สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ไกลเกินนำมาใช้ในธุรกิจหรือไม่

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ Redpillz โดย พงศ์พีระ ชวาลาธวัช Fb: Redpillzdotcom www.Redpillz.com Artificial Intelligent (AI)

การทำธุรกิจทางด้านเทคโนโลยี เมื่อคนที่เรารู้จักเขารู้ว่าเราทำธุรกิจทางด้านนี้ สิ่งที่มักพบเจอเป็นคำถามในทันทีเลย หนึ่งในนั้นคือเรื่อง “AI” หรือแปลเป็นภาษาไทยว่า “ปัญญาประดิษฐ์” แต่ผมคิดว่าประโยคที่ติดปากคนไทยมักพูดว่า “ให้คอมพิวเตอร์มันคิด” ติดปากมากกว่าเรียก AI เสียอีก

ผมได้อ่านวารสาร MIT Technology Review แล้วพบว่าคอนเซ็ปต์ของ AI มีมาตั้งแต่ปี 1941 โดย นาย Leonardo Torres ได้สร้างเครื่องเล่นหมากรุกอัตโนมัติแบบกลไกขึ้นมา เพราะในช่วงเวลานั้นเรายังไม่มีวิทยาการทางด้านคอมพิวเตอร์มาใช้อย่างจริง ๆ จัง ๆ และกว่าจะมีคอมพิวเตอร์ใช้ก็เป็นตอนที่ Allan Turing คิดค้นคอมพิวเตอร์มาถอดรหัสเรือดำน้ำอันเลื่องชื่อนั่นเอง จากนั้นจึงมีการพัฒนามาเรื่อย กระทั่งถึงปี 1997 ที่ AI กลายเป็นที่รู้จักทั่วโลก ในชื่อโครงการ “DeepBlue” นำมาเล่นหมากรุกแข่งกับ Garry Kasparov แชมป์โลก มีการผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ

ช่วงนี้หลาย ๆ คนเริ่มเห็นความสามารถของ AI ในหน้าประวัติศาสตร์เรื่อยมา จนถึงในปี 2016 ที่ AlphaGo ของ Google เข้ามาถล่มแชมป์โกะ จนเรียกเสียงฮือฮาได้ว่าตอนนี้ AI ได้พัฒนามาถึงจุดที่มีความพร้อมในการทำเพื่อการพาณิชย์แล้วMIT Technology review ได้มีการสำรวจในปี 2017 ว่า Manufacturing เป็นประเภทธุรกิจที่น่าจะได้รับประโยชน์จาก AI สูงที่สุด รองลงมาคือ Logistic ตามด้วย IT and communication, Healthcare, Professional service, retail และ Financial service ซึ่งเมื่อสำรวจลึกลงไปในหน้าสื่อและความคิดเห็นของคนบนโลกออนไลน์ พบว่าคนจะมีความคิดเห็นอยู่ 2 อย่างเกี่ยวกับ AI

1.AI จะควบคุมมนุษย์หรือไม่ ?

2.AI จะแย่งงานมนุษย์หรือเปล่า ?

ข้อหนึ่งนั้น ถ้ามาวิเคราะห์ตามจากการดูหนังหรือภาพยนตร์ ผมไล่ให้เลยตั้งแต่ Terminator หรือคนเหล็ก น่าจะเป็นฝันร้ายแรก ๆ ของ AI พร้อมกับการนำเสนอความสามารถของ AI ต่อด้วย The Matrix ที่ทำให้คนเห็นว่าท้ายที่สุดแล้วมนุษย์จะถูก AI mechanism ควบคุม และมนุษย์จะเป็นแค่ถ่านก้อนหนึ่ง

เรื่อยจนมาถึงเรื่อง Transcendence ที่ทำให้เรากลัว AI เข้าไปอีก ว่ามันต้องเข้ามาควบคุมเราแน่ ๆ แต่จะน่ากลัวเหมือนที่ Elon กับ Mark เถียงกันหรือไม่นั้น ผมว่ามันขึ้นอยู่กับการตีกรอบการใช้งานของ AI และ Robotic ในอนาคตมากกว่า ซึ่งรัฐบาลต้องเข้ามาควบคุมการใช้งานตรงนี้ในอนาคต

ส่วนข้อสองผมไม่ค่อยอยากพูดคำว่า AI เข้ามาแทนที่คนในบางส่วน จากผลสำรวจนั้นคนจาก Asia’s AI Agenda 2017 เคยให้ความคิดเห็นไว้ว่า 70.8% มีความเห็นว่า AI ต้องเข้ามาแทนมนุษย์แน่นอน โดยเฉพาะกลุ่มหัวหน้า HR ทั้งหลาย คอนเฟิร์มเลยว่า 87.5% AI มาแทนแน่ ๆ

แต่สำหรับครั้งนี้ สิ่งที่จะคุยกันนั้นไม่ใช่หัวข้อว่าเราจะกลัว AI มาแย่งงานหรือไม่ แต่เป็นว่าเราจะใช้ AI ทำงานแทนเราได้จริงหรือ เพราะเท่าที่ดูส่วนใหญ่จะเห็นว่าเทคโนโลยีอันนี้เป็นสิ่งที่ไกลเกินเอื้อมมาก สำหรับคำตอบแล้วมีว่า ไม่ไกลเกินเอื้อม เลยครับ

ผมยกตัวอย่างให้เห็น–เริ่มจากตัวอย่างที่เรา ๆ ท่าน ๆ เข้าถึงง่ายสุด คือ Technology Chatbot หรือ โปรแกรมช่วยในเรื่องการตอบคำถาม จากลูกค้า คิดกันง่าย ๆ ถ้าเราเป็นเจ้าของกิจการวันนี้ จุดที่เราจะเอาเทคโนโลยีนี้ไปทดแทน คือ Customer service หรือตำแหน่งที่ต้องพูดหรือตอบในเรื่องซ้ำ ๆ ไปจนถึงเรื่องที่อาจจะไม่ซ้ำ แต่ต้องดึงข้อมูลมาตอบ ซึ่งถ้าเรามีฐานข้อมูลอยู่แล้ว Chatbot ก็เป็นทางออกสำหรับผู้ประกอบการที่ดีได้ ทางธนาคารหลาย ๆ แห่งก็ทำ เช่น Siri ที่อยู่ใน Apple, Cortana ของ Microsoft, GrowthBot จาก CTO ของ HubSpot, น้อง Bella จากธนาคารกรุงศรี, น้องบอทน้อย ที่คว้ารางวัล LINE BOT AWARDS ปี 2017 ส่วนทางธนาคารไทยพาณิชย์ค่อนข้างจะหมายมั่นปั้นมือกับ SCB Abacus มาก ในการใช้ AI ช่วยการตัดสินใจ แยกแยะข้อมูล รวมไปถึงการนำเสนอบริการทางการเงินให้กับลูกค้าอีกด้วย ซึ่งจะเน้นไปเป็น Solution ระดับองค์กรแล้ว เพียงแต่ว่าทาง SCB คงคำนวณแล้วว่าเขาใช้เยอะมาก และต้องการเก็บเทคโนโลยีนี้ไว้กับตัว เนื่องจากอนาคต AI จะเป็นสิ่งสำคัญที่ทำให้การทำงานของธนาคารมีประสิทธิภาพมากขึ้น

ส่วนด้านการเงินนั้น AI เอง มีส่วนขับเคลื่อนสำคัญอย่างมาก เวลาที่เราทำการ Trading หุ้น หรือแม้กระทั่งการซื้อขายการแลกเปลี่ยนทางการเงินต่าง ๆ

ซึ่งการเล่นหุ้นจริง ๆ แล้ว คือการวิเคราะห์ตัวเลขและปัจจัยของตัวธุรกิจ ทั้งในเชิง Fundamental และ Technical การเคลื่อนตัวของกราฟราคาการซื้อขายของหุ้น เราสามารถนำข้อมูลตรงนี้ไปบรรจุและทำการสอนให้กับ AI ให้รู้ถึงความเคลื่อนไหวของหุ้นและบริษัท และให้ AI บอกเราว่าควรจะซื้อหุ้นตัวไหน ทิ้งตัวไหน หรือวางตัวไหนเอาไว้นานเท่าไหร่ค่อยซื้อหรือขายได้ ซึ่งไม่ต่างจากเราเอาผู้เชี่ยวชาญมาช่วยอ่านกราฟทาง Technical และ Fundamental เลยทีเดียว

ด้านธุรกิจการขนส่ง อีกไม่เกิน 5-10 ปีข้างหน้า เราน่าจะได้เห็นรถบรรทุกขับเองแน่นอน แต่เป็นในต่างประเทศ ส่วนในไทยน่าจะได้เห็นช้ากว่า เพราะอาจติดปัญหาเรื่องกฎหมายและการพิสูจน์เพื่อความเหมาะสมและความปลอดภัยต่อการขับรถของคนไทย

อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมต้องการสื่อ คือ AI ไม่ใช่เทคโนโลยีที่น่ากลัว และไกลตัวเลย แต่กลับเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจมาก เราสามารถนำมาประยุกต์ใช้ได้ ตั้งแต่เป็นผู้ช่วยส่วนตัว PR ส่วนตัว คนตอบคำถามหน้าร้าน ทั้งร้านค้าแบบเล็กไปจนถึงขนาดใหญ่ และคาดว่าอีกไม่ช้าคงมีคนคิดค้น AI ขึ้นมาหลากหลายราคาและความสามารถ เพื่อรับกับธุรกิจทุกระดับ

ในมุมมองของเจ้าของกิจการและผู้บริหาร อาจเป็นได้ว่านี่คือเวลาที่ต้องซีเรียสในการศึกษาเพื่อนำ AI มาทำให้ประสิทธิภาพขององค์กรดีขึ้น ประหยัดขึ้น หรือมีความปลอดภัยมากขึ้น ดังนั้นแทนที่จะถามว่า “AI ไกลเกินกว่าจะนำมาใช้ในธุรกิจหรือไม่ ?”

ควรจะถามตัวเองมากกว่า ว่าจะเริ่มนำ AI มาใช้ในธุรกิจ เพื่อประโยชน์สูงสุดขององค์กรและเพื่อใช้ในการแก้ปัญหาของธุรกิจได้อย่างไร เมื่อไหร่ และคุ้มค่าหรือไม่


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ไกลเกิน นำมาใช้ในธุรกิจ หรือไม่

view