สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ตลาดบีอีกำลังจะวาย

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ คนเดินตรอก โดย ดร.วีรพงษ์ รามางกูร

การที่เศรษฐกิจซบเซาติดต่อกันมาเป็นเวลาหลายปี และยังไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นคืนชีพอย่างที่รัฐบาลคาดหวัง บริษัทต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริษัทขนาดย่อมและขนาดกลาง ที่ผลิตชิ้นส่วนหรือสินค้าสำเร็จรูปเพื่อการส่งออก หรือแม้แต่ผลิตเพื่อสนองความต้องการของตลาดภายใน ต่างก็มีปัญหาในการขายสินค้า ทำยอดขายไม่ได้ตามเป้า

การที่ภาวะเศรษฐกิจภายนอกประเทศซบเซา ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทุกชนิดตกต่ำ รายได้ต่อครัวเรือนตกต่ำ กำลังซื้อของครัวเรือนหดหายไป เมื่อรายได้ของครัวเรือนตกต่ำลงแล้ว จำนวนหนี้สิน ของครัวเรือนจะเท่าเดิมหรือลดลง แต่สัดส่วนหนี้สินของครัวเรือนต่อรายได้ของครัวเรือนจะสูงขึ้น ก็ยิ่งทำให้ครัวเรือนต้องลดค่าใช้จ่ายในการบริโภคมากยิ่งขึ้นเป็นทวีคูณ

ความซบเซาทางเศรษฐกิจที่ยืดเยื้อและยังไม่เห็นสัญญาณที่จะหยุดซบเซาหรือฟื้นตัวส่งผลให้บริษัทห้างร้านผู้ผลิตและผู้ประกอบการไม่สามารถชำระหนี้ได้จึงเกิดปรากฏการณ์ที่บริษัทหลายบริษัทไม่ได้รับความไว้วางใจ เมื่อตั๋วเงินระยะสั้น
ที่ระดมเงินมาจากประชาชน

ปกติตั๋วเงินระยะสั้นหรือตั๋วบีอีหรือ BE จะมีอายุ 3 ถึง 6 เดือน หรือไม่เกิน 1 ปี ดอกเบี้ยเป็นไปตามภาวะตลาด แต่จะต่ำกว่าดอกเบี้ยเงินกู้ระยะยาว เมื่อครบกำหนดไถ่ถอนตามระยะเวลา อาจจะ 1 เดือน 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี ผู้ถือตั๋วระยะสั้นก็จะรับดอกเบี้ยไป แล้วก็ต่ออายุบีอีออกไปอีก เป็นปกติของตลาดเงินทุนระยะสั้น เช่นว่าตั้งแต่ต้นปีเป็นต้นมา มีบางบริษัทที่ออกตั๋วบีอี แล้วพอครบกำหนดอายุไม่สามารถไถ่ถอนตั๋วหรือต่ออายุตั๋วเช่นว่านี้ได้ เมื่อผู้ถือตั๋วไม่ต่ออายุให้ตามข่าวอย่างที่หนังสือพิมพ์ “ข่าวหุ้น” เสนอ เมื่อมีบริษัทที่ไม่สามารถต่ออายุตั๋วบีอีได้ ก็ทำให้ผู้ถือบีอีทั้งหมดเริ่มหวั่นไหว สถานการณ์เริ่มลุกลาม ทำให้ตลาดขาดความเชื่อมั่น ตั๋วเงินระยะสั้นแม้มีไม่มากเมื่อเทียบกับตลาดเงินทั้งหมด
กล่าวคือ มีเพียงประมาณ 3 แสนล้านบาท

ถึงแม้ว่าผู้ถือตั๋วชนิดนี้ทั้งหมดจะไม่ต่ออายุให้ก็ตาม แต่สิ่งที่หวั่นไหวกันก็คือ เกรงว่าจะลุกลามต่อไปถึงตลาดหุ้นกู้ หรือตลาด debentures ซึ่งขณะนี้มูลค่าของหุ้นกู้ที่บริษัทเอกชนออกหุ้นกู้ขายให้กับประชาชนในตลาดมีอยู่ประมาณ 2.8 ล้านล้านบาท ซึ่งจะทยอยครบกำหนดไถ่ถอนไปเรื่อย ๆ เพราะขณะนี้เกิดภาวะเงินตึงตัวซึ่งมีสาเหตุมาจากสถานการณ์การส่งออกและภาวะเศรษฐกิจซบเซา

ในสภาพเศรษฐกิจขาลงก็มักจะเกิดสภาวะที่บริษัทห้างร้านคาดการณ์สถานการณ์ตลาดผิดพลาดได้ยิ่งเมื่อรองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจซึ่งน่าจะรู้สภาพเศรษฐกิจดีที่สุดออกมาประกาศให้ความมั่นใจว่าเศรษฐกิจได้เริ่มฟื้นตัวตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว บริษัทห้างร้านเอกชนจึงคาดการณ์เศรษฐกิจดีเกินความจริงไป

เมื่อเอกชนรวมทั้งรัฐวิสาหกิจคาดการณ์ตลาดดีเกินความจริงก็จะสั่งสินค้าวัตถุดิบชิ้นส่วนรวมทั้งผลิตสินค้ามากเกินไป ทำให้สินค้าคงเหลือหรือ stock สินค้า วัตถุดิบ ชิ้นส่วน รวมทั้งสินค้าสำเร็จรูปเหลือค้างสต๊อกเป็นจำนวนมาก เมื่อสินค้าทั้งหมดทั้งที่เป็นวัตถุดิบ ชิ้นส่วน รวมทั้งสินค้าสำเร็จรูป ค้างสต๊อกมากก็ทำให้เงินไปจมอยู่กับสินค้าที่

ค้างสต๊อกดังกล่าว เมื่อขาดเงินหมุนเวียนก็ออกตั๋วระยะสั้นกู้เงินในตลาด เมื่อตั๋วเงินกู้ระยะสั้นที่กู้มาเป็นเงินหมุนเวียนครบกำหนด ผู้ออกตั๋วเช่นว่านั้นก็ไม่สามารถไถ่ถอนตั๋วเงินที่ผู้ถือตั๋วเงินมาต่ออายุตั๋วเงินให้ได้ สินเชื่อประเภทนี้

ธนาคารพาณิชย์หวั่นไหวมาก จึงมีข่าวอยู่เสมอว่าธนาคารพาณิชย์ไม่ยอมปล่อยสินเชื่อให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก และพยายามจัดทุนสำรองเพิ่มไว้สำหรับหนี้เสีย โดยเพิ่มมากกว่าจำนวนที่กฎหมายกำหนด ธนาคารจึงจะมีความมั่นคง

ขณะเดียวกันเมื่อตลาดตั๋วระยะสั้น หรือตลาดบีอีค่อย ๆ หายไป การออกหุ้นกู้ระยะยาวในระยะนี้คงจะเป็นไปได้ยาก เมื่อหุ้นกู้ครบกำหนดไถ่ถอน ผู้ถือตราสารการเงินประเภทนี้ก็คงจะประพฤติตัวเหมือนกับผู้ถือตั๋วการเงินระยะสั้น คือกลับมาถือเงินสดแทนตราสารหนี้ เงินสดที่เหลือในมือของครัวเรือนก็คงจะไหลไปที่ธนาคารพาณิชย์ ธนาคารพาณิชย์ก็จะมีเงินเหลือเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นอีกเพราะสินเชื่อปล่อยไม่ออก เพราะต้องระมัดระวังความเสี่ยงมากกว่าปกติ ก็จะนำเงินที่เหลือเช่นว่าไปฝากหรือไปซื้อพันธบัตรของธนาคารแห่งประเทศไทย ที่ออกมาดูดซับ

สภาพคล่องกลับไปเพื่อรักษาปริมาณเงินในระบบให้อยู่ในกรอบของนโยบาย ขณะนี้เงินที่ธนาคารพาณิชย์ปล่อยไม่ออกและนำไปฝากธนาคารแห่งประเทศไทยมีถึง 4.65 ล้านล้านบาท และคงจะมากขึ้นเรื่อย ๆ เงินก็จะหายไปจากตลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ

เป็นที่คาดการณ์กันได้แน่ ๆ ว่า ตั๋วบีอีคงจะทยอยหายไป และคงจะหมดไปจากตลาด หรือมีในตลาดน้อยมากเมื่อถึงสิ้นปีนี้ ความผันผวนของตลาดเงินที่เกิดขึ้นสร้างความไม่แน่นอนอย่างมาก ทั้งในเรื่องอัตราดอกเบี้ย อัตราแลกเปลี่ยนและอื่น ๆ ซึ่งยากแก่การคาดการณ์การที่ตลาดบีอีปิดตัวลง ย่อมจะส่งผลให้ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมขาดสภาพคล่องที่เคยมีอยู่ ยิ่งภาคเศรษฐกิจที่แท้จริง เช่น ภาคการส่งออกและภาคครัวเรือนยังคงหดตัวลงเรื่อย ๆ เงินที่จมอยู่กับสินค้าคงคลังก็จะยิ่งมีมากขึ้นเรื่อย ๆ ตั๋วบีอีที่ครบกำหนดไถ่ถอนก็จะยิ่งมีปัญหามากขึ้นเรื่อย ๆ เราจึงเห็นสภาพการณ์ที่แปลก กล่าวคือ เกิดภาวะเงินตึงในหมู่ผู้ผลิตสินค้า ทั้งที่ผลิตเพื่อการส่งออกและผลิตเพื่อขายภายในประเทศ ทั้ง ๆ ที่ธนาคารมีเงินเหลือจำนวนมากกว่า 6.5 ล้านล้านบาทที่ต้องนำไปฝากธนาคารแห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทยก็ควรจะลดดอกเบี้ยนโยบายลงอีก เพื่อให้อัตราดอกเบี้ย

ในท้องตลาดลดลงกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน แต่ธนาคารกลางของเราก็ไม่ได้ทำอะไร โดยอ้างว่าต้องเก็บอัตราดอกเบี้ยสูงไว้ ถ้าลดลงจนต่ำกว่านี้แล้วก็จะไม่เหลือเครื่องมือทางการเงินไว้ใช้เมื่อมีปัญหา ทั้ง ๆ ที่ขณะนี้ค่าเงินของเราแข็งที่สุดในภูมิภาคเมื่อวัดจากต้นปีเป็นต้นมา

เมื่อตลาดตั๋วสัญญาใช้เงินระยะสั้นหรือตั๋วบีอีวายจนหมดจากตลาดแล้วธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมก็คงต้องหาเงิน
มาทดแทนซึ่งธนาคารพาณิชย์ไม่ยอมปล่อยเงินออกมาในตลาดแล้ว ก็คงต้องหาเงินจากตลาดที่ไม่ใช่ธนาคารหรือ
nonbank market หรือไม่ก็ตลาดนอกระบบที่อัตราดอกเบี้ยแพง หรือมีวงแชร์จากแม่ต่าง ๆ เกิดขึ้นอีก ที่ต้องไปพึ่งก็เพื่อความอยู่รอด ซึ่งที่จริงก็ไม่ใช่ทางออกที่ดีนัก

ในยามนี้ก็ควรจะเป็นหน้าที่ของรัฐบาล ที่จะต้องออกมาให้ความมั่นใจ และเตรียมมาตรการที่จะถ่ายเทเงินที่ล้นธนาคาร ที่ไม่ยอมปล่อยให้กับธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็ก ให้เงินไหลกลับเข้ามาหล่อเลี้ยงธุรกิจเหล่านี้ ให้มีสภาพคล่องที่พอจะอยู่รอดไปได้ โดยใช้สถาบันการเงิน เช่น ธนาคารออมสิน ธนาคารต่าง ๆ ของรัฐบาล เข้ามารองรับการขาดสภาพคล่องของเอกชนเหล่านี้ การที่ทางการนิ่งเฉย ไม่สร้างความเชื่อมั่นเมื่อผู้ถือตั๋วบีอีไม่ต่ออายุตั๋วระยะสั้น จนตลาดตั๋วระยะสั้นหมดไป ก็เกรงว่าจะลามไปถึงตลาดตราสารการเงินระยะยาว ซึ่งมีขนาดใหญ่กว่าตั๋วบีอีระยะสั้นมาก กล่าวคือ มีหุ้นกู้ระยะยาวอยู่ในตลาดจำนวนมากถึง 2.8 ล้านล้านบาทได้ เพราะว่าแม้จะเป็นตราสารระยะยาว แต่ก็เกิดความไม่เชื่อมั่นในการออกหุ้นกู้ใหม่เพื่อไถ่ถอนหุ้นกู้เก่าที่ครบกำหนดไถ่ถอนได้ ปัญหาอาจจะเกิดขึ้นได้ เพราะถ้าเกิดภาวะเช่นว่าก็อาจจะนำไปสู่วิกฤตการณ์ทางการเงินระหว่างธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมได้ ทั้ง ๆ

ที่ธนาคารพาณิชย์ทั้งของรัฐบาลและของเอกชนมีสภาพคล่องจำนวนมากตลาดการเงินนั้นเป็นตลาดที่อ่อนไหว สำหรับประเทศที่เล็กและเปิดเสรีทางการเงินเพราะการเคลื่อนย้ายของเงินจำนวนเล็กน้อยก็สร้างปัญหาทำความเสียหายได้ ข่าวเรื่องผู้ถือตั๋วเงินระยะสั้นหรือบีอีไม่ยอมต่ออายุหรือ rollover ให้ผู้ออกตั๋วทั้งตลาด ถ้าเป็นจริงก็คงจะหมดไปจากตลาดในสิ้นปีนี้ ต้องไม่ให้ลามไปถึงตลาดหุ้นกู้ระยะยาว


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ตลาดบีอี กำลังจะวาย

view