สร้างเว็บEngine by iGetWeb.com
Cart รายการสินค้า (0)

ผู้ว่าการ ธปท. เผยนโยบายการเงินปี 61 ยังใช้นโยบายแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง

จาก ASTVผู้จัดการออนไลน์

ผู้ว่าการ ธปท. เผยนโยบายการเงินปี 61 ยังใช้นโยบายแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง ยอมรับ เม็ดเงินไหลออกบ้างหลังเฟดขึ้นดอกเบี้ย สำหรับความเสี่ยงและความท้าทายในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจ คาดมาจากทั้งปัจจัยภายใน และภายนอก ห่วงประชาชนถูกชักจูงลงทุนบิตคอยน์ 

นายวิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า นโยบายการเงินในปี 61 จะยังใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจไทยจะเริ่มเห็นการฟื้นตัวขึ้น แต่ทาง ธปท. ยังคงต้องการให้เศรษฐกิจไทยเติบโตอย่างเข้มแข็งมากขึ้นกว่าปัจจุบัน ประกอบยังไม่มีแรงกดดันจากเงินเฟ้อมากนัก โดยแนวโน้มของเงินเฟ้อยังเป็นการค่อย ๆ ปรับเพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ แต่ดอกเบี้ยนโยบายของไทยก็ไม่มีความจำเป็นต้องปรับขึ้นตามประเทศเศรษฐกิจหลัก เพราะนโยบายการเงินของแต่ละประเทศต้องตอบโจทย์เศรษฐกิจของประเทศนั้นเป็นหลัก

ในด้านความกังวลที่ว่า หากเฟดขึ้นอัตราดอกเบี้ย และอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ เข้าใกล้อัตราดอกเบี้ยของไทย จะมีผลต่อเงินทุนไหลอกจากประเทศไทยนั้น มองว่ายังไม่น่ากังวลมากนัก แม้ว่าอาจจะมีเงินไหลออกไปบ้างเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพเศรษฐกิจไทยอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากประเทศไทยพึ่งพาเงินทุนต่างชาติน้อยกว่าประเทศเกิดใหม่อื่น ๆ แต่ก็ไม่ควรประมาท โดยยังต้องติดตามปัจจัยเสี่ยง ที่อาจจะทำให้เงินเฟ้อโลกปรับขึ้นเร็วกว่าที่คาด เช่น ราคาน้ำมันที่เริ่มปรับขึ้น ซึ่งหากเงินเฟ้อโลกปรับขึ้นเร็ว ก็ต้องมาพิจารณาผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับไทย



สำหรับความเสี่ยงและความท้าทายในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมาจากทั้งปัจจัยภายใน และภายนอก ได้แก่ ความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น กำลังซื้อในประเทศที่ยังไม่กระจายตัวอย่างทั่วถึงอาจส่งผลกระทบต่อการบริโภค ความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้น ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และการปรับนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลักเข้าสู่ระดับปกติ

ส่วนแนวโน้มเศรษฐกิจไทยปี 61 คาดว่าจะฟื้นตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ปรับเพิ่มอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 61 เป็นขยายตัว 3.9% จากเดิม 3.8% โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการส่งออกที่ได้รับอานิสงส์จากการขยายตัวเศรษฐกิจโลกที่มีความชัดเจนมากขึ้นส่งผลให้การค้าระหว่างประเทศมีการเติบโตที่ดี และการท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มขยายตัวได้ดี หลังจากการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างภาคการท่องเที่ยวไทย

ขณะที่การบริโภคเอกชนมีแนวโน้มขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป หลังเริ่มเห็นสัญญาณการขยายกำลังการผลิตของภาคธุรกิจหลายราย แต่รายได้และการจ้างงานในประเทศยังมีแรงกดดันจากปัจจัยเชิงโครงสร้าง เช่น แรงงานมีทักษะไม่ตรงกับความต้องการของนายจ้าง ส่วนการลงทุนภาครัฐจะเป็นอีกหนึ่งแรงหนุนที่สำคัญหลักในผลักดันเศรษฐกิจไทยในปีหน้า

สำหรับความเสี่ยงและความท้าทายในการดำเนินนโยบายเศรษฐกิจมาจากทั้งปัจจัยภายใน และภายนอก ประกอบด้วย ความเสี่ยงต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ เช่น กำลังซื้อในประเทศที่ยังไม่กระจายตัวอย่างทั่วถึงอาจส่งผลกระทบต่อการบริโภค ความขัดแย้งเชิงภูมิรัฐศาสตร์รุนแรงขึ้น ความไม่แน่นอนของนโยบายเศรษฐกิจของสหรัฐฯ และการปรับนโยบายการเงินของประเทศอุตสาหกรรมหลักเข้าสู่ระดับปกติ

ความท้าทายจากเทคโนโลยีและโลกที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น การใช้เทคโนโลยีเพื่อเพิ่มผลิตภาพ และปรับรูปแบบการทำธุรกิจ การสร้างภูมิคุ้มกันให้ระบบการเงิน และการรับมือภัยไซเบอร์ การเข้าสูสังคมผู้สูงอายุ ความท้าทายจากปัญหาความเหลื่อมล้ำ เช่น การเข้าถึงบริการทางการเงินที่ทั่วถึง และเป็นธรรม การได้รับความรู้ทางการเงินอย่างเท่าเทียม และความสามารถในการวางแผนทางการเงิน

ส่วนทิศทางของสถาบันการเงินไทยในปี 61 ยังให้ความสำคัญในการแข่งขันด้านนวัตกรรมทางการเงิน ซึ่งธนาคารต้องมีการปรับปรุงสาขาเพื่อให้เข้ากับการบริการทางการเงินสำหรับลูกค้าแต่ละประเภทโดยสามารถใช้เพย์เมนต์ เอเยนต์ เช่น บริษัทไปรษณีย์ไทย เข้ามาช่วยสนับสนุนให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการเงิน ซึ่งมีต้นทุนต่ำกว่าการใช้สาขา โดยธนาคารต้องควบคุมความเสี่ยงของเพย์เมนต์ เอเยนต์ เหล่านี้ด้วย

ส่วนปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ของระบบสถาบันการเงิน หลังจากที่ ธปท. ออกมาตรการควบคุมวงเงินการให้สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกันนั้น ในแง่ของคุณภาพหนี้เห็นการปรับตัวที่ดีขึ้น ประกอบกับเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงมีความแข็งแกร่ง และความสามารถในการหารายได้ของธนาคารมีการเติบโตที่ดี ทำให้มองว่า ในปี 61 ธนาคารพาณิชย์จะไม่ปัญหาหนี้อ่อนแอเพิ่มขึ้น ขณะที่ธนาคารพาณิชย์ได้ปรับกระบวนการการปล่อยสินเชื่อที่มีความระมัดระวังมากขึ้น และกระจายการปล่อยสินเชื่อในหลายอุตสาหกรรม

ส่วนการลงทุนในเงินสกุลดิจิทัล และบิตคอยน์ ธปท. แนะนำให้นักลงทุนต้องทำความเข้าใจว่า เงินสกุลดิจิทัลไม่ใช่เงินที่สามารถชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย แต่เป็นการลงทุนประเภทหนึ่ง ซึ่งมีความเสี่ยงหลายด้าน ทั้งราคาที่ผันผวน โอกาสที่จะถูกแฮกข้อมูล และถูกชักชวนให้ลงทุนเข้าข่ายแชร์ลูกโซ่ ซึ่งประชาชนต้องศึกษาข้อมูลให้ดี และต้องระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม ปัญหาเงินสกุลดิจิทัลยังไม่ส่งผลกระทบต่อระบบการเงินของไทย

ส่วนกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) อยู่ระหว่างศึกษาการระดมทุนในรูปแบบใหม่โดยใช้เงินสกุลดิจิทัล (ICO ) ธปท. มองว่าเป็นการพัฒนาการของตลาดทุน ในการระดมทุนผ่านตลาดทุนในรูปแบบใหม่ แต่ยังต้องระมัดระวัง เพราะยังมีหลายปัจจัยที่เป็นความเสี่ยง และต้องศึกษา ซึ่งขณะนี้ ก.ล.ต. เปิดรับฟังความเห็นจากประชาชนเพื่อประกอบพิจารณาต่อไป และออกกฎควบคุมต่อไป


สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน

Tags : ผู้ว่าการ ธปท. เผยนโยบายการเงิน ปี 61 นโยบายแบบผ่อนคลายต่อเนื่อง

view