สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

Internet of Things (IOT) แพงเกินไปหรือไม่

จากประชาชาติธุรกิจ

คอลัมน์ Redpillz

โดย พงศ์พีระ ชวาลาธวัช www.Redpillz.com

คำว่า IOT นั้น น่าจะเข้ามาในเมืองไทยตั้งแต่ปี ค.ศ. 2015 ซึ่งตัวผมเองนึกว่าเป็นเทคโนโลยีใหม่ใหญ่โตมาก ๆ แต่เอาเข้าจริงแล้วถ้าใครยังไม่รู้ว่ามันคืออะไร ผมจะอธิบายให้ฟังครับ เริ่มจาก IOT มาจากคำว่า Internet of Things ซึ่งก็คือการเอาสิ่งของ เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ทั้งหลายจับมันมาทำยังไงก็ได้ให้ส่งข้อมูลออกไปให้ได้

เช่น ถ้ามีรถ จะทำอย่างไรให้รถส่งข้อมูลออกไป ว่าเครื่องยนต์ของรถ ณ ตอนนี้ มีอุณภูมิเท่าไหร่แล้ว, ในกรณีของอุปกรณ์ เช่น smart watch ที่ใส่กันอยู่ทุกวันนี้ ก็สามารถเชื่อมต่อเข้า internet เองได้และส่งข้อมูลได้ มีสภาพไม่ต่างจากคอนเซ็ปต์ IOT อีกเหมือนกัน ถ้าไกลตัวไปอีกหน่อยก็เช่น smart city ที่ทั้งรัฐบาลของประเทศไทย และภาคเอกชน แม้กระทั่งรัฐในท้องถิ่นระดับจังหวัด เช่น ขอนแก่น กับ ภูเก็ต ก็พูดกันให้ได้ยินบ่อย ๆ

ตอนนี้เรามีความรู้พื้นฐานสั้น ๆ แล้ว ว่า IOT คืออะไร ทีนี้มาว่ากันต่อถึง 3 ขั้นตอนที่คุณสามารถใช้ IOT หาประโยชน์เข้าตัวได้

1.ใช้เพื่อดูความเป็นไปและสนับสนุนข้อมูลในการตัดสินใจ เช่น ติดเซ็นเซอร์ที่พื้นดินเพื่อดูค่าความชื้นของดิน ถ้าความชื้นน้อยลง ระบบรดน้ำต้นไม้ที่ทำการติดตั้งไว้ก็จะทำหน้าที่รดน้ำ เพื่อให้พืชหรือต้นไม้ได้รับน้ำ อันนี้เราจะเรียกว่า smart farm

ถ้าเราไปติดตั้งในโรงงานเพื่อดูผลของการผลิต ด้วยการนับจำนวนหรือเพื่อดูสมรรถภาพการทำงานของเครื่องจักร เราก็จะเรียกกันว่า smart factor, ถ้านำไปติดตั้งกับระบบการขนส่ง เช่น สายรถขนตู้คอนเทนเนอร์ ดูความเคลื่อนไหวในการขับรถ เช่น ถ้ารถหยุดตรงไหนนิ่ง ๆ นานเกิน 10 นาที ซึ่งน่าจะมากกว่าการเป็นสภาพรถติดทั่วไปแล้วมีการเปิดฝาถังน้ำมัน ระบบจะมีการแจ้งเตือนมายังศูนย์เพื่อทำการตรวจสอบการขายน้ำมันเถื่อนออกจากตัวรถขนของ เราจะเรียกว่า smart logistic ถ้าเรานำระบบไปติดตั้งกับระบบอาวุธทางการทหาร อาจจะเป็นระบบเตือนภัย เราก็จะเรียกว่า smart defense เป็นต้น

2.ใช้เพื่อทำการทำนายสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น ถ้าเรานำเซ็นเซอร์+ software ที่มีชุดคำสั่งทางด้าน data analytic ไปติดตั้งในตัวรถยนต์ ซึ่งปกติในรถยนต์ทุกคัน ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ เช่น ความร้อน แรงดันน้ำมัน ค่าความสั่นของรถยนต์ จะถูกส่งเข้าไปในตัวโปรแกรมวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อทำการประมวลผล และแปลค่าเป็นผลลัพธ์ถึงสถานะของรถยนต์ที่แท้จริงในอนาคต เช่น รถยนต์นี้อาจจะสามารถขับได้อีกไม่เกินช่วงเวลาหนึ่งและควรจะนำเข้าศูนย์เพื่อซ่อมบำรุง

ประโยชน์ที่ชัดเจนมากของการทำนาย เป็นการทำ predictive maintenance คือเป็นการป้องกันก่อนที่เหตุจะเกิดขึ้น เป็นประโยชน์มากกว่าการซ่อมบำรุงเป็นระยะทาง ซึ่งไม่มีความแม่นยำ เพราะการกำหนดรถยนต์เข้าซ่อมเป็นระยะทางเป็นเพียงระยะในการคาดการณ์เท่านั้น เนื่องจากพฤติกรรมและเส้นทางของผู้ขับรถยนต์นั้นไม่เหมือนกัน

3.ใช้เพื่อการกำหนดแนวทางในการทำงานของมนุษย์ ทั้งนี้ บางอย่างก็ไม่ได้นำไปสู่แนวทางการทำงานอย่างเดียว บางครั้งยังนำไปกำหนดราคาของบริการอีกด้วย เช่นในต่างประเทศเอง มีการนำ IOT มาใช้ในวงการประกันภัยเพื่อดูพฤติกรรมการใช้รถของลูกค้าประกัน ถ้าพฤติกรรมดีความเสี่ยงต่ำค่าเบี้ยก็ลดลง ถ้าพฤติกรรมไม่ดีค่าเบี้ยก็ไต่ขึ้นตามความแย่ของพฤติกรรมนั่นเอง หรือถ้าเป็นในโรงงานก็อาจจะมีการนำเอาข้อมูลจาก IOT มาประกอบการพิจารณาความก้าวหน้าของพนักงานกันเลยทีเดียว

กลับมาสู่หัวข้อของเรา IOT หลังจากพานอกเรื่องนอกราวไปเสียไกล นั่นคือคำถามที่ว่า “จริง ๆ แล้ว IOT ราคาแพงหรือไม่” เพราะศัพท์คำนี้ดูหรูหราเหลือเกิน คำตอบคือ “ตอบไม่ได้” เพราะจะแพงหรือไม่แพงขึ้นอยู่กับประโยชน์ที่คุณจะได้จาก IOT ครับ

ราคามีตั้งแต่ระดับหลักร้อยไปยันหลักล้าน มีตั้งแต่งานระดับมือสมัครเล่น คือทำเล่น ๆ เพื่อส่งสัญญาณ เช่น การวัดอุณหภูมิที่บ้าน ไปจนถึงระดับมืออาชีพ ระดับองค์กร แน่นอนว่าราคาและระดับการใช้งานก็จะแตกต่างกันตามประสบการณ์ ซอฟต์แวร์ที่ใช้และฮาร์ดแวร์ที่ใช้ด้วย เช่น ถ้าคุณเป็นบริษัทระดับกลาง คุณแค่เพียงต้องการรู้ถึงสมรรถภาพเครื่องจักรของคุณว่าเป็นอย่างไร ซึ่งปกติเครื่องจักรคุณก็ไม่ได้ซ่อมแพง ช่างก็มีพร้อมตลอดเวลา และคุณเองก็ไม่ได้ซีเรียสมากเมื่อเครื่องจักรหยุดทำงานขึ้นมา สมมุติว่าค่าช่างบวกค่าอะไหล่ต่อปี เท่ากับ 2 แสนบาท เราก็ต้องดูต่อแล้วว่าระบบ IOT ที่เราจะนำมาติดตั้งนั้นราคาน้อยกว่า 2 แสนบาทไหม และเมื่อติดตั้งแล้วจนเรารู้สถานะของมัน จะทำให้เราประหยัดตรงนั้นได้จริงหรือไม่ ถ้าระบบทำให้ประหยัดไปได้ 1 แสนบาททุกปี การที่จะซื้อระบบนี้ 2-3 แสนบาทก็คงจะเหมือนได้เปล่าจากจุดคุ้มทุนที่กล่าวเมื่อสักครู่

เพราะฉะนั้นแล้ว ต่อให้ระบบ IOT ราคา 100 บาท หรือ 1 ล้านบาท สุดท้ายต้องดูที่ความคุ้มทุนบวกกับมูลค่าของสิ่งที่ IOT ช่วยประหยัด และมูลค่าเพิ่มที่ IOT ช่วยให้หาเงินเพิ่มได้ ต่อมาก็ถึงคำถาม ว่าแล้วจะซื้อของยี่ห้อไหนหรือซื้อจากใครดี คำตอบของผมค่อนข้างยาก เพราะผมต้องมีความเป็นกลาง จึงเชียร์ใครออกหน้าไม่ได้ครับ แต่ไม่ว่าคุณจะติดต่อซื้อของใคร ขอให้ดูเกณฑ์ดังต่อไปนี้ 1.บริษัทมีประวัติเคยทำงานให้บริษัทอื่น เราสามารถตรวจสอบกับลูกค้าของเขาได้โดยตรงเพื่อสอบถามคุณภาพงาน 2.บริษัทจะเปิดมานานแล้วหรือเพิ่งเปิดนั้น ไม่ค่อยเกี่ยวกัน แต่ที่แน่ ๆ ต้องมีบริษัทเป็นหลักแหล่ง มีตัวมีตน และต้องดูที่คุณภาพของบุคลากรที่ให้บริการด้วย ตั้งแต่ที่ปรึกษาระบบ พนักงานขาย ไปถึงพนักงานติดตั้งระบบ ทั้งนี้ คุณสามารถพูดคุยสอบถามให้ลึกได้ ถ้าไม่พอใจในคำตอบหรือตอบไม่ได้ คงจะไม่ใช่สิ่งที่ดีแน่

3.ดูบริษัทที่ทำสัญญาบริการตรงไปตรงมา มีเงื่อนไขการบริการ เวลาในการดำเนินงาน แผนการดำเนินงานติดตั้ง+ซ่อมบำรุง และสิ่งที่ผู้ซื้อจะได้รับอย่างชัดเจน 4.ดูเกรดของสินค้าและงานโปรแกรมที่บริษัทจะติดตั้งให้ ซึ่งตรงนี้คุณต้องทำใจล่วงหน้าว่า IOT+Network นั้น มีหลายเกรด ของดีก็จ่ายแพง ของลดเกรดก็จ่ายน้อยลง แต่ก็แลกมาด้วยคุณภาพและความคงทน ต้องดูเป้าหมายของงานและผลลัพธ์ที่ได้เป็นหลัก ว่าคุ้มค่ากับเกรดไหนเป็นสำคัญ

ถึงตรงนี้ สิ่งที่คุณต้องตอบตัวเองให้ได้ คือแล้วองค์กรของคุณต้องการประโยชน์อะไรจาก IOT คิดง่าย ๆ ว่าคุณกำลังสอนให้สิ่งของมันคิดได้ พูดได้ ถ้าวันนี้คุณอยากจะให้ของเหล่านั้นมันตอบโต้กับคุณได้ อะไรจะเป็นสิ่งที่คุณพร้อมจะจ่ายเงินให้กับมัน

ไว้คราวหน้าเราจะมาว่ากันต่อถึงตัวอย่างการใช้ IOT รวมถึงปัญหาที่จะเกิดขึ้นใน IOT ในอนาคต ที่เป็นเรื่องสำคัญสำหรับคนที่จะจ่ายเงินซื้อ IOT ควรจะได้รู้ครับ


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : Internet of Things (IOT) แพงเกินไป

view