ในหลวง ร.10 รับสั่ง ครม.-คสช. ดูเเลประชาชนร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพให้ดีที่สุด
จากประชาชาติธุรกิจ
วันที่ 24 ตุลาคม 2560 เวลา 14.00 น. ผู้สื่อข่าวรายงานจากตึกนารีสโมสร ทำเนียบรัฐบาล ว่า พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีการประชุมร่วม ครม.และ คสช. ในวันนี้ว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งถึงงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มีพี่น้องประชาชนเดินทางทั้งในเเละต่างจังหวัดที่จะเข้าร่วมงาน ในบริเวณพระเมรุมาศจำลองและในพื้นที่กรุงเทพฯ บริเวณท้องสนามหลวง ซึ่งจะมีประชาชนเข้ามาร่วมพิธีในเขตพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 250,000 คน จึงมีรับสั่งอยากให้ราชการในเขตพื้นที่ทุกภาคส่วน ให้ดูแลประชาชนให้ดีที่สุด อำนวยความสะดวกให้พี่น้องประชาชนให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะในต่างจังหวัด เขตพื้นที่ใดที่ประสบอุทกภัย เดินทางลำบาก ให้เข้าไปช่วยเหลือเยียวยา จัดรถรับส่งให้พี่น้องประชาชนสามารถเข้ามาร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพในพื้นที่พระเมรุมาศจำลอง
“จากการฝึกซ้อมที่ผ่านมา จะทำให้เห็นว่าริ้วขบวนมีการเลื่อนที่ด้วยการเดินในจังหวะที่ค่อนข้างช้า ทำให้ระยะทางไม่กี่ร้อยเมตรใช้ระยะเวลาในการเดินค่อนข้างนานพอสมควร สามารถให้ประชาชนยืนได้ ไม่จำเป็นต้องนั่งอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อริ้วขบวนกำลังมาถึง จะมีเจ้าหน้าที่คอยแจ้งเตือนให้ประชาชนนั่งลงอยู่ในท่าที่เรียบร้อย สำรวมที่สุด แบบนี้จะทำให้ประชาชนไม่เครียดและมีเวลาพักผ่อน” พล.ท.สรรเสริญกล่าว
“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว” ทรงห่วงประชาชน รับสั่งเปิดพื้นที่เพิ่มเติมให้ชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ
เมื่อวันที่ 24 ต.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการฝ่ายประชาสัมพันธ์ พระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงการเตรียมความพร้อมในการดูแลและให้บริการประชาชนในช่วงงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ว่า ใกล้วันงานพระราชพิธีฯประชาชนเดินทางเข้ามาเป็นจำนวนมาก สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงห่วงใยประชาชนและไม่อยากให้ประชาชนรู้สึกอึดอัด ทรงมีรับสั่งเปิดพื้นที่เพิ่มเติมให้ประชาชนสามารถข้ามไปอยู่บนถนนฝั่งริมกำแพงพระบรมมหาราชวัง เนื่องจากในวันดังกล่าวจะมีประชาชนเดินทางเข้าชมพระราชพิธีเคลื่อนริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ประมาณ 7 หมื่นคน เพื่อผ่อนคลายในหลายเรื่อง
ดังนั้น ในวันงานพระราชพิธี ต้องขอความร่วมมือประชาชน 3 เรื่อง คือ 1.ช่วงที่มีพระราชพิธีเคลื่อนริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศทั้ง 3 ขบวนผ่าน ขอให้ประชาชนที่ไปเฝ้าชมริ้วขบวนก้มกราบโดยพร้อมกัน พร้อมหุบร่มขณะริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศเคลื่อนผ่านด้วย เพื่อความเป็นระเบียบเรียบร้อย เพราะภาพที่จะออกมาไม่ได้ออกเฉพาะที่ประเทศไทย แต่จะภาพจะออกไปทั่วโลก จึงอยากให้ภาพที่ออกมาเป็นภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศไทย 2.เรื่องการเอื้อเฟื้อเอื้ออาทรต่อกัน
“ดอน” เผย แขกสำคัญ 42 ประเทศร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ย้ำทูตไทยใน ตปท.ทำพิธีหลังไทย
วันที่ 24 ต.ค. 2560 เวลา 09.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ในวันนี้ กรณีการเชิญเเขกสำคัญในต่างประเทศร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ว่า ภาพรวมในเช้านี้ มีการเเจ้งเข้าร่วมงานเเล้ว 42 ประเทศ ซึ่งมีราชวงศ์เข้าร่วมในนี้ (42 ประเทศ) 14 ประเทศ ไม่น่าจะเกินกว่านี้ เนื่องจากการเตรียมการต้องมีการซ้อม ซึ่งได้ซ้อมไปเเล้ว
“สำหรับวันที่ 26 ตุลาคมที่จะถึงนี้ ก็ดำเนินพิธีตามกำหนดเวลา ส่วนในสถานทูตไทยในหลายประเทศ จะไม่มีที่ใดดำเนินการก่อนเวลาในประเทศไทย ต้องรอเวลา อาทิ สถานทูตไทยในประเทศออสเตรเลีย, นิวซีเเลนด์ ที่เวลาก่อนประเทศไทย 3 ชั่วโมง จะต้องรอประเทศไทยก่อน อย่างไรก็ตาม จะไม่มีที่ไหนทำพิธีก่อนประเทศไทย” นายดอนกล่าว
ด้านประเทศทางสหรัฐอเมริกา ที่เวลาห่างกัน 12 ชั่วโมง จะดำเนินการในวันเดียวกัน เเต่จะเริ่มในช่วงเช้า
เผยรายพระนาม/รายนามบุคคลสำคัญ 42 ประเทศ ที่ยืนยันเข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ร.9
รายพระนาม/รายนามบุคคลสำคัญต่างประเทศที่ยืนยันการเข้าร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร
พระประมุข ประมุข และพระราชวงศ์ (รวม 24 ประเทศ)
1) Kingdom of Lesotho เลโซโท สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินี (H.M. King Letsie III and H.M. Queen Masenate Mohato Seeiso)
2) Kingdom of Bhutan ภูฏาน สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินี (H.M. King Jigme Khesar Namgyel Wangchuck and H.M. Queen Ashi Jetsun Pema Wangchuck)
3) Kingdom of Tonga ตองกา สมเด็จพระราชาธิบดีและสมเด็จพระราชินี (H.M. King Tupou VI and H.M. Queen Nanasipau’u)
4) Republic of the Union of Myanmar เมียนมา ประธานาธิบดี และภริยา (H.E. U Htin Kyaw and Mrs. Su Su Lwin)
5) Lao People’s Democratic Republic ลาว ประธานประเทศ และภริยา (H.E. Mr. Bounnhang Vorachith and H.E. Mrs. Khammueng Vorachith)
6) Republic of Singapore สิงคโปร์ ประธานาธิบดี และคู่สมรส (H.E. Madam Halimah Yacob and Mr. Mohamed Abdullah Alhabsee)
7) Kingdom of Sweden สวีเดน สมเด็จพระราชินี (H.M. Queen Silvia)
8) Kingdom of the Netherlands เนเธอร์แลนด์ สมเด็จพระราชินี (H.M. Queen Maxima)
9) Kingdom of Belgium เบลเยียม สมเด็จพระราชินี (H.M. Queen Mathilde)
11) Commonwealth of Australia ออสเตรเลีย ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ฯ และภริยา (H.E. General the Honourable Sir Peter Cosgrove and Lady Cosgrove)
12) Canada แคนาดา ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ฯ (The Right Honourable Madame Julie Payette)
13) Republic of Indonesia อินโดนีเซีย อดีตประธานาธิบดี (H.E. Mrs. Megawati Soekarnoputri)
14) Swiss Confederation สมาพันธรัฐสวิส อดีตประธานาธิบดี (H.E. Mr. Joseph Deiss)
15) Federal Republic of Germany เยอรมนี อดีตประธานาธิบดี (H.E. Mr. Christian Wulff)
16) Kingdom of Bahrain บาห์เรน นายกรัฐมนตรี (H.R.H. Sheikh Khalifa bin Salman Al Khalifa)
17) Kingdom of Denmark เดนมาร์ก มกุฎราชกุมาร (H.R.H. Crown Prince Frederik)
18) Kingdom of Norway นอร์เวย์ มกุฎราชกุมาร (H.R.H. Crown Prince Haakon Magnus)
19) Grand Duchy of Luxembourg ลักเซมเบิร์ก แกรนด์ดุ๊กรัชทายาท (Hereditary Grand Duke Guillaume Jean Joseph Marie)
20) Malaysia มาเลเซีย รองสมเด็จพระราชาธิบดีแห่งมาเลเซียและสุลต่านแห่งรัฐเประ และพระชายา (H.R.H. the Sultan of Perak Darul Ridzuan Sultan Nazrin Muizzuddin Shah ibni Almarhum Sultan Azlan Muhibbuddin Shah Al-Maghfur-Lah and H.R.H. Tuanku Zara Salim the Raja Permaisuri of Perak Darul Ridzuan)
21) United Kingdom of Great Britain and Northern Ireland สหราชอาณาจักร ดุ๊กแห่งยอร์ก (H.R.H. Prince Andrew, Duke of York)
22) Japan ญี่ปุ่น เจ้าชายอะกิชิโนะ และพระชายา (H.I.H. Prince Akishino and H.I.H. Princess Akishino)
23) State of Qatar กาตาร์ พระอนุชาของเจ้าผู้ครองรัฐ (H.H. Prince Thani bin Hamad bin Khalifa Al-Thani)
24) Principality of Liechtenstein ลิกเตนสไตน์ เจ้าหญิงมาร์กาเรตา (H.R.H Princess Margaretha)
รองประมุข หัวหน้ารัฐบาล และผู้แทนพิเศษ (รวม ๑๘ ประเทศ)
25) Socialist Republic of Vietnam เวียดนาม รองประธานาธิบดี (H.E. Mrs. Dang Thi Ngoc Thinh)
26) Kingdom of Cambodia กัมพูชา นายกรัฐมนตรี (Samdech Akka Moha Sena Padei Techo Hun Sen)
27) Kingdom of Swaziland สวาซิแลนด์ นายกรัฐมนตรี (H.E. Mr. Barnabas Sibusiso Dlamini)
28) New Zealand นิวซีแลนด์ อดีตนายกรัฐมนตรี (H.E. Mr. James Bolger)
29) French Republic ฝรั่งเศส อดีตนายกรัฐมนตรี และภริยา (H.E. Mr. Jean-Marc Ayrault and Mrs. Brigitte Ayrault)
30) People’s Republic of China จีน รองนายกรัฐมนตรี (H.E. Mr. Zhang Gaoli)
31) Republic of Turkey ตุรกี รองนายกรัฐมนตรี (H.E. Mr. Fikri Işik)
32) Republic of Korea สาธารณรัฐเกาหลี รองประธานรัฐสภา (H.E. Mr. Park Joo-sun)
33) Russian Federation รัสเซีย รองประธานสภาดูมา (H.E. Mrs. Olga Epifanova)
34) Brunei Darussalam บรูไนดารุสซาลาม รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและการค้า คนที่ ๒ (Hon. Pehin Dato Lim Jock Seng)
35) United States of America สหรัฐอเมริกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (Hon. Gen. James Mattis)
36) Republic of the Philippines ฟิลิปปินส์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และภริยา (H.E. Mr. Alan Peter S. Cayetano and Mrs. Maria Laarni Cayetano)
37) Democratic Socialist Republic of Sri Lanka ศรีลังกา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงนโยบายและแผน และภริยา (Hon. Tilak Marapana and Mrs. Stella Marapana)
38) Federal Democratic Republic of Nepal เนปาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และภริยา (Hon. Mr. Bhimsen Das Pradhan and Mrs. Bidya Banmali Pradhan)
39) Islamic Republic of Pakistan ปากีสถาน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน (H.E. Mr. Awais Ahmed Khan Leghari)
40) People’s Republic of Bangladesh บังกลาเทศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (H.E. Mr. Mohammed Sahriar Alam)
41) Republic of India อินเดีย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ (H.E. Mr. M. J. Akbar)
42) The Holy See วาติกัน เอกอัครสมณทูตนครรัฐวาติกันประจำสาธารณรัฐอินเดียและสหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเนปาล (H.E. Archbishop Giambattista Diquattro)
สมเด็จพระเทพฯ ทรงร่วมซ้อมใหญ่ริ้วขบวนที่ 4 เชิญพระบรมอัฐิเข้าพระบรมมหาราชวัง
เมื่อเวลา 09.51 น.วันที่ 22 ตุลาคม สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่งมายังพระเมรุมาศ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง ทรงร่วมซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศพระบรมศพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ริ้วขบวนที่ 4 เชิญพระบรมอัฐิโดยพระที่นั่งราเชนทรยานและเชิญพระบรมราชสรีรางคารโดยพระที่นั่งราเชนทรยานน้อย จากพระเมรุมาศเข้าสู่พระบรมมหาราชวัง ซึ่งเป็นริ้วขบวนในวันที่ 27 ตุลาคม และริ้วขบวนที่ 5 เชิญพระบรมอัฐิโดยพระที่นั่งราเชนทรยานจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ขึ้นประดิษฐานที่พระวิมาน บนพระที่นั่งจักรมหาปราสาท ซึ่งเป็นริ้วขบวนในวันที่ 29 ตุลาคม โดยทั้งสองริ้วขบวนนี้เป็นการซ้อมพื้นที่จริงเป็นครั้งแรก
ที่มา มติชนออนไลน์
สมเด็จพระเทพฯ ทอดพระเนตรการจัดทำเครื่องสดประดับพระจิตกาธาน
เมื่อเวลา 16.45 น. วันที่ 24 ตุลาคม ที่อาคารโรงโขน โรงเรียนพระตำหนักสวนกุหลาบ ในพระบรมมหาราชวัง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรการจัดทำเครื่องสดประดับพระจิตกาธานในพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลเดช ของช่างราชสำนักและช่างแทงหยวกท้องถิ่น 4 ภูมิภาค จำนวน 38 คน และนักศึกษาวิชาช่างแทงหยวกจากโรงเรียนช่างฝีมือในวัง (ชาย) และตัวแทนช่างฝีมือจากสถาบันวิทยาลัยอาชีวศึกษาทั้ง 4 ภูมิภาค เฝ้าฯ รับเสด็จ
เมื่อ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ ถึงอาคารโรงโขน ทรงประกอบเกสรชั้นในของดอกปาริชาต ประกอบด้วยดอกไม้ไหว 2 ดอก ดอกไม้เฟื่อง 2 ดอก ซึ่งเกสรชั้นในนี้เรียกว่านพรัตน์ 9 ดวง ประกอบด้วยอัญมณี 9 ชนิด ได้แก่ เพชรน้ำหนัก 2 สตางค์ ล้อมรอบด้วยทับทิม บุษราคัม มรกต มุกดา นิล โกเมน เพทาย และไพฑูรย์ ถือได้ว่าเป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำดอกปาริชาต ก่อนนำไปประดับพระจิตกาธาน ต่อจากนั้น เสด็จฯ ไปทอดพระเนตรการทำเครื่องสดประดับพระจิตกาธานอื่นๆ อาทิ การร้อยกรองใบแก้ว การทำดอกปาริชาตสด จากนั้นเสด็จฯไปยังด้านข้างของอาคารโรงโขน ทอดพระเนตรการแทงหยวกจากช่างหลวงและช่างพื้นถิ่น 4 ภูมิภาค ในการนี้ทรงแทงหยวกฝีพระหัตถ์ลายซุ้มบันแถลง ซึ่งอยู่ชั้นบนสุดของเรือนยอดที่ 9
ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีรับสั่งกับเหล่าคณะช่างฝีมือว่า “ขอบคุณทุกคนที่มาช่วย จะบอกว่าเด็กๆ ก็ไม่ใช่ เพราะมีทุกช่วงวัย ก็ได้ช่วยกันทำอย่างทั่วถึง”
นายบุญชัย ทองเจริญบัวงาม นักจัดการงานในพระองค์ชำนาญการ กองศิลปกรรม สำนักพระราชวัง เผยว่า ถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จฯ มาทอดพระเนตรการทำเครื่องสดประดับพระจิตกาธานในครั้งนี้ โดยทรงห่วงใยทั้งเรื่องการทำงาน และอาหารการกินของช่างฝีมือที่มาร่วมแรง เนื่องจากมีช่างร่วมกันถึง 1,000 คน ซึ่งการทำเครื่องสดนี้จะต้องทำให้เสร็จสิ้นภายในเวลา 22.00 น. ของวันที่ 24 ตุลาคม ก่อนที่ช่างศิลปกรรมทั้ง 13 นาย จะนำไปประดับพระจิตกาธานบนพระเมรุมาศ ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 25 ตุลาคม และจะเสร็จสิ้นในเวลา 16.00 น. ของวันที่ 25 ตุลาคม
นายบุญชัย กล่าวด้วยว่า ทั้งนี้ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงมีรับสั่งว่าจะทรงขอพระราชานุญาตจากสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการขอเครื่องสดบางส่วนที่เหลือจากพระราชพิธีครั้งนี้ ไปจัดนิทรรศการที่พระเมรุมาศ เพื่อเผยแพร่ความรู้ให้ประชาชนได้รับรู้ถึงขั้นตอนและความหมายของพระจิตกาธาน
“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีพระมหากรุณาธิคุณพระราชทานวิตามินซี 1 กระเช้า ให้กับช่างฝีมือด้วย สร้างความตื้นตันใจให้และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณกับช่างฝีมือทุกคน” นายบุญชัยกล่าว
ที่มา มติชนออนไลน์
‘พระองค์หญิงสิริวัณณวรี’ ทรงม้านำซ้อมริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 6
เมื่อเวลา 16.47 น. วันที่ 22 ต.ค. พันโทหญิงพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ในฉลองพระองค์สีขาว สนับเพลาสีดำ พระมาลาสีดำกำมะหยี่ ประดับพู่สีฟ้า ทรงม้านำกองทหารม้ารักษาพระองค์จำนวน 77 ม้า จากหน่วยบัญชาการรักษาดินแดน เพื่อทรงมาเตรียมตั้งริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศริ้วที่ 6 ที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในพระบรมมหาราชวังในการซ้อมเสมือนจริงริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศริ้วที่ 6 ซึ่งเป็นริ้วสุดท้าย
ต่อมาเวลา 17.32 น. พันโทหญิงพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงม้าชื่อ W-CALATA (เว-คาลาตา) อันเป็นม้าทรงประจำพระองค์ฯ สายพันธุ์โฮล์สไตเนอร์ วอร์มบลัด สีแซมขาว เพศเมีย อายุ 11 ปี ความสูง 170 ซ.ม. จากสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ซึ่งเป็นม้ากีฬาประเภทกระโดดข้ามเครื่องกีดขวางที่มีความสามารถ ผ่านการฝึกขั้นสูง ตอบสนองต่อการบังคับควบคุมได้ดี โดยเคยเข้าร่วมการแข่งขันในรายการต่างๆ และได้รับรางวัลมากมาย ในการแข่งขันประเภทกระโดดข้ามเครื่องกีดขวาง ในสหภาพยุโรป นำขบวนพระบรมราชอิสริยยศ
ตามด้วยขบวนกองทหารม้าจำนวน 77 ม้า ใช้กำลังพลทหารม้าที่ 2 รักษาพระองค์ (พล.ม2.รอ) และกำลังพลของกองบัญชาการตำรวจนครบาล เชิญพระบรมราชสรีรางคาร จากพระศรีรัตนเจดีย์ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม โดยรถยนต์พระที่นั่ง ไปยังวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เพื่ออัญเชิญพระผอบพระบรมราชสรีรางคารไปยังพุทธบัลลังก์พระพุทธอังคีรสบรรจุลงในถ้ำศิลา และอัญเชิญพระบรมราชสรีรางคารไปยังบัลลังก์พระพุทธชินสีห์ และบรรจุลงในถ้ำศิลา ณ วัดบวรนิเวศวิหาร
สำหรับริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ ริ้วขบวนที่ 6 ใช้เส้นทางออกประตูวิเศษไชยศรี เลี้ยวขวาไปตามถนนหน้าพระลาน แล้วเลี้ยวขวาไปตามถนนสนามไชย เลี้ยวซ้ายเข้าถนนกัลยาณไมตรี ข้ามสะพานช้างโรงสี เลี้ยวขวาเข้าถนนอัษฎางค์ เลี้ยวซ้ายเทียบที่เกยหน้าวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม จากนั้นออกจากวัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เลี้ยวขวาถนนอัษฎางค์ เลี้ยวซ้ายขึ้นสะพานช้างโรงสีไปตามถนนกัลยาณไมตรี เลี้ยวขวาถนนสนามไชยเข้าสู่ถนนราชดำเนินใน ข้ามสะพานผ่านพิภพลีลา ไปตามถนนราชดำเนินกลาง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนพระสุเมรุ ไปเทียบหน้าประตูวัดบวรนิเวศวิหาร
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเย็นมีฝนตกโปรยปรายลงมา แต่ก็ไม่ได้ทำให้ประชาชนย่อท้อ ต่อการชมริ้วขบวนพระบรมราชอิสสริยยศในรอบซ้อมเสมือนจริง ทั้งนี้ มีประชาชนเป็นจำนวนมากแต่งกายชุดดำมาจองพื้นที่ตั้งแต่สนามหญ้าริมกำแพงพระบรมมหาราชวังฝั่งประตูวิเศษไชยศรี ถนนหน้าพระลาน ยาวไปจนถึงเส้นทางที่ริ้วขบวนเชิญพระบรมราชสรีรางคารผ่าน เพื่อรอชื่นชมความงดงามสมพระเกียรติของริ้วขบวนพระบรมราชอิสริยยศ
ที่มา ข่าวสดออนไลน์
ปิดสะพานปิ่นเกล้า-สะพานพุทธ วันพระราชพิธีฯ ใช้สะพานซังฮี้-สะพานพระปกเกล้าแทน
เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 24 ตุลาคม ที่ศูนย์สื่อมวลชน หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กองอำนวยการร่วมพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (กอร.พระราชพิธีฯ)
โดย นายสราวุท ทรงศิวิไล ผู้ตรวจราชการกระทรวงและโฆษกกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมได้เตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนที่จะเดินทางมาร่วมงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ ซึ่งแนะนำว่าการเดินทางที่สะดวกที่สุดเพื่อเข้ามายังบริเวณพระราชพิธีมี 2 รูปแบบคือ การเดินทาง มายังจุดรับส่ง 5 จุดหลัก มีที่จอดรถของบชน. และกระทรวงคมนาคม รวมทั้งภาคเอกชน เพิ่มอีก 17,000 คัน รวมเป็นกว่า 40,000 คัน และต่อรถชัทเตอร์บัสเข้ามายังบริเวณพระราชพิธี และการเดินทางโดยทางเรือ ที่ล่าสุดได้เปิด ท่าเรือท่าช้าง ให้สามารถจอดรับส่งประชาชนได้เพิ่มเติม จากเดิมที่มี 3 ท่า ได้แก่ ท่าเรือสะพานพระปิ่นเกล้า ท่าเรือราชินี และท่าเรือยอดพิมาน
ทั้งนี้ สำหรับประชาชนที่เดินทางทางบก จะปิดสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 25 ตุลาคม โดยประชาชนสามารถใช้สะพานพระราม 8 หรือสะพานซังฮี้ แทนได้ และจะปิดสะพานพระพุทธยอดฟ้า ตั้งแต่เวลา 05.00 น. ของวันที่ 26 ตุลาคม โดยสามารถใช้สะพานพระปกเกล้าแทนได้
“ประเมินว่าตลอดวันที่ 25-27 ตุลาคมนี้ จะมีประชาชนเดินทางเข้ามาจากต่างจังหวัดรวมทั้งเดินทางมายังบริเวณพระราชพิธีและจะมีการใช้ระบบขนส่งคมนาคมทั้งหมดเกือบ 3 ล้านเที่ยวคนต่อวัน ขณะนี้กระทรวงฯ ได้เตรียมพร้อมการเดินทางทุกหมวด และจะมีการปรับเปลี่ยนตามสถานการณ์ มีแผนสำรอง ยืนยันว่าสามารถรองรับการเดินทางประชาชนทั้งการเดินทางเข้ามาและการส่งกลับบ้านด้วยความสะดวกและปลอดภัย ทั้งนี้ ตลอดวันที่ 26 ตุลาคมนี้ บริการขนส่งต่างๆ อาทิ รถไฟฟ้าบีทีเอส รถไฟฟ้าเอ็มอาร์ที รถไฟแอร์พอร์ตลิงค์ โทรล์เวย์ มอเตอร์เวย์ เรือด่วนเจ้าพระยา เรือคลองแสนแสบ รถประจำทางขสมก. จะให้บริการฟรีตลอดทั้งวัน” นายสราวุท กล่าว
พล.ต.ต.จิรสันต์ แก้วแสงเอก กล่าวว่า จากกรณีที่มีประชาชนผ่านจุดคัดกรองเข้ามาจับจองพื้นที่บริเวณหน้ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ฝั่งตรงข้ามกับพระเมรุมาศ ซึ่งจะสามารถเข้าสู่พื้นที่โรงมหรสพบริเวณพระเมรุมาศได้ บางส่วนถือได้ว่าเข้ามาภายในจุดคัดกรองแล้ว ตามมาตรการรักษาความปลอดภัยนั้นจำเป็นจะต้องเคลียร์พื้นที่ให้ประชาชนส่วนดังกล่าวออก เพื่อเปิดให้เข้าจุดคัดกรองพร้อมกันในวันที่ 25 ตุลาคม เวลา 05.00 น. เนื่องจากต้องถือเรื่องความปลอดภัยเป็นประเด็นสำคัญ แต่ก็ไม่ลืมเรื่องการทำความเข้าใจกับประชาชนซึ่งจะพยายามอธิบายให้ประชาชนได้รับรู้มากที่สุด
ทั้งนี้ ประชาชนที่มาถวายดอกไม้ที่ซุ้มพระบรมฉายาลักษณ์ บริเวณหน้าพระบรมมหาราชวัง ถนนหน้าพระลาน ก็ยังเปิดให้ประชาชนเข้าพื้นที่เพื่อวางดอกไม้ได้ตลอด ยกเว้นช่วงที่มีงานพระราชพิธี ในส่วนนี้ก็จะดูแลความปลอดภัยและบริหารพื้นที่ไม่ให้เกี่ยวข้องกัน
สำหรับประชาชนที่มาปักหลักรอหน้าจุดคัดกรองในจุดต่างๆ อาทิ หน้าจุดคัดกรองแม่พระธรณีบีบมวยผม สะพานช้างโรงสี สะพานมอญ ซึ่งมีประชาชนจำนวนมาก พล.ต.ต.จิรสันต์ กล่าวว่า ประชาชนจำนวนนี้อยู่นอกจุดคัดกรอง สามารถปักหลักรอได้ไม่มีการเคลียร์พื้นที่ แต่ได้จัดสรรเจ้าหน้าที่ตำรวจ กทม. จิตอาสา คอยดูแลอำนวยความสะดวกอยู่ตลอดเวลา โดยเมื่อคืนที่ผ่านมามีฝนตกอย่างหนัก ก็ได้ให้เจ้าหน้าที่ประชาสัมพันธ์เรื่องการดูแลสุขภาพ รวมถึงมีเต็นท์อาหาร เต็นท์พยาบาล ซึ่งประชาชนสามารถสังเกตได้จากสัญลักษณ์กาชาดที่เป็นเครื่องหมายบวกสีแดง นอกจากนี้ยังมีจิตอาสาเดินแจกอาหารและยารักษาโรค และอย่างไรก็ตามจะจัดเจ้าหน้าที่ดูแลความปลอดภัยให้ดีที่สุด
ที่มา มติชนออนไลน์
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน