จากประชาชาติธุรกิจ
สัมภาษณ์
เคราะห์ซ้ำกรรมซัดของ “แบงก์กรุงไทย” ที่เจอมรสุมอีกระลอกในปีนี้ กับลูกหนี้รายใหญ่ “เอิร์ธ” หรือ บมจ.เอ็นเนอร์ยี่ เอิร์ธ (EARTH) กลายเป็นหนี้เน่าก้อนโตถึง 1.2 หมื่นล้านบาท ต้องแบกภาระตั้งสำรองเต็มแม็ก หลังเพิ่งเคลียร์ปมหนี้เน่า SSI หรือ บมจ.สหวิริยาสตีลอินดัสตรี ไปแบบยังไม่สะเด็ดน้ำ
เคสที่หนักกว่านั้น คือมีการพบว่า ผู้บริหาร “เอิร์ธ” ทำการปลอมแปลงเอกสารเกี่ยวกับการขนถ่านหินเข้าประเทศอีก จนแบงก์ต้องส่งเรื่องเข้าให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ จัดการ
นับเป็นอีกข่าวฉาวการปล่อยสินเชื่อรายใหญ่ของแบงก์กรุงไทยอีกกรณี และ “ผยง ศรีวนิช” กรรมการผู้จัดการใหญ่ กรุงไทย จำต้องออกมาตอบข้อสงสัยกับสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 20 ธ.ค. 2560 ดังนี้
Q : ที่มาที่ไปการยื่นเอาผิด EARTH
เริ่มจากมีประเด็นสงสัยตั้งแต่ต้นเรื่องการชำระเงิน การขอวงเงินกู้ และการซื้อถ่านหินล่วงหน้า ซึ่งเป็นประเด็นที่ธนาคารได้ตั้งข้อสังเกตไว้ว่า เงินที่ปล่อยไปถูกวัตถุประสงค์หรือไม่ ซึ่งข้อมูลที่เจอเพิ่มเติมและได้ยื่นให้กับดีเอสไอ ซึ่งได้ยื่นเรื่องไปซักพักแล้ว ตอนนี้ก็ปล่อยให้เป็นกระบวนการทางกฎหมาย และเนื่องจากเรื่องนี้เป็นกิจกรรมข้ามประเทศ ซึ่งดีเอสไอมีอำนาจและพิจารณาดู ก็ได้ประสานไปยังอัยการสูงสุดที่ดูคดีระหว่างประเทศให้เข้ามามีส่วนร่วมด้วย ล่าสุดดีเอสไอรับเป็นคดีพิเศษแล้ว และธนาคารก็ได้ยื่นไปที่ศาลฎีกาด้วย นอกเหนือจากยื่นไปที่ดีเอสไอ
Q : ตรวจพบมีการปลอมแปลงเอกสารเมื่อใด
ธนาคารตั้งข้อสังเกตนานแล้ว และคณะกรรมการพิจารณาสินเชื่อก็ตั้งข้อสังเกต ถึงงบการเงินที่ผิดปกติ แต่ยังไม่ถึงขั้นตัดวงเงินหมุนเวียน ซึ่งหลังจากนั้น เอิร์ธก็เกิดการผิดนัดชำระหนี้ตั๋วบี/อี ก็เท่ากับบริษัทผิดเงื่อนไขของสัญญา ธนาคารจึงไม่สามารถให้เบิกเงินกู้ได้ และเมื่อเกิดดีฟอลต์ (ผิดนัดชำระหนี้) ก็มีการตั้งข้อสังเกตว่า สิ่งเหล่านี้คืออะไร หากมีคำตอบเป็นเหตุเป็นผลชัดเจน ก็ไม่มีประเด็น ธนาคารก็อยากปล่อยกู้เพิ่มด้วย แต่เมื่อไม่ได้คำตอบ จึงเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ธนาคารกลับมาดู และก็เป็นปกติที่ต้องระมัดระวังเพิ่มขึ้น ไม่เช่นนั้นผู้ปล่อยสินเชื่อก็จะโดนข้อหาไม่ระมัดระวังด้วย
Q : ข้อสังเกตอะไรบ้างที่เห็นว่าผิดปกติ
หลัก ๆ คือแผนบริษัทใหญ่มากเมื่อเทียบกับสถานะการดำเนินงานของบริษัท ทั้งแผนการจองสิทธิที่จะซื้อถ่านหินล่วงหน้า หรือการซื้อสิทธิในการทำเหมือง สวนทางกับสถานะบริษัทในขณะนั้น เพราะหากเติบโตเร็วขนาดนี้ มีสตอรี่อะไรหรือไม่ที่เราควรจะเข้าไปดู ซึ่งเราก็เข้าไปดู พอเราถามไปที่บริษัท ก็ “ไม่ได้คำตอบ” อยู่เรื่อย ๆ จนเกิด “ดีฟอลต์” ตั๋วบี/อีเกิดขึ้น
Q : ตอนนี้การดำเนินการอยู่ขั้นตอนไหน
มีสองส่วน โดยส่วนแรกคือกระบวนการฟื้นฟู ซึ่งบริษัทอยู่ขั้นตอนขอฟื้นฟูกิจการจากศาลล้มละลายกลาง ก็เป็นดุลพินิจของศาล ส่วนเรื่องการปลอมแปลงเอกสาร การยื่นเอกสารเป็นเท็จ ซึ่งธนาคารได้ตรวจสอบที่กรมศุลกากร และมีคอนเฟิร์มแล้วว่าไม่มีเรือเข้ามา และพบว่าเอกสารที่ใช้เพื่อมายื่นขอเบิกเงินกู้ ก็สรุปได้ว่าเอกสารส่วนหนึ่งเป็นเอกสารเท็จ ธนาคารจึงนำกลับมาหารือ ในกระบวนการทางกฎหมาย จากนั้นธนาคารจึงยื่นร้องทุกข์ กล่าวโทษ เพื่อให้กระบวนการกฎหมายสืบค้นความจริง และหาคนกระทำผิดต่อไป
Q : มีการติดต่อ “เอิร์ธ” หรือไม่
เป็นสิ่งที่ธนาคารพยายามอยู่แล้ว เพื่อที่จะขอข้อมูล และหาทางออกให้ลูกหนี้ เราไม่ต้องการให้เกิดหนี้เสีย เพียงแต่ว่าทุกอย่างต้องอยู่ที่กระบวนการ ซึ่งเป็นลูกค้าเก่ามาหลายปี
Q : การตั้งคณะกรรมการสอบสวนถึงขั้นตอนไหนแล้ว
ยังอยู่ระหว่างการตั้ง ซึ่งเป็นกระบวนการภายในที่ตอบไม่ได้ โดยความมุ่งหวังว่า กระบวนการตรวจสอบข้อผิดพลาดเชิงระบบหรือบุคคลให้เสร็จเร็วที่สุด ซึ่งไม่มีธงว่าต้องเสร็จเมื่อไหร่ แต่องค์ประกอบต้องครบ และข้อเท็จจริงต้องได้ ส่วนจะเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับการปล่อยสินเชื่อมาสอบถามหรือไม่ ก็มีระเบียบของพนักงานอยู่แล้ว ธนาคารก็ปฏิบัติตามระเบียบ หากเป็นพนักงานของธนาคาร หรือไม่ใช่พนักงานของธนาคารแล้ว ก็ดำเนินการตามสิทธิที่เรามี
Q : พบความเสียหายเพิ่มหรือไม่
หากเจออะไรที่เป็นเท็จ เราก็สืบต่อ ตอนนี้ยื่นดีเอสไอไป 10 เอกสาร ธนาคารก็อาจยื่นมากกว่านั้นหากเจอเพิ่มเติม ส่วนการสำรอง (หนี้) เพิ่ม ก็ไม่ต้องตั้งแล้ว เพราะที่ผ่านมาตั้งสำรองไปเต็ม 100% คลุมมูลหนี้ 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งสำรองไปก่อนตั้งแต่ที่บริษัทยังไม่เป็นหนี้เสียด้วยซ้ำ เพราะธนาคารพิจารณาแล้วว่า เป็นไปไม่ได้ที่เราจะเคลียร์ปัญหานี้ให้จบก่อน 90 วัน
Q : แบงก์ต้องรื้อกระบวนการปล่อยสินเชื่อใหม่หรือไม่
ธนาคารทบทวนอยู่แล้ว หมดทุกกระบวนการ ซึ่งเป็นกระบวนการปกติที่เวลามีเหตุที่ทำให้ธนาคารเสียหายขนาดนี้ ก็ต้องกลับไปทบทวนว่ากระบวนการธนาคารบกพร่องหรือไม่ ผิดพลาดตรงไหนหรือไม่ หรือเป็นที่กระบวนการปล่อยสินเชื่อหรือที่ตัวบุคคล ก็ต้องว่าไปตามข้อเท็จจริง
สำนักงานบัญชี,สำนักงานสอบบัญชี,ทำบัญชี,สอบบัญชี,ที่ปรึกษา,การจัดการ,เศรษฐกิจการลงทุน