เนื่องจากสิ่งนี้ถือเป็นหัวใจสำคัญของกลยุทธ์ด้านการรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่างแท้จริงโดย 74% ขององค์กรธุรกิจในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกเห็นด้วยอย่างยิ่งหรือเห็นด้วยว่าการให้ความสำคัญต่อพฤติกรรมของมนุษย์มากขึ้นจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้านการรักษาความปลอดภัย และการใช้งบประมาณขององค์กรได้ ทั้งนี้ ไม่มีองค์กรธุรกิจรายใดเห็นแย้งในประเด็นนี้


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ฟอร์ซพอยต์ ผลการศึกษา ไซเบอร์ ซิเคียวริตี เอเชีย แปซิฟิก

view